เชิญเสพ 14 ดราม่ากลางกองถ่ายหนังฮอลลีวูด ย้อนรอยคู่เกาเหลาที่ทำให้ทีมงานต้องกุมขมับ มาดูกันว่าใครคือคู่กรณี
"เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้" ประโยคนี้คงใช้ได้ดีกับคนในหลายวงการ โดยเฉพาะแวดวงฮอลลีวูดที่รวมคนระดับบิ๊ก ๆ มาอยู่รวมกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราจะได้ยินเรื่องดราม่าเด็ด ๆ จากกองถ่ายกันอยู่เรื่อย ๆ แถมล่าสุดก็เพิ่งมีข่าวเกาเหลาของดาราระดับแม่เหล็กอย่าง เดอะร็อค กับ วิน ดีเซล (อ่านข่าว: เดอะร็อคเดือด ! จวกเพื่อนนักแสดง Fast 8 ไม่เป็นมืออาชีพ) แต่ในเมื่อมีหลายเรื่องเกิดขึ้นมากมาย กระปุกดอทคอมจึงรวบรวม 14 เรื่องดราม่าในกองถ่ายจากเว็บไซต์ Screen Rant มาฝากคุณ รับรองว่าแต่ละเรื่องจัดว่าเด็ดจริง ๆ
แม้จะเคยมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันมาระยะหนึ่ง แต่ดูเหมือนระหว่างเดอะร็อค กับ วิน ดีเซล สถานการณ์จะคลี่คลายไปได้เปลาะหนึ่งแล้ว ดูจากการที่ วิน ดีเซล ออกมาโพสต์เกี่ยวกับหนังภาคแยกของเดอะร็อคที่ถูกนำมาฉายก่อน Fast 9 ซึ่งข้อความที่ วิน ดีเซล โพสต์ ก็ออกแนวให้กำลังใจ โดยมีเนื้อหาประมาณว่า "อาจจะมีการคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ว่าทำไม Fast 9 ถึงเลื่อนการฉายออกไป แต่มันก็ไม่ยุติธรรมที่จะโทษว่าเป็นความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง" พร้อมกับเผยว่าอาจจะมีข่าวน่าตื่นเต้นให้ติดตามกันด้วย และยังติด #ครอบครัวตลอดไป อีกต่างหาก
ด้วยเหตุนี้ทำให้แฟน ๆ ใจชื้นขึ้นมากเพราะดูเหมือนดราม่าระหว่างเดอะร็อค และ วิน ดีเซล จะจบลงแล้ว ทว่ายังมีคนไม่ยอมจบด้วยง่าย ๆ เพราะล่าสุด ไทรีส กิบสัน ได้ออกมาโพสต์ลอย ๆ อีกแล้วจ้า [อ่านข่าว: ไทรีส กิบสัน เดอะร็อค ดราม่าไม่จบไม่สิ้น] และข่าวนี้ก็ทำให้แฟน ๆ อดลุ้นไม่ได้ว่าท้ายที่สุดจะได้เห็น 3 หนุ่มนี้ร่วมฉากกันอีกไหม ยังไงก็รอดูกันต่อไปเนอะ
instagram tyrese
• ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน กับ ริชาร์ด เกียร์ (The Lords of Flatbush)
ต้นตอของการตีกันของคู่นี้ไม่มีใครทราบว่าเกิดขึ้นจากประเด็นไหน แต่รู้แน่ ๆ ว่าเริ่มขัดแย้งกันตั้งแต่ถ่ายทำเรื่อง The Lords of Flatbush และก็มีข่าวลือถึงความขัดแย้งระหว่างทั้งคู่มาเป็นระลอก ๆ จนในที่สุดบทของริชาร์ด เกียร์ ถูกเปลี่ยนตัวนักแสดง และพวกเขาก็ไม่เคยร่วมงานกันอีกเลยนับจากนั้น
ภาพจาก เว็บไซต์ Screen Rant
• เดวิด โอ. รัสเซล กับ นักแสดงและทีมงาน (Three Kings)
