x close

สัมภาษณ์ น้อย กฤษดา รับบท จ๊อด ใน อันธพาล !!


อันธพาล

unthaparn


บทสัมภาษณ์ น้อย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ รับบท จ๊อด ในภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล !! (สหมงคลฟิล์ม) 

แนะนำตัว

          สวัสดีครับผม น้อย กฤษดา สุโกศล แคลปป์


ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานในภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล

          รู้สึกว่าโชคดีจริง ๆ ที่พี่โขม ผู้กำกับ และพี่ปุ๊กกี้ โปรดิวเซอร์ ชวนมาเล่นหนังเรื่องนี้ ผมคิดว่าหนังสไตล์แบบนี้ในวงการหนังไทยไม่ค่อยมีแล้ว รู้สึกว่าโชคดีมากครับ


unthaparn


บทบาทของ จ๊อด แตกต่างจากภาพยนตร์ที่เคยแสดงมาอย่างไรบ้าง?

          แตกต่างค่อนข้างมากอย่างเรื่องล่าสุดที่เล่นเป็นหนังเรื่องหลวงพี่เท่งภาค 3 เล่นกับดาราตลกก็สนุกดี หรืออย่างเรื่อง A Moment in June ก็จะเป็นแนวโรแมนติก ก่อนหน้านั้นก็ 13 เกมสยอง เป็นหนังแบบไซโค พอมาถึงเรื่องนี้จะเป็นหนังที่มีความเป็นแอ็คชั่นเยอะเลยทีเดียว ซึ่งก็ดีครับ ได้รับบทหลากหลายแบบนี้ ไม่รู้ว่าครบหรือยัง อาจจะยังเหลือบทตัวร้ายครับ สำหรับอันธพาลก็แรงแต่แรงในอีกรูปแบบหนึ่ง จริง ๆ อันธพาลแรงทีเดียวเลยนะ แต่ละซีนที่ถ่ายทำมีแทงกัน ยิงกัน ทุบตีกัน มันแรงในรูปแบบที่ผมว่าหลายคนยังไม่ค่อยเห็นในหนังไทยครับ แรงแบบเรียลลิสติก (Realistic)


คิดว่าเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญเลยไหม?

          ผมว่ามันก็สำคัญในแง่มุมที่ว่านักแสดงผู้ชายคนไหนก็อยากจะเล่นบทนี้ครับ เขาเลือกเราโชคดี มันสำคัญตรงนี้ล่ะครับ จึงต้องทำหน้าที่ให้ดี


อธิบายคาแร็คเตอร์ของ จ๊อด ใน อันธพาล?

          จ๊อด จะเป็นคนที่ค่อนข้างนิ่ง ๆ ดูจากภายนอกจะเป็นคนค่อนข้างสุขุม คนมองแล้วอ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จะเป็นคนใจดีหรือว่าน่ากลัวกันแน่ แต่ว่าลึก ๆ ข้างในแล้วเขาเป็นคนที่รักแม่ รักน้องสาวอย่างมาก ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อครอบครัว เป็นคนที่รักความยุติธรรม เป็นลูกผู้ชาย จริง ๆ แล้วเขาก็เป็นคนที่ไม่อยากอยู่ในวงการอันธพาล อยากหนีออกจากโลกอันธพาล แต่เผอิญเขาเก่งในเรื่องของอันธพาล การชกต่อย การต่อรอง กติกาของการเป็นอันธพาล เขาเข้าใจทุกอย่างว่ามันสมควรจะเป็นยังไง พอโลกมันเริ่มเปลี่ยนเขาก็เลยไม่อยากอยู่ในโลกอันธพาลนี้แล้ว


unthaparn  unthaparn


เรื่องย่อ อันธพาล

          มันเป็นช่วงเวลาที่สังคมเราเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย ช่วงหนึ่งที่โลกของอันธพาลเปลี่ยนแปลง สมัยก่อนอันธพาลจะเป็นเรื่องของลูกผู้ชาย การดวลกันต่อหน้าต่อหน้า ไม่ใช่ยิงหลังใคร การรักษาคำพูด ความยุติธรรม แดงกับจ๊อดเป็นเพื่อนรักกัน และยังเชื่อมั่นในการเป็นอันธพาล ที่ไม่รังแกคนไม่มีทางสู้ มีกฎ กติกา

