ภายใต้เรื่องราวที่เหนือจริง ท้าทาย และยากต่อการหาสถานที่จริง การสร้างหนังเรื่องต่าง ๆ จึงต้องทุ่มทุนกับการสร้างฉาก เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสมจริงมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เห็นหนังหลายเรื่องที่สร้างฉากออกมาได้อย่างอลังการ จนกลายเป็นจุดขายของหนังที่คนยังพูดถึงมาจนทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่นหนัง 10 เรื่องที่รวบรวมมาจากเว็บไซต์ Screen Rant ที่ล้วนทุ่มทุนกับการสร้างฉากในระดับที่ไม่ธรรมดา ตรงตามคอนเซ็ปต์เล็ก ๆ ไม่ ใหญ่ ๆ ทำ มาดูกันเลยว่ามีเรื่องอะไรบ้าง
บนพื้นที่ฟาร์มกว่า 14 เอเคอร์ กลายเป็นที่ตั้งของบ้านฮอบบิท 37 หลัง กังหันลม และสะพานข้ามทะเลสาบ โดยการก่อสร้างฉากเริ่มขึ้นในปี 1999 ซึ่งได้กองทัพนิวซีแลนด์เข้ามาช่วยปรับหน้าดินและการสร้างถนนเข้าใกล้กับทางด่วนมากที่สุด หลังจากนั้นทีมงานกว่า 400 คน จึงเข้ามาก่อสร้างฉากตลอดเวลา 9 เดือน ซึ่งหลังจากถ่ายทำเสร็จทั้ง 3 ภาคแล้ว ส่วนประกอบที่เป็นไม้อัดและพลาสติกได้ถูกถอดออก เหลือไว้เพียงโครงสร้างถาวรให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม
ส่วนในหนังเรื่อง The Hobbit ผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ็คสัน ต้องการให้บรรยากาศของหมู่บ้านฮอบบิทรู้สึกอบอุ่น เป็นมิตร และน่าอยู่ยิ่งขึ้น จึงมีการปลูกต้นไม้ล่วงหน้าก่อนถ่ายทำเป็นปี โดยปล่อยให้พุ่มไม้และวัชพืชขึ้นตามทางเดิน ซึ่งทำให้สถานที่แห่งนี้ดูสมจริงมากที่สุด คล้ายกับหมู่บ้านแถบชนบทของอังกฤษในจินตนาการของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน (J. R. R. Tolkien) ผู้แต่งเรื่อง The Hobbit ซึ่งปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศนิวซีแลนด์ไปแล้ว
2. The Matrix Reloaded (2003)
หลังจากภาคแรกของ The Matrix ประสบความสำเร็จเกินคาด ผู้กำกับสองพี่น้องวาโชสกี้ (Wachowski) มีโอกาสสร้างภาคต่อภายใต้การดูแลของ Warner Bros. ซึ่งทำให้งบประมาณของภาคนี้สูงขึ้นตามไปด้วย โดยทีมผู้สร้างแบ่งงบประมาณ 2.5 จากทั้งหมด 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาสร้างถนนสำหรับการถ่ายทำ เนื่องจากการทำงานบนถนนของจริงในเมืองเอครอน รัฐโอไฮโอ อาจกินเวลานานเกินไป โดยถนนความกว้าง 3 เลน ความยาว 1.5 ไมล์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อการถ่ายทำยาว 3 เดือน และได้รับการสนับสนุนจากบริษัท GM ที่บริจาครถยนต์กว่า 300 คันสำหรับเข้าฉาก ซึ่งหลังจากถ่ายจบก็ไม่มีรถคันไหนอยู่ในสภาพสมบูรณ์สักคัน
ภายใต้งบประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นักออกแบบโปรดักชั่น ดันเต้ เฟอร์เรตติ (Dante Ferretti) ต้องเนรมิตนครนิวยอร์กในศตวรรษที่ 19 โดยได้แรงบันดาลใจจากภาพวาดของศิลปินชาวอเมริกันอย่าง จอร์จ แคทลิน (George Catlin) และในเมื่อทุกอย่างไม่หลงเหลือให้เห็นอีกแล้ว จึงต้องสร้างทุกอย่างขึ้นใหม่ ประกอบไปด้วยอาคารกว่า 30 หลัง เช่น โบสถ์, คาสิโน, โรงละคร, แมนชั่นของผู้ว่า ไปจนถึงเรือขนาดใหญ่ 2 ลำ และถนนความยาวเป็นไมล์ ซึ่งท้ายที่สุผลงานของ ดันเต้ เฟอร์เรตติ ก็ได้เข้าชิงออสการ์สาขากำกับศิลป์ยอดเยี่ยม
