x close

ความน่ากลัวของไวรัส จาก หนัง Contagion







ความน่ากลัวของไวรัสจากในหนัง ontagion : สัมผัสล้างโลก เกิดขึ้นได้จริง หรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจริง? (Warner Bros. Pictures)

          ภาพยนตร์เรื่อง Contagion ได้รับการจุดประกายแรงบันดาลใจจากการพูดคุยกัน เขาเชื่อว่า "ทุกคนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวได้" ขณะที่ทำงานในโปรเจ็กต์ครั้งก่อนของพวกเขาในเรื่อง "The Informant!" โซเดอร์เบิร์กและผู้เขียนบทภาพยนตร์ สก็อตต์ ซี. เบิร์นส ได้เดินเรื่องแบบพอเหมาะ เบิร์นสนึกย้อนกลับไปว่า "สตีเฟ่นและผมใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินนานมาก และเราคุยกันว่าผู้คนป่วยกันบ่อยแค่ไหนเวลาที่พวกเขาต้องเดินทาง ไอเดียจึงเริ่มจากการสำรวจความอ่อนแอของมนุษย์จากที่สาธารณะ ผมคิดว่าพวกเราทุกคนเวลาที่เราร่างกายเริ่มอ่อนแอหรือมีอาการบางอย่าง ก็ต้องคิดย้อนกลับไปเมื่อหลายวันที่แล้วว่าเราคุยกับใคร นั่งติดกับใคร แตะต้องตัวใครบ้าง มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์"

          เมื่อเราใช้อากาศเดียวกันกับผู้โดยสารที่เป็นโรคติดต่อ หรือหยิบจับสิ่งของที่มีแบคทีเรียซ่อนอยู่แล้วมาขยี้ตาตัวเองโดยไม่ทันระวัง ก็เป็นสาเหตุให้เกิดหวัดที่น่ารำคาญได้ แต่ทั้งคู่เริ่มคิดถึงว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากพฤติกรรมทั่วไปในชีวิตประจำวันเป็นการแพร่กระจายความหายนะอันร้ายแรงที่สุด? และจะเกิดอะไรขึ้นหากมันแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วถึงขั้นทั่วโลก?

          ผู้คนอาจเสียชีวิตลงก่อนที่จะรู้ว่ามีอะไรมาทำร้ายพวกเขาด้วยซ้ำ

          ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้น คือในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงจากช่วงติดต่อและแสดงอาการนั้น ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าใครมีเชื้อ…หรือใครจะได้รับเชื้อเป็นรายต่อไป





          "ไม่บ่อยนักที่เราจะมีโอกาสได้ทำหนังที่เล่นกับประเด็นสะท้อนถึงทุกคนได้ และมีความระทึกขวัญที่สนุกสนาน"
โซเดอร์เบิร์ก กล่าวว่า "ตอนที่สก็อตต์กับผมคุยกันเรื่องสร้างหนังที่เป็นอันตรายจากการแพร่ระบาด ผมคิดว่านั่นเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับโลก บวกด้วยการพัฒนายาและเทคโนโลยีทั้งหลาย เรามีความจำเป็นที่ต้องนำเสนอในลักษณะที่เกินความเป็นจริง" เขายอมรับว่า "จากการที่ได้ค้นคว้าข้อมูลมา ตอนนี้ผมไม่มีทางคิดที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นแบบเดิมอีกแล้ว เราไม่มีทางกลบดานตัวเองอยู่ในโลกนี้หรือเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของเราได้อีกต่อไป"

          สิ่งที่รับรู้มานั้นเป็นหนึ่งในประเด็นของภาพยนตร์ นั่นคือ การแพร่กระจายไวรัสที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง Contagion มีความน่ากลัวทั้งในระดับความเข้าใจและเนื้อในของเรื่อง แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา แต่ก็อยู่บนรากฐานของศาสตร์และความเป็นไปได้จริง และได้เห็นผ่านเรื่องราวชีวิตของแต่ละคนรวมถึงมิตรภาพต่าง ๆ ที่ไม่ช้าก็ต้องสูญสิ้นหรือเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล "มันเป็นเรื่องสำคัญที่ตัวละครเหล่านี้ต้องรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์จริง ๆ ไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญด้านยาหรือผู้ชำนาญในสาขาของตัวเอง" เคท วินสเล็ต ผู้รับบทแสดงเป็นแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ที่โรคร้ายนี้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกกล่าวว่า "เรากำลังเข้าถึงโลกของโรคระบาดที่ถ่ายทอดผ่านทางมนุษย์"