          แต่ในยุคของอันธพาลรุ่นใหม่ของธงและเปี๊ยก คิดแตกต่างกัน คิดว่าอันธพาลขอให้ยิงแล้วชนะอย่างเดียว แล้วไม่ได้สนใจเรื่องจิตใจ และจ๊อดจะทำอย่างไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันธพาลรุ่นน้อง กับตำรวจ กับสังคมใหม่ จะอยู่รอดได้อย่างไร สุดท้ายแล้วใครจะเลือกเส้นทางแบบไหน อันธพาลรุ่นใหม่จะเลือกเส้นทางไหน อันธพาลแบบเราจะรักษาโลกของเราที่มันควรเป็นยังไง เมื่อคิดต่างกันเราต้องมีการปะทะกันและบู๊ใส่กันแน่นอนครับ


มีการเตรียมตัวสำหรับฉากแอ็คชั่นเป็นพิเศษบ้างไหม?

          ก็มีซ้อมฉากแอ็คชั่น อย่างฉากดวลมีดกับเฮียเซ้ง (รับบทโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ก็มีการซ้อมดวลมีดก่อน ในเรื่องการชกต่อยจะมีสตั๊นท์แมนสอนให้เราชกแบบโน้นแบบนี้ แล้วโขมผู้กำกับบอกว่าพี่น้อยชกในสไตล์พี่น้อยดีกว่า เราอยากมีสไตล์ของตัวเราเองไม่ต้องเหมือนคนโน้นคนนี้ เป็นสไตล์เราเองดีกว่า ซึ่งก็เป็นคำแนะนำที่ดีนะครับ แล้วสุดท้ายพอถ่ายปรับทุกอย่างเราก็ลุยกันหมดเลย อย่างฉากแอ็คชั่นเราก็มีโคโนกราฟสอนนิดนึงแล้วก็ลุยกันเลย มันค่อนข้างเฟรชทีเดียวครับ เวลาเล่นหนังเรื่องนี้

          ผมไม่ได้คิดถึงขนาดวิธีชกเป็นยังไงนะ ผมมองในแง่มุมด้านคาแร็คเตอร์มากกว่า คาแร็คเตอร์จ๊อดน่าจะมีรูปร่างเหมือนกับนักมวยไทย ดูเป็นคนตัวเล็กแต่พอถอดเสื้อแล้วมีกล้ามเป็นมัด ๆ แล้วอย่างพวกนักมวยไทยเขาจะดูแน่นมากเหมือนแทงไม่เข้า แข็งแรงแต่ตัวเล็กสู้คนรูปร่างใหญ่ได้ ก็เลยเริ่มมองคาแร็คเตอร์ว่าเป็นแบบนี้ ผมก็ไปยกเวท วิดพื้น เล่นฟิตเนส แต่ไม่ได้เล่นหนักให้ดูตัวใหญ่ ผมเล่นเบา ๆ เร็ว ๆ วิดพื้นเร็ว ๆ รูปร่างก็เริ่มจากตรงนี้

          พอรู้ว่าจะเริ่มเล่นฉากแอ็คชั่น ผมรู้ว่าทางกองเขาอยากให้ดูจริงให้ดูเฟรช และเรื่องนี้ไม่ใช่แอ็คชั่นอย่างเดียว มันมีความเป็นดราม่า ผมไม่ได้เหมือนนักแสดงคนอื่น ๆ ที่ถนัดภาษาไทย แล้วก็มาปุ๊ปปั๊บแสดง ผมต้องท่องเยอะ ๆ จนมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายผม เพื่อผมจะได้รีแล็กซ์ได้เวลาที่แสดง ผมก็ท่องมาอย่างเต็มที่ พอเข้าใจเนื้อหาทุกอย่างผมก็เริ่มพูดออกมา มันเริ่มออกมาจากวิญญาณของเราอย่างเป็นจริงเป็นจัง


unthaparn


ต้องมีการปรับลุค เพื่อเข้ากับคาแร็คเตอร์ จ๊อด อย่างไรบ้าง?

