15 เบื้องหลังที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ Furious 7

          รวมมิตร 15 เกร็ดที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับหนังรถซิ่ง Furious 7 อุ่นเครื่องก่อนตีตั๋วเข้าชมจริงในเร็ว ๆ นี้

          หลังฝ่าฟันเรื่องดราม่ามาได้สักระยะ ในที่สุดหนังภาคต่อที่หลายคนรอคอยอย่าง Furious 7 ก็พร้อมเข้าฉายให้ได้ชมกันเสียที ซึ่งความน่าสนใจของหนังภาคนี้เห็นจะเป็นการแสดงครั้งสุดท้ายของพระเอก พอล วอล์คเกอร์ (Paul Walker) รวมถึงการปรากฏตัวของนักบู๊ชาวไทย จา พนม ที่ขอวาดลวดลายในฮอลลีวูดเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามคงจะดีไม่น้อยหากเราได้รู้เบื้องหลังของหนังเรื่องนี้กันอีกสักหน่อย ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวม 15 เรื่องน่ารู้ของ Furious 7 จากเว็บไซต์ IMDb มาให้อุ่นเครื่องก่อนตีตั๋วเข้าชมกัน ถ้าพร้อมแล้วไปดูด้วยกันเลย

          การเสียชีวิตของ พอล วอล์คเกอร์ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2013 ทำให้การถ่ายทำในแอตแลนต้าหยุดชะงักในวันถัดมา ด้วยเหตุนี้ผู้กำกับ เจมส์ วาน (James Wan) และผู้บริหาร Universal จึงประชุมหาทางออกเนื่องจากการถ่ายทำส่วนของพอลมาไกลเกือบครึ่งเรื่องแล้ว ในตอนแรกมีข่าวลือว่าโปรเจคท์นี้อาจถูกยกเลิกกลางคัน แต่ในที่สุดการถ่ายทำก็ดำเนินต่อได้โดยหาทางลงให้กับคาแรคเตอร์ ไบรอัน โอ คอนเนอร์ อย่างเหมาะสมที่สุด


          นักแสดงแทน และคอมพิวเตอร์กราฟิก คือเทคนิคทดแทนการปรากฏตัวของ พอล วอล์คเกอร์ ในส่วนที่เหลือ โดยน้องชายของเขาอย่าง เคเล็บ วอล์คเกอร์ (Caleb Walker) และโคดี้ วอล์คเกอร์ (Cody Walker) ร่วมแสดงแทนและให้เสียงคาแรคเตอร์ ไบรอัน โอ คอนเนอร์

          แผนการสร้าง Furious 7 ถูกประกาศก่อนหน้าที่ Fast & Furious 6 จะเข้าฉายเสียอีก

          สาเหตุที่ผู้กำกับ จัสตัน ลิน (Justin Lin) ไม่กลับมาในภาคนี้เพราะ Universal ต้องการสร้าง Furious 7 ให้ทันฉายในปี 2014 ซึ่งการถ่ายทำจะทับซ้อนกับช่วงที่เขาทำ Post-Production สำหรับ Fast & Furious 6 การถอนตัวจึงเป็นทางออกเพื่อไม่กระทบกับคุณภาพของหนังทั้ง 2 ภาค

          Furious 7 คือหนังเรื่องแรกของผู้กำกับ เจมส์ วาน (James Wan) ที่ไม่ใช่หนังแนวสยองขวัญ


          ถึงแม้จะเป็นหนังลำดับที่ 7 แต่เนื้อหาของภาคนี้จะเดินเรื่องต่อจาก The Fast and the Furious : Tokyo Drift (2006)


          ผู้กำกับ เจมส์ วาน เผยว่าชื่อของ Furious 7 มีความหมายว่าซามูไรทั้ง 7


          เดอะร็อค ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) เตรียมตัวรับบท ลูค ฮอบส์ โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 7 เดือนไปกับการคุมอาหารอย่างเข้มงวดและวางแผนออกกำลังกายอย่างหนัก


          ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 17 นาที ทำให้ Furious 7 กลายเป็นหนังที่มีความยาวที่สุดในแฟรนไชส์ Fast and Furious

          เชื่อหรือไม่ว่าแต่ละภาคของ Fast and Furious และ X-Men ต่างเข้าฉายในปีเดียวกัน ยกเว้นภาคล่าสุดที่ถูกเลื่อนจากปี 2014 มาเป็น 2015 สืบเนื่องจากการจากไปของ พอล วอล์คเกอร์

          Universal Pictures เคยมองหาตัวนักแสดงระดับแม่เหล็กเพื่อรับบทเล็ก ๆ ก่อนปูทางสู่บทสำคัญในอนาคต หนึ่งในนั้นคือ เดนเซล วอชิงตัน (Denzel Washington) ที่ขอปฏิเสธจนบทดังกล่าวตกเป็นของ เคิร์ท รัสเซล (Kurt Russell) นอกจากนี้ยังมี เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ (Taylor Lautner), ฮัลลี เบอร์รี (Halle Berry) รวมถึงนักแสดงชาวอินเดีย ดีพิก้า ปาดุโคน (Deepika Padukone) ที่เกือบได้ปรากฏตัวเช่นกัน

          รถสีแดงที่ปรากฏในฉากตึกเอทิฮัด ทาวเวอร์ คือรถยนต์รุ่น W Motors Lykan Hypersport ของบริษัทสัญชาติเลบานอน W Motors ที่วางแผนผลิตรถไฮเปอร์สปอร์ตเพียง 7 คันเท่านั้น

          ส่วนเนื้อหาต่อจากนี้จะมีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของ Furious 7 หากใครไม่อยากหมดสนุกก่อนชมก็สามารถข้ามไปได้เลย


          เจสัน สเตธัม (Jason Statham) มีฉากต่อสู้ทั้งสิ้น 2 ฉาก ฉากแรกร่วมกับ เดอะร็อค ส่วนอีกฉากร่วมกัน วิน ดีเซล


          คาแรคเตอร์ ฌอน บอสเวล (รับบทโดย ลูคัส แบล็ค) กลับมาอีกครั้งหลังปรากฏตัวครั้งสุดท้ายใน The Fast and the Furious : Tokyo Drift


          มิเชลล์ โรดริเกซ (Michelle Rodriguez) มีฉากต่อสู้ร่วมกับนักสู้ UFC รอนดา โรสซี (Ronda Rousey) ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ทั้งคู่วาดลวดลายใส่กันหลังจาก Fast & Furious 6


          ความสนุกครั้งใหม่ของ Furious 7 รอให้คุณพิสูจน์ความมันส์แล้วทุกโรงภาพยนตร์ ดูจบแล้วอย่าลืมแบ่งปันให้เราฟังด้วยว่าคิดเห็นอย่างไรบ้าง