x close

ตั๊ก - บงกช พลิกคาแรคเตอร์แปลกใหม่ ใน จันดารา


Jandara


บทสัมภาษณ์ ตั๊ก บงกช คงมาลัย พลิกคาแรคเตอร์แปลกใหม่ใน จันดารา (สหมงคลฟิล์ม)

บทบาท-คาแรคเตอร์

          เรื่องนี้ตั๊กรับบทเป็น "น้าวาด" ค่ะ ก็จะเป็นกุลสตรีไทย ถูกเลี้ยงดูมาแบบคนไทยเลี้ยงดูและก็ฝึกฝนให้เป็นกุลสตรีไทยร้อยมาลัย เป็นญาติห่าง ๆ กับพี่ดารา แม่ของจัน จนเมื่อพี่ดาราคลอดจันแล้วเสียชีวิต เราก็เลยเสียสละชีวิตเลี้ยงดูจันมาตั้งแต่เด็ก เราก็ต้องคอยปกป้องทั้งจันดารา และสมบัติของบ้านเราด้วย ถึงขนาดเสียสละชีวิต ความฝัน ความรักของเรา จำยอมเป็นเมียของคุณหลวงที่เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านตอนนั้น เพื่อเวลาที่เราพูดอะไรจะได้ฟังเรามากขึ้น เราก็สามารถปกป้องจันได้ในระดับหนึ่งค่ะ

Jandara

ความรู้สึกแรกที่รู้ว่าได้แสดงเรื่องนี้

          จริง ๆ ตั๊กก็ดูผลงานของหม่อมน้อยมาหลายเรื่อง และก็อยากร่วมงานกับหม่อมมาก ๆ ทุกตัวละครในหนังของหม่อมจะมีเรื่องราว เป็นหนังไทยพีเรียดย้อนยุคที่น่าสนใจ ดูสนุก ไม่น่าเบื่อ ตอนแรกที่หม่อมติดต่อให้เข้าไปคุยก็แซวตั๊กก่อนเลยว่า เราเคยเห็นในข่าวเธอดูแรง ๆ นะ (หัวเราะ) เรื่องนี้ก็อยากให้ตั๊กเปลี่ยนลุคไปจากเรื่องที่ผ่าน ๆ มา จะให้เล่นบท "น้าวาด" ซึ่งจะเป็นหญิงไทยที่เรียบร้อยมาก จะไม่ค่อยมีอิสระเท่าไรนัก จะเป็นผู้หญิงที่ยอม ไม่มีปากเสียง ทำทุกอย่างเพื่อรักษาผลประโยชน์ไว้ แต่เป็นวิธีที่นิ่มนวลไม่รุนแรง คาแรคเตอร์นี้จะไม่แต่งตัวเลย แล้วพอไปอยู่กับคุณบุญเลื่องเราก็จะกลายเป็นแม่บ้านไปเลย

          ตอนแรกพอหม่อมบอกว่าให้เข้ามาคุยเรื่อง "จันดารา" ตั๊กก็ยังคิดอยู่ว่าหรือเราจะได้บทแรง ๆ พอเข้าไปถึงปุ๊บ หม่อมก็บอกว่าอยากให้ลองเข้ามาแคสบทน้าวาดดู ตั๊กก็เลยงงว่า อ้าวทำไมหม่อมถึงอยากให้เราเล่นบทน้าวาด แต่ก็ยังไม่กล้าถามหม่อม จนพอแคสติ้งเสร็จปุ๊บ พอมีโอกาสเราก็เลยถามว่า หม่อมคะคาแรคเตอร์อย่างตั๊กนี่เป็นน้าวาดได้ใช่ไหมคะ ไม่มั่นใจตัวเองสักเท่าไหร่ หม่อมบอกว่าได้สิ ทำได้อยู่แล้ว ก็อยากให้ตั๊กเข้ามาเรียนเรื่อย ๆ และก็มาฟังเราอธิบาย ตั๊กก็จะทำได้เอง หม่อมเขาอยากเห็นตั๊กแบบหวาน ๆ ไทย ๆ ดูบ้างค่ะ ตั๊กไม่แน่ใจว่าหม่อมอาจจะมองคนละมุมกับผู้กำกับคนอื่น หม่อมอาจจะมองในมุมเหมือนถ้าสังเกตดี ๆ ภาพในภาพยนตร์จะเหมือนภาพวาดทุกภาพเลย ท่านก็คงมีจินตนาการของท่านว่าแบบไหนอะไรอย่างนี้ค่ะ