4. Titanic (1997)
ในเมื่อไม่สามารถหาสตูดิโอขนาดมโหฬารได้ 20th Century Fox จัดแจงพื้นที่ขนาด 40 เอเคอร์ บริเวณชายฝั่งบาฮา รัฐแคลิฟอร์เนีย สร้างถังเก็บน้ำขนาด 800x90 ความจุน้ำ 17 ล้านแกลลอน สำหรับการถ่ายทำฉากเรือล่มโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีการสร้างถังเก็บน้ำความจุ 5 ล้านแกลลอน สำหรับการถ่ายทำฉากภายในเรือ ซึ่งถึงแม้ฉากเรือไททานิคจะถูกสร้างเพียงด้านเดียวเพื่อประหยัดงบประมาณ แต่ก็กลายเป็นฉากที่มีมูลค่าสูงที่สุด และเคยเป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดในโลกด้วย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Titanic
5. Waterworld (1995)
ฉากสุดอลังการของ Waterworld ที่พูดถึงโลกอนาคตที่มีแต่น้ำ ถูกสร้างด้วยงบประมาณ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนรมิตเป็นเกาะวงแหวนลอยน้ำขนาดเส้นรอบวง 1/4 ไมล์ และมีน้ำหนักกว่า 1,000 ตัน โดยทีมงานกว่า 300 ชีวิต ใช้เวลาก่อสร้างฉากราว 3 เดือน จากวัสดุประเภทไม้ เปเปอร์มาเช่ และเหล็กจำนวนมากที่ส่งจากแคลิฟอร์เนียมายังฮาวาย แต่ถึงแม้จะยิ่งใหญ่อลังการแค่ไหน แต่ฉากดังกล่าวก็ไม่มีที่ว่างสำหรับการสร้างห้องน้ำ หากใครสักคนอยากทำธุระขึ้นมาละก็ พวกเขาต้องนั่งเรือไปใช้ห้องน้ำที่อื่นเพียงอย่างเดียว
6. Star Wars: Episode 6 - Return of the Jedi (1983)
ใครที่เป็นแฟนของหนัง Star Wars น่าจะคุ้นตากับยานพาหนะที่ชื่อว่า The Khetanna เป็นอย่างดี โดยเบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของยานลำนี้ ใช้เวลาก่อสร้างนาน 4 เดือน จากกำลังคน 110 คน ส่วนการออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากเรือรบในศตวรรษที่ 18 ประกอบไปด้วยปืนใหญ่ขนาบทั้งสองข้าง ใบเรือ ซึ่งฉากของจริงมีความกว้าง 212 ฟุต และสูง 80 ฟุต ส่วนงบประมาณก็ใช้ไปทั้งหมด 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทุนสร้างหนัง 32.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
7. Batman (1989)
ฉากหลังสุดตระการตาของเมืองก็อธแธม กลายเป็นพระเอกในหนังเรื่อง Batman ของผู้กำกับ ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) โดยเนรมิตเมืองทั้งขนาดจริงและขนาดย่อส่วน รวมถึงการสร้างถนนความยาวกว่า 1/4 ไมล์ ซึ่งกลายเป็นฉากขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เรื่อง Cleopatra เมื่อปี 1963 และใช้กำลังคนกว่า 400 คน ในการก่อสร้างนาน 6 เดือน โดยผู้ออกแบบฉากอย่างบอกว่าต้องการให้เมืองก็อธแธมในเรื่องนี้ ดูเหมือนนิวยอร์กที่ไม่เคยถูกควบคุมผังเมืองมานาน 300 ปี ที่ให้ความรู้สึกไร้ระเบียบและเยือกเย็นอย่างที่สุด