          โขมผู้กำกับอยากให้เราดูเข้มขึ้นหน่อย ดูน่ากลัวขึ้น ชีวิตจริงผมอาจจะไม่ได้ดูน่ากลัวถึงขนาดนั้น ก็เลยให้ใส่คอนแท็คเลนส์สีดำ ให้ทาหนวดและคิ้วให้เข้มขึ้น ปกติผมจะสั้นแต่เขาก็ให้ไว้ยาวมาหน่อยเพื่อจะได้ใส่แว็กซ์ ด้านชุดเสื้อผ้าก็ต้องขรึมมืด ๆ หน่อย ปรับเข้ากับยุคนั้นและเป็นช่วงแรกเลยที่คนไทยเราเริ่มแต่งตัวเหมือนฝรั่ง เอลวิส เพรสลีย์ และเจมส์ ดีน ใส่แว็กซ์ทำผม สมัยนั้นไม่มีใครรูปร่างอ้วน หุ่นจะฟิต เท่กันหมด ใส่แว่นดำเป็นยุคแรกที่แฟชั่นเราเริ่มเปลี่ยนแปลงเหมือนเมืองนอก เวลาเห็นฉากแต่ละฉาก Extra (นักแสดงสมทบ) แต่ละคนมันมันส์จริง ๆ ครับ แต่ละคนที่เขาเลือกมาแคสติ้งหน้าตาเข้ากับยุคนั้น ผมว่าหนังเรื่องนี้เขาทำได้ดีมาก เขาทำได้เป็นยุคนั้นแบบ 100% จริง ๆ เลยครับ


unthaparn


ฉากที่คิดว่ายาก?

          ฉากที่ยากจะมีอยู่ 2 แบบ อย่างแรกเป็นฉากแอ็คชั่นซึ่งมันเหนื่อยจริง ๆ บางทีเราเห็นหนังแอ็คชั่นทั่วไป เราจะคิดว่าสนุกจะตายไม่เห็นมีอะไรเลย แต่เวลาต้องเทค 1 2 3 4 แล้วแอ็คชั่นยาว ๆ เพราะเราไม่ได้เป็นนักแสดงแอ็คชั่นโดยธรรมชาติ เราจะออกแรงเยอะมาก เวลาเราแสดงเราจะหายใจไม่เป็น แอ็คชั่นบางฉาก 2-3 เทค ผมก็เริ่มหอบ ไม่ไหวแล้ว ส่วนมากเขาอยากได้เทคยาว ๆ เพราะมันจะดูจริงจังขึ้นไม่อยากคัทเยอะ ต้องจำทุกอย่าง วิ่งขึ้นโน่น ชกคนนี้ ลุยคนโน้น มันเหนื่อยจริง ๆ มันหอบเยอะมาก

          ผมก็นึกว่าผมฟิตนะครับแต่ว่าโห... ผม Respect (เคารพนับถือ) นักแสดงมืออาชีพจริง ๆ พวกสตั๊นท์แมนผม Respect เขาอย่างมาก ฉากพวกนี้ยากมากแต่มันส์นะครับ สนุกครับ สนุกมากเพราะพวกนักแสดงสตั๊นท์ใจเขาถึง เขาบอกว่าพี่น้อยไม่ต้องห่วง ต่อยผม ลุยผมเลยเต็มที่เลย ใจเขาถึงเราก็ต้องถึงด้วย เราจะเริ่มรู้เพราะเราไม่ชินกับการชกต่อย เวลาชกเราก็จะกลั้นหายใจ แต่จริง ๆ แล้วผมว่าคนที่ชิน คนที่เล่นมวยเขาจะรู้ว่าต้องหายใจเมื่อไหร่ ถอนหายใจ จะรู้จังหวะเราก็เริ่มเรียนรู้ตรงนี้ด้วย