Jandara

การเตรียมตัวก่อนการถ่ายทำ

          ตั๊กก็จะเข้าไปเรียนกับหม่อมอย่างเต็มที่นะคะ หม่อมจะสอนตั้งแต่ให้เรารู้จักตัวเอง และก็ค่อยทำให้รู้จักตัวแสดง บทเราได้เป็นใครเราก็ตีความเพราะว่าในเรื่องรับบทเป็นกุลสตรีไทย เลี้ยงดูมาแบบไหน ใครเป็นคนเลี้ยงดูมา คุณท้าวยายเป็นคนยังไง จะต้องเป็นระเบียบทุกอย่าง ลักษณะของแม่วาดจะเป็นคนที่เชื่อฟังผู้ใหญ่ และก็เป็นคนที่มีระเบียบ ถูกเลี้ยงมาเป็นกุลสตรีมาก ๆ แม้กระทั่งการนั่ง การเยื้องย่างร่างกายของตัวเอง หรือคาแรคเตอร์การแต่งตัว สิ่งที่ชอบแม้กระทั่งตุ้มหูแหวนอย่างนี้ ก็จะชอบแบบไทย ชอบเรียบ ๆ ค่ะ วิธีการปรับเสียง การพูด น้ำเสียง การแสดงออกทางอารมณ์ก็คือจะออกมาตีความกันหมดเลย แม่วาดเวลาที่โกรธจะอารมณ์ไหน แต่ไม่ใช่อารมณ์โกรธโมโหร้าย โกรธแบบเข้าใจ เข้าใจปุ๊บและปรับความรู้สึกได้ก็จะเหมือนมีเหตุผลแล้วก็นิ่ง เหมือนทำความเข้าใจทีละขั้น ๆ ของความรู้สึกเลยค่ะ ซึ่งมันช่วยเรื่องการแสดงหน้ากองได้มากเลยค่ะ เพราะว่าพอเราได้เรียนไปปุ๊บเนี่ย เราจะรู้จุดมุ่งหมายของเราละ โดยที่หม่อมอาจจะไม่ค่อยมีเวลามาบอกเราเหมือนตอนที่ซ้อมเพราะต้องทำอย่างอื่นด้วย เราก็จะรู้ว่าก่อนที่จะออกกองแล้วว่าเราต้องไปทำอะไรบ้าง

          อีกอย่างหนึ่งหม่อมก็อยากให้ตั๊กคุมความรู้สึกและคาแรคเตอร์ของแม่วาดเอาไว้ตั้งแต่เริ่มแต่งหน้าเปลี่ยนชุด คือค่อย ๆ เป็นน้าวาดตั้งแต่นั้นเลย ระหว่างนั้นคุมความเป็นน้าวาดเอาไว้กว่าจะถ่ายเสร็จ ซึมซับไปเรื่อย ๆ พอเวลาอยู่ในกอง เอ๊ะ ทำไมตั๊กไม่พูดเลย ดูเป็นกุสตรีไทยมาก เปลี่ยนไปหรือเปล่า เปล่าเลย (หัวเราะ) เรากำลังคุมความรู้สึกความเป็นน้าวาดอยู่อะไรอย่างนี้ค่ะ