แม้เป็นหนังที่ทำเงินสูงสุดแห่งปี 1963 แต่ถึงอย่างนั้น Cleopatra ก็ไม่สามารถรอดพ้นภาวะขาดทุนไปได้ สาเหตุหลักเป็นเพราะทุนสร้างที่สูงลิบลิ่ว ซึ่งบานปลายจากงบ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนเกือบทำให้ 20th Century Fox ล้มละลายมาแล้ว โดยระหว่างการถ่ายทำใน Pinewood Studios ประเทศอังกฤษ ได้เกิดฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก สร้างความเสียหายให้กับฉากจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ แถมยังทำให้นางเอกของเรื่องอย่าง อลิซาเบธ เทย์เลอร์ (Elizabeth Taylor) ป่วยเป็นโรคปอดบวม
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Cleopatra
หลังจากพักการถ่ายทำไปนานหลายเดือน ในที่สุดการถ่ายทำก็ถูกย้ายไปยังกรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยสร้างฉากกว่า 70 แบบขึ้นใหม่จากแบบร่าง และเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน ทีมงานตัดสินใจสร้างฉากให้ใหญ่กว่าของจริง 3 เท่า ยิ่งใหญ่จนกระทั่งไม่สามารถหาวัสดุในอิตาลีมาสร้างฉากได้อีกแล้ว
9. Ben-Hur (1956)
ในยุคที่โทรทัศน์เริ่มเป็นที่นิยม จนทำให้ธุรกิจสร้างภาพยนตร์เริ่มซบเซา MGM ตัดสินใจอย่างกล้าหาญด้วยการทุ่มงบรีเมค Ben-Hur จนฉุดให้สตูดิโอรอดพ้นจากภาวะล้มละลาย โดยหนังเรื่องนี้ใช้เวลาเตรียมการสร้างกว่า 6 ปี มีฉากการถ่ายทำราว 300 ฉาก ซึ่งกินพื้นที่กว่า 340 เอเคอร์ โดยฉากสนามแข่งรถม้าในตำนานเพียงฉากเดียว ก็กินงบประมาณ 1 ใน 4 ของทุนสร้างทั้งหมด ความยิ่งใหญ่ของมันกินพื้นที่กว่า 18 เอเคอร์ของสตูดิโอนอกกรุงโรม และถูกปกคลุมไปด้วยทรายกว่า 40,000 ตัน ที่นำเข้าจากเม็กซิโก ส่วนนักแสดงประกอบก็มีจำนวนกว่า 15,000 คนเข้าไปแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ben-Hur
10. Metropolis (1927)
หนังไซไฟเรื่องดังแห่งปี 1927 สร้างความตะลึงด้วยเนื้อหาล้ำสมัยและฉากสุดอลังการ ซึ่งถ้าหากย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 90 ปีก่อน การสร้างฉากด้วยมือดูจะเป็นทางเลือกเดียวในการเนรมิตเมืองแห่งโลกอนาคต โดยฉากการถ่ายทำขนาด 60,000 ตารางฟุต ถูกสร้างขึ้นภายใน Babelsburg Studios ไม่ไกลจากกรุงเบอร์ลิน ซึ่งฉากต่าง ๆ ตั้งแต่ตึกระฟ้าของชั้นนำ ไปจนถึงโรงงานนรกที่อยู่ใต้ดิน มีการผสมผสานด้วยศิลปะแบบอาร์ตเดคโค คิวบิสม์ และเบาเฮาส์ รวมไปถึงแรงบันดาลใจจากหอคอยบาเบล และตึกสูงในมหานครนิวยอร์ก โดยสรุปแล้ว Metropolis ใช้เวลาถ่ายทำรวม 2 ปี ด้วยงบประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นหนังเงียบที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เหตุผลที่หนังทั้ง 10 เรื่องกลายเป็นตำนาน อาจไม่ใช่เพียงเพราะความอลังการของฉากเพียงอย่างเดียว แต่ทุก ๆ เรื่องมีองค์ประกอบอย่างอื่นที่โดดเด่น เช่น เนื้อเรื่อง นักแสดง เพลงประกอบ ที่ส่งเสริมกันไปหมด สมแล้วที่หลายคนยกย่องให้เป็นหนังในตำนาน