          เหมือนเวลาเราร้องเพลง เวลาผมร้อง 1-10 เนี่ย ผมจะร้องเพลงเร็ว 1 2 3 4 5 ไม่ได้ ต้องมีเพลงช้าเพลงนึงให้ผมหายใจสบาย ๆ แล้วค่อยมาร้องเพลงมันส์ ๆ แล้วผมก็เต้นเยอะด้วย ผมก็เริ่มมองการชกต่อยเหมือนเวลาที่ผมเต้น ซึ่งทุกคนก็ทราบว่าผมคล่องเรื่องการเคลื่อนไหว พยายามคิดว่าฉากแอ็คชั่นมันไม่ได้ต่างจากเวลาเราเต้น ซึ่งทุกอย่างมันต้องโฟล มันต้องสมูธ มันต้องดูเป็นธรรมชาติ

          ถ้าเกิดไม่ใช่ฉากแอ็คชั่น สำหรับผมฉากยากที่สุดคือฉากพูดคุยกัน ฉากตะโกนร้องไห้ไม่ได้ยากขนาดนั้นเพราะมันคือการปลดปล่อยเต็มร้อยมันเป็นการที่เราต้องเห็นแก่ตัวแล้ว ฉันจะร้องไห้ก็ร้อง ฉันจะตะโกนก็ตะโกนแล้ว แต่ฉากพูดคุยเราต้องแสดงพูดคุย กับนักแสดงอีกคนเราต้องฟังเขาแล้วมันต้องเป็นจริง การส่งอารมณ์ซึ่งมันเป็นฉากที่ยากมากครับ


อันธพาล


ฉากที่ประทับใจเป็นพิเศษ

          ผมว่าเป็นฉากในโรงหนัง ในหนังเรื่องนี้แดงกับจ๊อดเป็นเพื่อนรักกัน ได้คุยกันได้สื่อความเป็นเพื่อนที่แท้จริงต่อกัน คือแดงจะไปบวชจะขอวางมือ แล้วจ๊อดก็บอกว่าแดงไปบวชเถอะ แล้วจ๊อดจะดูแลทุกอย่างให้ ไอ้นักเลงคนนี้ ปุ๊ ที่รังแกแฟนของแดงเดี๋ยวจ๊อดจัดการให้ โชว์ความเป็นเพื่อนรัก เวลาแสดงเราต้องถ่ายทอดให้ถึง นั่นก็ยากมากแต่รู้สึกว่าเราทำได้สำเร็จ (ยิ้ม)

          และก็ประทับใจฉากแอ็คชั่นตะลุมบอลกัน 10-15 คน ผมคิดว่านักแสดงชายทุกคนก็ใฝ่ฝันอยากเล่นฉากแอ็คชั่น ยิงปืน ถือมีด คาวบอย แล้วก็ผมยังไม่เคยได้เล่นฉากนี้มาก่อน แล้วผมก็อยากเล่นแบบจริง ๆ จัง ๆ ไม่ใช่แบบหนึ่ง สอง สาม เวลาถ่ายเสร็จมาดูในจอมอนิเตอร์ เฮ้ย! เป็นแบบนี้หรอเนี่ยเราโคตรเท่จังเลย ดู Cool จังเลย ไม่รู้คนอื่นจะคิดแบบนั้นเปล่านะ (หัวเราะ) แต่เราไม่เคยเห็นตัวเราแบบนี้มาก่อน ก็เลยประทับใจครับ ฉากนี้ถ่ายประมาณ 4-5 เทค แต่มันถ่ายยาวมากเลย วิ่งข้ามสะพานลงมาก็ต้องสู้ คนนี้มาผมก็ต้องขว้างชามก๋วยเตี๋ยว วิ่งต่อยหลบ ผมว่ามันเฟรชดีครับ น่าจะต่างจากหนังแอ็คชั่นเรื่องอื่น


unthaparn


ได้มีโอกาสรวมงานกับนักแสดงคุณภาพ เต๋า สมชาย เป็นครั้งแรก รู้สึกอย่างไรบ้าง?