เป็นที่ทราบกันในวงการว่า เดวิด โอ. รัสเซล (David O. Russell) คือผู้กำกับอารมณ์ร้อน พิสูจน์ได้จากเหตุการณ์เด็ดจากกองถ่ายหนังเรื่อง Three Kings ที่เขามีปากเสียงและลงไม้ลงมือกับนักแสดงและทีมงาน โดยเหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อนักแสดงประกอบรายหนึ่ง ตื่นเต้นในฉากที่เขาต้องทุ่ม จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) ลงกับพื้น เมื่อเห็นไม่ได้การ เดวิด โอ. รัสเซล จึงตะคอกใส่เขา จับเขาทุ่มลงกับพื้น และเตะตัวประกอบคนนั้น ซึ่งความซวยดันตกไปที่ผู้ช่วยผู้กำกับ 2 ที่ถูกผู้กำกับจอมเดือดไล่ออกหลังจากพยายามเข้ามาห้าม
ด้านผู้อยู่ในเหตุการณ์อย่าง จอร์จ คลูนีย์ พยายามเกลี้ยกล่อม เดวิด โอ. รัสเซล ที่กำลังเดือดจัดว่า "เดวิด นี่เป็นวันสำคัญก็จริง แต่คุณไม่มีสิทธิ์ไปผลักหรือทำให้คนที่ไม่มีทางสู้ขายหน้า" แต่ผลที่ออกมาคือ เขาถูกผู้กำกับบีบคอแต่เขาก็สู้กลับ ซึ่งภายหลัง จอร์จ คลูนีย์ ออกมายอมรับว่า นั่นเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่แย่ที่สุดในชีวิตของเขา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Three Kings
• เจมส์ แฟรนโก กับ ไทรีส กิบสัน (Annapolis)
เจมส์ แฟรนโก (James Franco) ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่เข้าถึงบทบาท แต่บางครั้งดูเหมือนอินเนอร์ของเขาจะรุนแรงเกินการควบคุม เพราะในหนังเรื่อง Annapolis เขาอินจัดในฉากต่อยมวยจนทำให้เพื่อนนักแสดงอย่าง ไทรีส กิ๊บสัน (Tyrese Gibson) ถึงกับเคือง "ผมนับถือนักแสดงที่เข้าถึงบทบาทนะ แต่เขาไม่เคยสลัดมันออกไปได้เลย" ไทรีส กิบสัน ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Elle "เมื่อใดก็ตามที่เราต้องถ่ายฉากชกมวยด้วยกัน หรือแม้กระทั่งตอนซ้อมก็ตาม เขาจะต่อยผมเต็มแรงเลย" นอกจากนี้เขายังให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Playboy ว่าไม่อยากร่วมงานกับ เจมส์ แฟรนโก อีกแล้ว "ผมไม่อยากร่วมงานกับเขาอีกแล้ว ผมเชื่อว่าเขาก็รู้สึกเหมือนกัน"
ภาพจาก เว็บไซต์ Screen Rant
• เอ็มม่า วัตสัน กับ แชนนิง เททัม (This is the End)
จากในหนังเราจะเห็นนักแสดงทั้งสองคนแบบแวบ ๆ ไม่กี่ฉากเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วตามบทจะต้องเล่นด้วยกัน 1 ฉากใหญ่ ๆ โดยความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นแบบไม่มีใครได้ตั้งตัว เพราะเพียงแค่ แชนนิง เททัม มายืนเต้น (ตามบท) ต่อหน้าสาวเอ็มม่า วัตสัน ไม่กี่อึดใจ สาวเอ็มม่า วัตสัน ก็หุนหันเดินออกจากซีนไปซะเฉย ๆ ทำเอาอึ้งกันทั้งกอง ! และสุดท้ายก็ต้องยกกองภายใน 5 นาที หนังเรื่องนี้เราเลยเห็นทั้งคู่ออกกันคนละฉากสองฉาก แบบไม่เจอกันเลยเกือบจะทั้งเรื่อง กลายเป็นคู่ดาราฮอลลีวูดที่ไม่ลงรอยกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ภาพจาก
