11 หนังคุณภาพที่ถูกมองข้ามบนเวทีออสการ์ 2016

          เกาะกระแสออสการ์ครั้งที่ 88 ไปกับ 11 หนังคุณภาพที่หมดสิทธิ์ลุ้นรางวัลออสการ์ 2016 มาดูกันว่าแต่ละเรื่องมีของดีขนาดไหน

          ช่วงเวลาที่งานประกาศผลรางวัลออสการ์ 2016 กำลังจะมาถึง เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนคงมีหนังที่ตัวเองเชียร์อยู่ในใจแล้ว แต่ท่ามกลางแสงไฟที่จับจ้องไปยังผลงานเหล่านั้น ยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่ถูกพูดถึงว่ามีคุณภาพ แต่กลับไม่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ปีล่าสุดเลยแม้แต่สาขาเดียว (อ่านข่าว รายชื่อผู้เข้าชิงรางวัล ออสการ์ 2016 ครั้งที่ 88) โดยเว็บไซต์ Indiewire ได้รวบรวมรายชื่อหนังคุณภาพ 11 เรื่อง ที่ถูกเวทีออสการ์มองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย ไปดูกันเลยว่าแต่ละเรื่องจะมีเนื้อหาน่าสนใจขนาดไหน

• 1. Love & Mercy

          บิล โพห์แลด (Bill Pohlad) โปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานคุณภาพอย่าง Brokeback Mountain, The Tree of Life และ 12 Years a Slave หวนคืนเก้าอี้ผู้กำกับในรอบ 24 ปี กับเรื่องราวชีวประวัติของ ไบรอัน วิลสัน (Brian Wilson) นักร้องนำและผู้ร่วมก่อตั้งวงดนตรี The Beach Boys แห่งยุค 60 ที่ต้องเข้ารับการบำบัดอาการป่วยทางอารมณ์ ซึ่งทำให้เขาได้พบกับ เมรินดา เลทเบทเทอร์ (อลิซาเบธ แบงค์ส) หญิงผู้เป็นแสงสว่างที่ช่วยเยียวยาหัวใจของเขาด้วยความรักและความเมตตา โดยผู้สวมบทเป็นนักดนตรีในตำนาน ได้แก่ จอห์น คูแซค (John Cusack) และพอล ดาโน่ (Paul Dano) จากเรื่อง Whiplash

• 2. Tangerine


          จุดเด่นของหนังเรื่อง Tangerine คือการถ่ายทำด้วยโทรศัพท์มือถือ iPhone5s ตลอดทั้งเรื่อง ถ่ายทอดออกมาเป็นวีรกรรมสุดป่วนของคู่สาวประเภทสองผู้เลี้ยงชีพด้วยการขายบริการทางเพศ โดยความวุ่นวายเริ่มขึ้นเมื่อหนึ่งในสองสาวอย่าง ซินดี้เรลล่า จับได้ว่าผู้ชายของเธอนอกใจ เดือนร้อนถึง อเล็กซานดร้า ที่ต้องตามติดเพื่อนสาวของเธอจนกว่าจะสะสางเรื่องคาใจได้ เรียกได้ว่าเป็นหนังที่เรียกเสียงฮาและสะท้อนชีวิตอันดิ้นรนของคนชายขอบในลอสแอนเจลิสไปพร้อมกัน

• 3. The End of the Tour


          จากชีวประวัติของนักเขียนชาวอเมริกัน เดวิด ฟอสเตอร์ วอลเลซ (David Foster Wallace) กลายเป็นหนังดราม่าจากฝีมือของ ผู้กำกับ เจมส์ พอนโซลดท์ (James Ponsoldt) หนังตามติดการทำงานของ เดวิด ลิปสกี้ ผู้สื่อข่าวนิตยสาร Rolling Stone ที่ตามสัมภาษณ์ เดวิด ฟอสเตอร์ วอลเลซ ซึ่งกินเวลา 5 วัน และเกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจากนวนิยายเล่มดังอย่าง Infinite Jest ตีพิมพ์เมื่อปี 1996 โดยผู้ที่สวมบทเป็นนักข่าวหนุ่ม ได้แก่ เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก (Jesse Eisenberg) ส่วนคนที่จะมองข้ามไม่ได้คือ เจสัส ซีเกล (Jason Segel) ที่ล้างภาพนักแสดงตลกจากซีรีส์ How I Met Your Mother มาสวมบทเป็นนักเขียนนิยายอัจฉริยะได้อย่างไร้ที่ติ