          เป็นเสน่ห์ของการทำหนัง มันเหมือนกับเต๋าเข้ามาในวงการบันเทิงก่อนผม กว่าผมจะเข้าก็ 30 กว่าแล้ว เต๋าเขาเข้ามาตั้งแต่อายุ 15-16 ปี เห็นเต๋าผ่านทีวีมานานแล้วไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานกัน เพราะเรา 2 คนมาจากคนละมุมโลก แล้วก็ในหนังเรื่องนี้เรารับบทเป็นเพื่อนรักกัน มันก็ท้าทายตรงนี้ ยิ่งเวลาแสดงร่วมกับเต๋า หรือนักแสดงหลายคน หรือพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ เราเข้าใจเลยว่านักแสดงมืออาชีพเป็นอย่างไร เพราะเขาเป็น Professional (มืออาชีพ) จริง ๆ เขาจะรู้ว่าต้องเล่นกับกล้องยังไง น้ำหนักเสียงเป็นยังไง แล้วเขาก็จะรีแล็กซ์ ผมรู้สึกว่าเป็นเกียรติที่ได้แสดงกับนักแสดงมืออาชีพหลาย ๆ คนในเรื่องนี้ อีกอย่างนึงผมว่าคาแร็คเตอร์ แดง เหมาะกับเต๋ามากด้วยนะฮะ เล่นได้ดีด้วย แล้วเขาก็เป็นลูกผู้ชายดีครับ


unthaparn

unthaparn


มีการแนะนำทางการแสดงกันบ้างไหม?

          แนะนำสอนเทคนิคไม่มีนะ (หัวเราะ) ตัวใครตัวมัน มันเป็นเสน่ห์ของการแสดง เพราะแต่ละคนก็มีเทคนิคกัน แต่เวลามาแชร์ซีนกันก็ขึ้นอยู่กับคาแร็คเตอร์ คนเราไม่เหมือนกันนั่นเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง นั่นคือเทคนิคของตัวแสดง อย่างพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ สำหรับผมแล้วเขาเป็น Top 5 Best Actor ของประเทศไทย อย่างเต๋า หรือรุ่นน้อง ๆ อย่างบิ๊ก, คริน, แฟรงค์ มีนักแสดงหลากหลายมาก แต่ละคนมีเทคนิคของตัวเองเวลามาผสมผสานด้วยกันแล้วมัน Special จริง ๆ ครับ


เล่าถึงการได้ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นน้อง คริน-สาครินทร์ และ บิ๊ก-กฤษฎา ที่ต้องปะทะกันในเรื่องนี้ เป็นอย่างไรบ้าง?

          บิ๊กกับคริน ผมเองก็เพิ่งทราบว่าครินเขาเป็นแฟนเพลงของน้อย วงพรู (หัวเราะ) ครินเขาเองก็เป็นนักร้องนำของวง Art Floor แล้วในหนังเขาก็ต้องเป็นคนที่ชื่นชมจ๊อดด้วย (หัวเราะ) อย่างแรกผมว่าแคสติ้งเขาทำได้ดีมาก เวลาเห็นน้องแต่ละคน แล้วผมว่าบิ๊กเหมาะกับบทเปี๊ยกมากทีเดียว แม้แต่ลุคที่มีความอินโนเซ็นท์ ตัวจริงเขาก็ดูเป็นคนซื่อดูเป็นคนบริสุทธิ์มากมันก็สะท้อนในความเป็นตัวเขา ส่วนครินเขามีความเป็นบริสุทธิ์นะแต่ตัวจริงเขายังมีความลึกความมืดข้างในนิดหน่อย