เฟซบุ๊ก This Is The End
• จอร์จ คลูนีย์ กับ รัสเซล โครว์
สองนักแสดงหนุ่มใหญ่ที่ดูไม่น่าเลือดร้อนแต่ก็มีเรื่องปะทะกันจนได้ ซึ่งเรื่องมันแดงก็เพราะ จอร์จ คลูนีย์ ออกมาให้สัมภาษณ์กึ่ง ๆ เรียกร้องให้ รัสเซล โครว์ มาขอโทษที่ได้สบประมาทเขาไว้ แถมยังแฉอีกด้วยว่า ฝั่ง รัสเซล โครว์ มาทำร้ายร่างกายเขาก่อน ส่วนทาง รัสเซล โครว์ ก็ได้ส่งเพลงและโน้ตไปพร้อมกับข้อความว่า "มันเป็นการเข้าใจผิด" ซึ่งก็ดูเหมือนจะจบความขัดแย้งกันเท่านั้น แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาทั้งสองคนจะกลับมาร่วมงานกันอีกเลย
บิล เมอร์เรย์ (Bill Murray) คือนักแสดงที่เอาจริงเอาจังเรื่องการทำงาน ซึ่งนั่นอาจเป็นสาเหตุของความตึงเครียดในกองถ่าย Charlie\'s Angels จนทำให้เขามีปากเสียงกับ ลูซี่ ลิว (Lucy Liu) โดยครั้งนั้นเขาโมโหจนต้องหยุดการถ่ายทำ ซึ่งเขาพูดกับ ดรูว์ แบร์รีมอร์ (Drew Barrymore) และคาเมรอน ดิแอซ (Cameron Diaz) ว่า "ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณได้มาอยู่ที่นี่ คุณมีความสามารถมาก" หลังจากนั้นเขาหันไปทาง ลูซี่ ลิว แล้วพูดว่า "แต่คุณมาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบ คุณแสดงไม่ได้เลย !" จนทำให้เธอเริ่มรัวหมัดใส่เขา ก่อนที่อีก 2 สาวจะแยกตัวเธอออกไป
ภาพจาก เว็บไซต์ Screen Rant
• จูเลีย โรเบิร์ตส์ กับ นิค โนลเต้ และชาร์ลส์ ไซเยอร์ (I Love Trouble)
เมื่อปี 1994 หนังสือพิมพ์ LA Times รายงานว่า จูเลีย โรเบิร์ตส์ (Julia Roberts) มีเรื่องบาดหมางกับคู่นักแสดงอย่าง นิค โนลเต้ (Nick Nolte) และพยายามใช้เวลาร่วมกันให้น้อยที่สุด ถึงขนาดเอาสแตนด์อินมาซ้อมบทแทนที่จะซ้อมกับตัวจริง เท่านั้นยังไม่พอ ทั้งสองคนต้องอดทนกับการที่ผู้กำกับ ชาร์ลส์ ไซเยอร์ (Charles Shyer) สั่งให้พวกเขาด้นบทพูดสด ๆ ในฉากเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้บรรยากาศของหนังเปลี่ยนจากแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ ไปเป็นอะไรที่น่าอึดอัดที่สุด
ในเวลาต่อมา จูเลีย โรเบิร์ตส์ กล่าวถึง นิค โนลเต้ ว่าเขาเป็นคนมีเสน่ห์ นิสัยดี แต่เป็นคนน่ารังเกียจ ซึ่งฝ่ายชายก็ตอกกลับมาว่า "มันไม่น่ารักเลยนะ กับการที่บอกว่าใครสักคนน่ารังเกียจ แต่เธอก็ไม่ใช่คนนิสัยดีหรอก ทุกคนรู้กันดี"
ภาพจาก เว็บไซต์ Screen Rant