          ตั๊กว่ามันก็เป็นลุคอีกแบบหนึ่ง ตั๊กก็ถามหม่อมว่า หม่อมคะถ้าตั๊กปรับไปเรื่อย ๆ ตั๊กจะติดหรือเปล่า บางทีเราติดคาแรคเตอร์ตัวละครมาเป็นตัวเรา มันมีไงคะ หม่อมก็พูดเล่นว่า เป็นน้าวาดก็ดีนะ เงียบ ๆ ดี การซ้อมบท ทุกคนต้องมาซ้อมพร้อม ๆ กัน ก็เริ่มจากอ่านบทก่อน ใช้อินเนอร์จากข้างใน อ่านบทไปเรื่อย ๆ จนจบบทค่ะถึงเริ่มจำบทกัน พอเริ่มจำบทปุ๊บก็มาเล่นแอ็คติ้ง และหม่อมก็จะมาดูและกำกับว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วเริ่มแรกเลยคือตีความคาแรคเตอร์ตัวเองและให้เป็นการบ้านกลับไปคิดว่าเราต้องค้นหาอะไรจากคาแรคเตอร์ที่ต้องเล่นเป็นเขาค่ะ


Jandara

เป็นคาแรคเตอร์ที่ไม่เคยแสดงมาก่อนเลย

          ไม่เคยค่ะ จริง ๆ ก็ยากมากเลยนะคะ อย่างตั๊กเคยเล่นเป็นผู้หญิงสมัยบางระจันก็ไม่เรียบร้อยขนาดนี้ ก็เป็นชาวบ้าน เล่นขุนแผนเป็นพิมก็ไม่เรียบร้อยขนาดนี้ อันนี้คือเป็นผู้หญิงในวังและก็เป็นกุลสตรีที่แบบเหมือนเป็นหน้าเป็นตาให้กับคนเลี้ยง แกะสลักเป็น ร้อยมาลัยเป็น ทำขนมเป็นอะไรอย่างนี้ ก็ยากมากเลยเหมือนเป็นเชื้อสายผู้ดี ตั๊กก็ไม่เคยได้บทแบบนี้ หม่อมก็บอกว่าให้ตั๊กฝึกตัวเองตั้งแต่คิดให้เหมือนกับตัวที่เราแสดง คิดอย่างที่เขาคิดแล้วเวลาเล่นเราจะเล่นได้เหมือนเขาเลย เราก็เริ่มคิดอย่างคาแรคเตอร์ อย่างพอเจอเรื่องครอบครัวทำไมเขาต้องบังคับให้เราแต่งงานกับคุณหลวง เราก็คิดว่าเป็นการตอบแทนคุณผู้ใหญ่ ซึ่งแล้วเราจะคิดในแบบที่ไม่ใช่ก็ได้เพราะเราไม่ได้รักคุณหลวง แต่คิดในด้านผู้หญิงไทยสมัยก่อนการจะพูด จะบอก จะเถียงกับผู้ใหญ่ค่อนข้างยาก ก็เป็นเรื่องใหญ่พอสมควร แต่จริง ๆ แล้วทำความเข้าใจในตัวเหตุและผลที่ตัวละครเจอค่ะ ก็จะเริ่มเข้าใจเขาไปเองว่าทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้

ความยากง่ายในการรับบทนี้


          บทนี้ก็ยากเลยค่ะ มันต้องเก็บอารมณ์ทุกอย่าง มันนิ่งก็จริง แต่สายตาจะแสดงออก หม่อมจะไม่ได้ให้เล่นท่าทางมาก แต่จะให้ออกทางหน้าทางสายตา แล้วก็เป็นผู้หญิงอารมณ์อ่อนไหว ชอบร้องไห้ ดีใจก็ร้อง เสียใจก็ร้อง จริง ๆ ตั๊กจะเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน ร้องเฉพาะเรื่องที่เรารู้สึกไม่ดีจริง ๆ แต่พอมาเรื่องนี้เราต้องร้องไห้ตลอด แล้วก็ไม่ได้ร้องนิดเดียวนะ ร้องทั้งวันเลย เพราะมันถ่ายต่อเนื่อง บางครั้งก็ต้องรอ เราก็กดดันเหมือนกัน หม่อมก็จะพูดเล่น "อ่ะ ทุกคนเงียบ รอตั๊กร้องไห้ ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้วรอตั๊กร้องไห้อย่างเดียว" (หัวเราะ) ตอนเล่นเป็นคนแก่วัยกลางคนก็ยากมากค่ะ เพราะว่าบอดี้ร่างกายเรามันก็ต่างอยู่แล้ว สาวจะต้องเป็นอย่างนี้นะ สาวก็มีแรงที่จะพยุงตัวเอง แต่พออายุมากขึ้นเราก็ต้องแบบผมหงอก น้ำเสียงจะเปลี่ยน คาแรคเตอร์จะเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ เหมือนแบบเราก็ต้องทำการบ้านตั้งแต่เขายังสาวจนมีอายุ ก็ยากเหมือนกัน