• 4. Phoenix


          กวาดเสียงชื่นชมจากเทศกาลหนังมาแล้วหลายแห่งสำหรับ Phoenix หนังดราม่าที่เล่าความเจ็บปวดของเหล่านาซีสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยตัวละครเอกอย่าง เนลลี่ คือหญิงสาวเยอรมันที่หนีรอดจากค่ายกักกันนาซี ก่อนเข้ารับการศัลยกรรมใบหน้าเพื่อเอาตัวรอดและหวังกลับไปใช้ชีวิตกับสามีอย่างมีความสุข แต่ถึงอย่างนั้นสามีของเธอกลับจำภรรยาของตัวเองไม่ได้ เป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เต็มไปด้วยความปวดร้าว

• 5. James White


          หลังเปิดตัวอย่างสวยงามในเทศกาลหนังซันแดนซ์ ผลงานเรื่องนี้ของผู้กำกับ โจช มอนด์ (Josh Mond) ก็กลายเป็นหนังอินดี้ที่น่าจับตาไปโดยปริยาย หนังเรื่องนี้ตามติดชีวิตของ เจมส์ ไวท์ หนุ่มเจ้าปัญหาวัย 20 ที่ใช้ชีวิตอย่างล่องลอยในนิวยอร์ก แต่เมื่อแม่ของเขาล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็ง ทำให้เจมส์ต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเองและฝ่าฟันปัญหาต่าง ๆ ไปให้ได้ แน่นอนว่าผู้สวมบทนำอย่าง คริสโตเฟอร์ แอ๊บบอต (Christopher Abbott) ต้องทำการบ้านอย่างหนัก ซึ่งเขาก็ทำออกมาได้ดีมากเสียด้วย

• 6. Mississippi Grind


          เบน เมนเดลโซห์น (Ben Mendelsohn) สวมบทชายติดการพนันผู้ไม่เคยมีโชค ขณะที่ ไรอัน เรย์โนลด์ (Ryan Reynolds) สวมบทชายที่เล่นการพนันแบบขำ ๆ แต่ไม่เคยใส่ใจว่าจะได้หรือเสีย และเมื่อชายทั้งสองคนได้มาพบผูกมิตรกัน พวกเขาจึงตัดสินใจออกเดินทางเพื่อไล่ล่าเงินจากการพนันร่วมกัน หากว่ากันตามจริงจุดแข็งของหนังเรื่องนี้คือการแสดงของดารานำทั้งสอง ซึ่งหลายคนลงความเห็นตรงกันว่าเคมีของพวกเขาเข้ากันได้อย่างดี

• 7. Beasts of No Nation


          การันตีคุณภาพโดย แครี่ ฟุกุนากะ (Cary Fukunaga) ผู้กำกับเจ้าของรางวัลเอมี่จากซีรีส์ True Detective มาคราวนี้เขาหยิบนวนิยายของนักเขียนชาวไนจีเรีย อูโซดินมา อิวีล่า (Uzodinma Iweala) มาถ่ายทอดผ่านชีวิตของ อากู เด็กชายที่รอดชีวิตจากเหตุสังหารหมู่ในค่ายผู้ลี้ภัย ก่อนถูกกองโจรกบฏนำมาชุบเลี้ยงและฝึกให้เป็นทหารเด็ก โดยไม่รู้ตัวเลยว่าชะตาชีวิตของตัวเองกำลังมุ่งสู่เส้นทางที่แสนอันตราย หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย ไอดริส เอลบา (Idris Elba) ในบทหัวหน้ากองโจร ร่วมด้วยนักแสดงเด็กหน้าใหม่ อับราฮัม อัทตาห์ (Abraham Attah) ในบท อากู