• เวสลีย์ สไนปส์ กับ ไรอัน เรย์โนลส์ (Blade: Trinity)
ที่มาของแก้วที่มันร้าวครานี้มาจาก ไรอัน เรย์โนลส์ ได้ประกาศว่าจะไม่ร่วมงานกับ เวสลีย์ สไนปส์ อีกต่อไป ! แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดข้อวิวาทอะไรกันหรอกนะ รู้แต่ว่า ระหว่างการถ่ายทำ ไรอัน เรย์โนลส์ เลือกจะใช้สตั๊นต์แมนแทนแสดงเอง ส่วน สไนปส์ ที่แม้จะไม่ออกมาตอบโต้อะไร แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทะเลาะกัน เฮ้อ...ร้าวไปอีกคู่
Blade: Trinity | New Line Cinema
• เคนนี่ เบเกอร์ กับ แอนโทนี แดเนียลส์ (Star Wars)
ใครที่เป็นแฟนหนังเรื่อง Star Wars น่าจะคุ้นชินกับภาพที่หุ่นยนต์ R2-D2 กับ C-3P0 มักโต้เถียงกันแบบน่ารัก ๆ ซึ่งในความจริงคนที่ให้เสียงเป็นตัวละครทั้ง 2 ก็แอบกระทบกระทั่งกัน โดยเรื่องดราม่าเริ่มขึ้นเมื่อ เคนนี่ เบเกอร์ (Kenny Baker) เจ้าของบท R2-D2 พยายามทักทาย แอนโทนี แดเนียลส์ (Anthony Daniels) ซึ่งเป็นเจ้าของบท C-3P0 แต่กลับถูกเมินและโดนพูดตอกใส่หน้ากลับมาว่า "ไม่เห็นเหรอว่าผมกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ ?" ก่อนหันหลังไป โดยในปี 2005 เคนนี่ เบเกอร์ เปิดใจว่า นั่นคือสิ่งที่หยาบคายที่สุดเท่าที่มีคนเคยทำกับเขา ต่อมาในปี 2009 เขาเล่าว่าเคยโดน แอนโทนี แดเนียลส์ มองเหยียดเพิ่มอีก 1 ดอก แถมแดเนียลส์มักทำแบบนี้กับทุกคนด้วย
ภาพจาก StarWars.com
• อเล็ก บอลด์วิน กับ ไชอา เลอบัฟ (Orphans)
คู่นี้ไม่ได้เล่นภาพยนตร์ด้วยกัน แต่ไปมีเรื่องกันในละครบรอดเวย์ เรื่อง Orphans โดยแหล่งข่าวเผยว่า ไชอา เลอบัฟ เป็นฝ่ายเหวี่ยงใส่ อเล็ก บอลด์วิน ก่อน ด้วยเรื่องที่อีกฝ่ายลืมบทพูด และทำให้เขาเสียเวลา แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะไม่ได้ร้ายแรงไปมากกว่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้เห็น อเล็ก บอลด์วิน ในละครเรื่องนี้อีก และสองคนนี้ก็ไม่เคยร่วมงานกันอีกเลยไม่ว่าจะในไหนก็ตาม
• เจมี่ ฟ็อกซ์ กับ แอลแอล คูล เจ (Any Given Sunday)
ในเรื่องนี้ เจมี่ ฟ็อกซ์ (Jamie Foxx) กับ แอลแอล คูล เจ (LL Cool J) เล่นเป็นนักอเมริกันฟุตบอลเหมือนกัน แต่เรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นเมื่อ แอลแอล คูล เจ เริ่มเล่นนอกบทแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อความสมจริง และกลายเป็นการทะเลาะวิวาทจนเรื่องถึงตำรวจ โดยมีรายงานว่าแรปเปอร์หนุ่มทั้งผลักและต่อยจริงขณะเข้าฉาก จนเรื่องมาถึงจุดที่ เจมี่ ฟ็อกซ์ ต้องขอให้เขาบอกล่วงหน้าก่อนว่าจะทำอะไร แต่ถึงอย่างนั้น แอลแอล คูล เจ ก็ยังไม่วายละเมิดข้อตกลง จนทำให้ เจมี่ ฟ็อกซ์ ต้องสวนหมัดกลับเป็นการตอบโต้ อย่างไรก็ตามทั้งคู่ยังคงทำงานร่วมกันอีกหลายครั้งหลังการถ่ายทำจบลง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Any Given Sunday