Jandara

คาแรคเตอร์นี้เหมือนหรือต่างจากตัวเองอย่างไรบ้าง


          ต่างกันมากเหมือนกันค่ะ ความเป็นผู้หญิงสมัยก่อนกับสมัยนี้ก็ต่างกันอยู่แล้วค่ะ ไม่เหมือนกันเลย ทั้งด้านของความคิด กรอบประเพณี วัฒนธรรมต่าง ๆ ต่างกันสิ้นเชิง คือผู้หญิงสมัยก่อนจะมีความเป็นอยู่ในด้านของแบบคือการเกิดมาเป็นบุญคุณแล้ว เป็นบุญคุณของทั้งผู้ให้เกิดทั้งผู้เลี้ยงดู เพราะฉะนั้นไม่มีอิสระเลย จะทำอะไรก็ต้องคิดถึงผู้ใหญ่ แต่สมัยนี้ตั๊กอยากจะไปดูหนังไปทำอะไรบ้าง ไปกินข้าว คุยโทรศัพท์นัดกัน เราก็ไม่ต้องขออนุญาต ไม่ต้องมาสนใจเกี่ยวกับดอกไม้มากซักเท่าไร ไม่ต้องสนใจเกี่ยวกับขนมจะจัดยังไงให้สวยงาม เพราะเราซื้อมาเราก็เทเลย (หัวเราะ) แต่สมัยก่อนคือเราต้องค่อย ๆ จัดทีละชิ้น ค่อย ๆ วาง หม่อมจะบอกว่าตั๊กจับขนมเบา ๆ หน่อย ขนมแบนหมดแล้ว หม่อมให้ตั๊กเรียงขนมทองหยิบทองหยอดค่ะ หม่อมก็บอกแบนหมดแล้ว จับเบา ๆ กว่านี้ เคยกินแต่ลูกกวาดช็อกโกแลตจับแรง ๆ ได้ไงคะ พอมาเป็นทองหยิบหรือขนมมะพร้าวแก้ว พอจับปุ๊บแตก หม่อมก็จะว่า ตั๊กแตกแล้วไม่มีแล้วนะ หาไม่แล้วนะเย็นแล้วนะจะไปตลาดได้ยังไง