          ในระหว่างการเตือนเมื่อไม่นานมานี้ของเชื้อซูเปอร์บั๊กที่ต่อต้านยาปฏิชีวนะทุกอย่าง รวมถึงการกังวลอยู่ตลอดเวลาของการค้นหาตัวแทนของระบบชีววิทยา เพื่อค้นหาอาวุธในการต่อสู้ "เราไม่ได้สร้างอะไรที่เหนือเกินความจริงเลย ในแง่ความรู้สึกแล้ว เราทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างน่ากลัวยิ่งขึ้น" กรีกอรี่ จาค็อบส์ ผู้ร่วมอำนวยการสร้างของโซเดอร์เบิร์กมาอย่างยาวนานกล่าวว่า "ผมรักหนังซอมบี้ที่สนุก แต่เรารู้ดีว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง อิทธิพลจากเรื่องนี้เกิดจากการเล่นกับฉากอันน่าสยองในสวนหลังบ้านของเราที่แสดงให้เห็นในช่วงแรกเหมือนกับหวัด ผู้คนดูเป็นปกติ พวกเขาปฏิบัติงานทำหน้าที่ เดินทางไปไหนมาไหนและแพร่กระจายเชื้อไปโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นสาเหตุของเรื่องราว จนกระทั่งพวกเขาอยู่ในขั้นวิกฤติ และเมื่อถึงตอนนั้นมันก็สายไปแล้ว"





          ผู้อำนวยการสร้างไมเคิล แชมเบิร์ก และ สเตซีย์ เชอร์ ให้ความสนใจพอ ๆ กันว่า เรื่องราวจะเจาะเข้าถึงความกลัวขั้นพื้นฐานและสัญชาตญาณแห่งการเอาชีวิตรอดอย่างรุนแรงของเราอย่างไร "ภาพยนตร์ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าไวรัสแทรกซึมสู่ประชากรในหลายระดับได้อย่างไรเท่านั้น แต่รวมถึงผลกระทบต่อชีวิตในแต่ละวัน เมื่อสิ่งที่คุ้นเคยกลายเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยอย่างกะทันหัน และเรากลัวการกลับบ้านของตัวเองหรือการพบเจอเพื่อนของเรา" แชมเบิร์กแสดงความเห็น

          ผู้เชี่ยวชาญจะกำหนดเบาะแสในแต่ละสถานการณ์ โดยการตั้งวัดจากปริมาณของจำนวนวัน เพราะนี่คือจุดที่สังคมเริ่มเกิดปัญหา ร้านค้าขาดแคลนอาหาร ธนาคาร โรงเรียนและปั๊มน้ำมันปิดตัวลง เขตชายแดนถูกปิดกั้น และถึงแม้วิกฤติจะทำให้เกิดความห่วงใยกัน แต่สภาพความเป็นจริงที่มีความแตกตื่น เกิดการหวาดผวา และการทำเรื่องผิดๆ ที่บ่อยครั้งมากขึ้น จึงกลายเป็นภัยคุกคามในตัวมันเองได้อย่างรวดเร็ว 

          "ผมว่าหนังน่าตกใจ น่าตื่นเต้น และค่อนข้างน่าเศร้า" จู้ด ลอว์ กล่าวถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ชมภาพยนตร์ "รวมถึงเรื่องที่เราไม่จำเป็นต้องคิดในทุกวัน การไม่สัมผัสลูกบิดประตู ไอใส่มือแทนที่จะไอใส่ข้อศอก... เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกอย่างเริ่มจุดประกายความคิดให้มีสติขึ้นมา"

          เชอร์กล่าวว่า "สตีเฟ่นถามเสมอว่า "ในจุดนี้อะไรที่สมจริง อะไรที่เกิดขึ้นได้จริงและพวกเขาจะพูดถึงอย่างไร?" เพราะความเป็นจริงมักน่ากลัวยิ่งกว่าเสมอและเจ็บปวดเกินกว่าที่เราจะสร้างขึ้นมาได้" ด้วยความคิดแบบนั้น ผู้สร้างภาพยนตร์จึงรวบรวมข้อมูลที่ได้มาจากศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหะนำโรค (CDC) และผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อท่านอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาผู้ชำนาญของโครงการ ซึ่งในท้ายที่สุดทำให้เธอมีข้อสรุปว่า "ฉันคิดว่าข้อสงสัยที่เกิดขึ้นจากเรื่อง Contagion ไม่ใช่ว่ามันมีทางเกิดขึ้นได้หรือไม่ แต่มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่มากกว่า"  

          เบิร์นสเห็นด้วยว่า "ในปี 1918 ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์สเปนคร่าชีวิตผู้คนไป 50 ล้านคน ถือเป็นจำนวนประชากร 1 ใน 5 ของโลกในช่วงนั้น และมีจำนวนรวมมากกว่าการเสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 โรคระบาดได้แพร่กระจายมากขึ้น มันใช้เพียง 30 ก้าวเพื่อกระโดดก้าวจากจำนวนหลักล้านเป็นพันล้าน หากคำนึงถึงช่วงฟักตัวแล้ว เราอาจไปถึงจำนวนนั้นได้ภายใน 120 วัน"




          เบิร์นสยังได้เรียนรู้อีกว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ถูกค้นพบกันเกือบทุกอาทิตย์ "กระสุนนัดใหม่ 52 นัดถูกบรรจุใส่ปืนและเล็งมายังมวลมนุษย์ทุกปี" เขากล่าว

          "ทุกสิ่งในหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นได้จริง หรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวของจริง"

          Contagion : สัมผัสล้างโลก 29 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น






ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 
  





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ความน่ากลัวของไวรัส จาก หนัง Contagion อัปเดตล่าสุด 26 กันยายน 2554 เวลา 09:13:52 1,668 อ่าน
TOP