          อาจจะการที่เขาเป็นนักร้องเวลาที่เขาสื่อสารเพลงที่ค่อนข้าง Dark เขามีความ Dark ผมไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งไม่ดีนะครับ แต่มันหมายถึงในตัวเขา ซึ่งเขาสามารถเอาตรงนี้มาใส่ในคาแร็คเตอร์ในหนังได้ 2 คนนี้ผมว่าเหมาะมาก และเป็นบทที่ดีมากด้วย เริ่มต้นด้วยความเป็นเพื่อนรัก และสุดท้ายแล้วคนหนึ่งไปทาง ส่วนอีกคนไปอีกทาง จนสุดท้ายเด็ก 2 คนนี้ต้องมาเผชิญหน้ากันและเลือกทางเดินจะไปทางไหน ผมว่ามันลึกดี


unthaparn


การร่วมงานกับ โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับฝีมือคุณภาพ เป็นอย่างไรบ้าง?

          ผมเคยดูหนังของโขม ประสบความสำเร็จมากอย่างเรื่อง ไชยา แล้วก็แสดงได้ดี หนังของโขมเป็นหนังที่ดีแล้วทุกคนอยากเล่น มันเข้มข้นมันมีมิติ เป็นคนเขียนบทที่ดีมาก ก็เลยชื่นชมเขามาก่อน เวลาเขามากำกับเรา ดีเทลเขาคิดจะเยอะทุกอย่างเขาจะรู้ในจินตนาการ ตอนที่เขาเขียนบทเขาจะรู้ว่าต้องเป็นยังไง สิ่งเล็กน้อยอย่างสมัยก่อนคนไม่ทำอย่างโน้นอย่างนี้ อย่างชักปืนก็ต้องปุ๊บ ๆ แล้วก็ปล่อยอะไรแบบนี้

          หรือแม้แต่บางฉากผมต้องกินข้าวต้องถือช้อนแบบนี้ โขมเขาจะบอกพี่น้อยต้องจับแบบนี้นะ กินแบบนี้นะ ยิ่งเวลาพูดด้วยต้องเจมส์ ดีน เอลวิส ต้องพูดให้เข้ากับคนสมัยโน้น หรือคาแร็คเตอร์ของผมเนี่ยอยากให้ถือซิปโป้ (Zippo) ไฟแช็ค ต้องถือให้คล่องให้มันเป็นส่วนหนึ่งของคาแร็คเตอร์พี่เลยนะ เขาก็ให้โจทย์ผมไปเล่นกับซิปโป้

          ผมก็ไม่ได้เป็นคนที่สูบบุหรี่ แต่ผมก็ต้องไปฝึกยกไปยกมา เขาจะคิดถึงเรื่องดีเทลอย่างลึก เขาจะทราบว่าแสดงกับเพื่อนอันธพาลแต่ละคนอยากให้มันดูจริงจัง ไม่ใช่แค่เวลาชกต่อย เวลาพูดคุยกันก็อยากให้สื่อสาร ความรักเพื่อน ความซื่อสัตย์ อันธพาลแต่ละคนเขาจะดูตรงนี้ ดูทุกอย่างละเอียดจริง ๆ เป็นผู้กำกับที่ทำงานละเอียดมากครับ ส่วนตัวแล้วชื่นชอบภาพยนตร์แนวไหนเป็นพิเศษ ชอบดูหนังดราม่า พวกหนังลึก ๆ ที่สอนอะไรบางอย่างพวกเราได้


ก้องเกียรติ โขมศิริ


ส่วนตัวแล้วมีไอดอล ที่เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตบ้างไหม?