• 8. The Diary of a Teenage Girl


          ผลงานเรื่องแรกของผู้กำกับหญิงไฟแรง มาเรียลเล เฮลลอร์ (Marielle Heller) เล่าการเปลี่ยนผ่านวัยของเด็กสาวที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความรักและความปรารถนาทางเพศ หนังเรื่องนี้พาเราไปพบกับ มินนี่ วัยรุ่นในยุค 1970 ที่ตกหลุมรักชายแก่ซึ่งกำลังคบหากับแม่ของเธอ จุดแข็งของหนังอยู่ที่การแสดงอันทรงพลังของ เบล พาวลีย์ (Bel Powley) ผู้สวมบทเป็นเด็กสาวเจ้าปัญหา ซึ่งทำให้เธอชนะรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากเวที Gotham Independent Film Award 2015

• 9. 99 Homes


          แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ (Andrew Garfield) พิสูจน์ฝีมือในผลงานแนวดราม่ากับบทบาท เดนนิส คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่เพิ่งตกงานและถูกไล่ออกจากบ้าน เขาต้องจำใจทำงานให้กับนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ ริค คาร์เวอร์ (ไมเคิล แชนนอน) ที่สอนให้เขารู้จักกลโกงต่าง ๆ ที่จะทำให้รวยขึ้น โดยเขาไม่รู้ตัวเลยว่าผลประโยชน์ทั้งหมดต้องแลกมากับคุณธรรม ศักดิ์ศรีในตัวเอง และอาจทำให้เขาสูญเสียครอบครัวอันเป็นที่รักไปอีกด้วย

• 10. Clouds of Sils Maria


          เมื่อดาราระดับซูเปอร์สตาร์ต้องกลับมาเล่นละครเวทีที่เคยสร้างชื่อให้กับเธอเมื่อ 20 ปีก่อน ทำให้เธอชักชวนผู้ช่วยส่วนตัวไปซักซ้อมบทยังพื้นที่อันห่างไกล อันเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอเห็นภาพสะท้อนบางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง ส่วนที่เราอยากพูดถึงคือการสวมบทเป็นผู้ช่วยสาวของ คริสเตน สจ๊วต (Kristen Stewart) ที่ส่งให้เธอได้รับคำชื่นชมในหมู่นักวิจารณ์อย่างท่วมท้น แต่น่าเสียดายที่แรงสนับสนุนกลับไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอเข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิง

• 11. Chi-Raq


          ด้วยเนื้อหาทางการเมืองที่เข้มข้น ทำให้หนังของผู้กำกับ สไปค์ ลี (Spike Lee) ถูกกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นแห่งปี 2015 หนังเรื่องนี้เล่าผ่านการต่อสู้ของกลุ่มสตรีในชิคาโกซึ่งร่วมกันก่อตั้งองค์กรต่อต้านความรุนแรง โดยการเคลื่อนไหวของพวกเธอเป็นการท้าทายความเชื่อด้านเชื้อชาติ เพศ ความรุนแรง ที่สั่นสะเทือนไปทั่วอเมริกา และทั่วโลก หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย ซามูเอล แอล. แจ็คสัน (Samuel L. Jackson) ร่วมด้วย เทโยนาห์ พาร์ริส (Teyonah Parris)

          แม้หนังทั้ง 11 เรื่องจะหมดลุ้นบนเวทีออสการ์ไปแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าหนังแต่ละเรื่องจะด้อยค่าลงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเรามาเอาใจช่วยหนังคุณภาพเรื่องอื่น ๆ ที่รอลุ้นรางวัลประจำปีนี้กันดีกว่า