• ไรอัน กอสลิ่ง กับ ราเชล แม็กอดัมส์ (The Notebook)
แม้ความสัมพันธ์ในจอระหว่าง ไรอัน กอสลิ่ง (Ryan Gosling) กับ ราเชล แม็กอดัมส์ (Rachel McAdams) จะเป็นที่น่าจดจำ แต่ใครจะรู้ว่าพวกเขาเคยมีเรื่องกันในการถ่ายทำช่วงแรก โดยผู้กำกับ นิค คาสซาเว็ทส์ (Nick Cassavetes) เคยออกมาเปิดเผยว่า ไรอัน กอสลิ่ง เคยบอกให้เขาเปลี่ยนตัว ราเชล แม็กอดัมส์ แล้วหานักแสดงคนอื่นมาแทน "เขากำลังเข้าฉากกับราเชลแล้วบอกว่า คุณช่วยเอาเธอออกไปจากตรงนี้แล้วหาคนอื่นมาเล่นแทนได้ไหม ? ผมทำงานกับเธอไม่ได้จริง ๆ ผมไม่ได้อะไรจากตรงนี้เลย"
แม้พวกเขาจะเริ่มงานด้วยความบาดหมาง แต่ท้ายที่สุด ไรอัน กอสลิ่ง กับ ราเชล แม็กอดัมส์ ก็ถ่ายทำหนังเรื่องนี้จนตลอดรอดฝั่ง แถมกิ๊กกันอยู่สักพักหลังถ่ายหนังเรื่องนี้จบ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก The Notebook
ด้วยความที่ เบน แอฟเฟล็ค (Ben Affleck) เป็นชาวบอสตันโดยกำเนิด เขาจึงคลั่งไคล้ทีมเบสบอลบอสตัน เรดซ็อกซ์ ซึ่งเป็นเสมือนฮีโร่ของชาวเมือง แต่ในเมื่อผู้กำกับ เดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) ต้องการให้ตัวละคร นิค ดันน์ (ซึ่งเป็นชาวนิวยอร์ก) สวมหมวกทีมนิวยอร์ก แยงกีส์ เพื่อไม่ให้คนจำได้ เขาจึงขอปฏิเสธเพราะนั่นคือทีมคู่แข่งของเรดซ็อกซ์ "เดวิด ผมรักคุณนะ ผมยอมทำอะไรให้คุณก็ได้ แต่ผมจะไม่สวมหมวกแยงกี้ส์แน่นอน มันทำไม่ได้จริง ๆ ผมสวมมันไม่ได้เพราะมันจะกลายเป็นประเด็นขึ้นมา เดวิด มันจะไม่จบลงแน่นอน ผมทำไม่ได้จริง ๆ ผมสวมมันลงบนหัวผมไม่ได้"
หลังจากโต้เถียงกันอยู่หลายวัน ในที่สุดทั้งสองคนก็ตกลงกันได้ว่า นิค ดันน์ จะเปลี่ยนไปสวมหมวกของทีมนิวยอร์ก เม็ทส์ แต่ถึงอย่างนั้น เดวิด ฟินเชอร์ ก็ดูหัวเสียไม่น้อย "ผมอยากให้มันเป็นหมวกแยงกี้ส์มากกว่า แต่การมาจากบอสตันและการไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพเท่าไร เบนปฏิเสธที่จะสวมหมวกแยงกี้ส์" เขากล่าว "มันไม่เสียหายอะไรมากหรอก แต่เราต้องพักการถ่ายทำไปหลายวันเหมือนกัน"
ภาพจาก เว็บไซต์ Screen Rant
ต่อให้เรื่องดราม่าเบื้องหลังจะแซ่บขนาดไหน แต่ถ้าหากไม่กระทบกับคุณภาพของหนังก็ถือว่าโอเค เราขอนับถือนักแสดงที่ทำงานได้แบบมืออาชีพ แม้เบื้องหลังจะปวดใจแค่ไหนก็ตาม