          ในชีวิตจริงผมไม่ได้มีไอดอลในชีวิตมากมาย จะเป็นคำพูดของคนมากกว่า หรือคำพูดนั้นอาจจะไม่มาจากคนจริง ๆ ก็ได้ อาจจะมาจากคาแร็คเตอร์ในหนังก็ได้ เขียนบทมาแล้วก็พูดคำที่แบบมันเป็นสาเหตุที่เราอยากไปดูหนัง คาแร็คเตอร์คนนั้นพูดสิ่งที่เราประทับใจครับ นั่นคือพาวเวอร์ของหนัง


หากต้องกลายเป็น อันธพาล จะเลือกเป็นอันธพาลแบบไหน?

          อย่างจ๊อด (หัวเราะ) ผมว่าเป็นอันธพาลแบบจ๊อดก็ดี เป็นลูกผู้ชายดี อันธพาลมีหลายรูปแบบนะ เราอาจจะเป็นอันธพาลที่ต่อสู้ล้างคนเลว แต่ถ้าผมเป็นอันธพาลจริง อาจจะเป็นอันธพาลที่ทำมาหากินโดยที่เข้าใจว่าสังคมเราเป็นยังไง


unthaparn
อันธพาล

คำว่า อันธพาล ในความหมายส่วนตัวแล้วคือออะไร?

          ตอนแรกที่พูดว่า อันธพาล ผมนึกถึงเด็กไม่ดี แต่พอผมคุยกับโขมเขาสื่อสารออกมาว่า อันธพาลจริง ๆ แล้วเป็นลูกผู้ชายนะ โลกของอันธพาลที่แท้จริงมันกำลังจะหายไปแล้ว พวกแก๊งค์เนี่ยมันไม่ได้เป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง มันเริ่มยิงข้างหลังกันไม่แฟร์แล้ว พอคุยแล้วก็ทำให้เข้าใจคำว่า อันธพาล มันอาจจะเป็นคำที่เราอาจจะเคารพนับถือก็ได้ เพราะมันเกี่ยวกับความไม่ยุติธรรม การเป็นอันธพาลเป็นคนที่แฟร์ ไม่ไปรังแกคนที่ไม่แข็งแรงไม่เก่งเท่าเรา เราทำอะไรทุกอย่างต้องแฟร์สม่ำเสมอกันหมดครับ


เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล?

          หนังไทยเราไม่ค่อยได้มีหนังแบบนี้เท่าไรแล้ว เราเข้าใจหนังไทยเป็นวงการธุรกิจมันต้องมีหนังตลก หนังผี หนังโรแมนติก แต่นาน ๆ ทีจะมีหนังแอ็คชั่นดราม่า สำหรับในเรื่องการแสดงมันเป็นโอกาสที่นักแสดงหลาย ๆ คนจากหลายรุ่นมารวมตัวกันมาถ่ายทอดอารมณ์ของมัน น่าสนใจมาก เป็น every actor stream ที่จะเล่นหนังแบบนี้


ฝากผลงาน

          หนังเรื่อง อันธพาล เป็นหนังดราม่าแอ็คชั่น อยากฝากให้ทุกคนไปชมหนังไทย เราไม่ได้มีหนังสไตล์แบบนี้ มีความเป็นแอ็คชั่นดราม่า มีคาแร็คเตอร์ที่เป็นจริงหลายคน มันมีแมสเสจที่ดี หนังอาจจะมีชื่อว่า อันธพาล แต่การเป็นอันธพาล มันคือการโชว์ความเป็นลูกผู้ชายของเรา การใช้ชีวิตที่ถูกต้องโดยไม่ไปทำร้ายใคร แต่คนไหนไม่ดีเราอาจจะทำร้ายเขาก็ได้



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สัมภาษณ์ น้อย กฤษดา รับบท จ๊อด ใน อันธพาล !! อัปเดตล่าสุด 26 พฤษภาคม 2555 เวลา 00:17:49 2,615 อ่าน
TOP