          ตั๊กก็ยังนั่งคิดว่าผู้หญิงสมัยก่อนเป็นผู้หญิงที่สวยงามเนอะ แม้กระทั่งการที่จะกินอะไรแต่ละทีจะต้องเรียงให้สวยงามก่อน แกะสลักก็แกะให้ทั้งลูก ก่อนเอามาแบ่งแกะทีละชิ้น ๆ แล้วถึงจะให้เอาไปให้สามีทาน ตอนแรกตั๊กก็พยายามที่จะทำความเข้าใจและก็ฝึกหัด คือตั๊กเข้าใจว่าผู้หญิงสมัยก่อนมีความประณีตมาก แต่การกระทำ ตั๊กฝึกยากมาก เพราะว่าตั๊กไม่เคยทำไงคะ ตั๊กไม่เคยทำแบบนี้ เพราะมันขัดกับความเป็นตัวเรามาก ตั๊กก็พยายามคิดว่าเขาเป็นคนแบบนี้นะ แต่เป็นเราอยู่ครึ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นอย่างร้อยมาลัยอย่างนี้ค่ะ พอร้อยไปพูดไปเนี่ยเข็มทิ่มมือ อุ๊ย...คัทละ เลือดออก ซึ่งหม่อมบอกว่าถ้าเข็มทิ่มมือนี้คือแบบไม่ดีเลยนะคะ คนสมัยก่อนถือมากถ้าเลือดออกนี้ถือว่าเป็นลางไม่ดี แต่เราแค่ถือว่าเราร้อยไม่ได้ ทิ่มไปปุ๊บ อุ๊ยเลือดออกหยุดถ่าย พอร้อยไปเรื่อย ๆ แล้วมันไม่เป็นพวงมาลัย หม่อมก็บอกว่าไม่ได้ต้องเป็นพวงด้วยและต้องทำให้ดูเป็นธรรมชาติ ต้องดูให้เป็นเหมือนเราทำทุกวันด้วยค่ะ ตั๊กก็ต้องฝึกค่ะ ก็ฝึกร้อย แต่ว่าร้อยแต่ละครั้งมันก็ไม่เหมือนกันซักครั้ง ต่างกันทุกครั้ง และต้องมีสมาธิ ระดับสายตาของเราต้องดูให้ขาดว่าตรงไม่ตรงค่ะ คือเราจะแบบมั่วไม่ได้ค่ะ เป็นเรื่องที่แบบผู้หญิงสมัยก่อนเขาร้อยเอาไปถวายพระ เอาไปใส่บาตร เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับสมัยนั้นจะทำให้ไม่สวยไม่ได้ค่ะ มันเรื่องใหญ่อ่ะ พอตั๊กฝึกไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ทำได้ค่ะ

การร่วมงานกับหม่อมน้อยเป็นยังไงบ้าง


          ตั๊กได้ยินมาว่าหม่อมเป็นคนเจ้าระเบียบ และก็เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก และก็หม่อมดุมากคือได้ยินมาอย่างนั้น แต่ว่าดุในที่นี้คือดุในเรื่องการเรียน เข้มงวดในเรื่องเรียน คือตั๊กชอบผลงานหม่อมอยู่แล้ว ตั๊กก็อยากจะเข้ามาเรียนกับหม่อม จะดุก็ไม่ได้คิดมากอะไร ถือเป็นการสอนไป ก็ดีใจที่มีโอกาสร่วมงานกับหม่อม เข้ามาจริง ๆ หม่อมก็ไม่ได้ดุตั๊กเลย หม่อมก็เห็นเราเป็นนักเรียนคนหนึ่งค่ะ มีแต่เราอยากจะให้หม่อมเขาเอาเราเป็นลูกศิษย์มากกว่า มีอะไรท่านจะได้พูดให้เราฟังได้ แต่พอจริง ๆ หม่อมก็สอนตั๊กทุกเรื่องเลย แม้กระทั่งการดำเนินชีวิตของเรา ภาพลักษณ์ของเราค่ะ หม่อมก็สอนหม่อมก็ไม่ได้ทิ้งเลย สอนทุกอย่าง แม้กระทั่งว่ามือเราด้านหน่อยไม่ได้ทาครีม พอหม่อมแบบเดี๋ยวแม่วาดจะต้องมาจับไหล่ของจันดารา พอหม่อมดูนิ้วตั๊กแล้วหม่อมก็บอกว่าทาครีมบ้างนะ ว่าง ๆ ตั๊กก็ลองทาครีมดูสิทามือทาเท้าทาอะไรดู หม่อมก็แกล้งพูดเป็นนัย ๆ ว่าเท้าด้านแล้วนะมือด้านแล้วนะ (หัวเราะ) ตั๊กก็รู้ว่าหม่อมตั้งใจทำงาน ก็ต้องมีดุกันบ้าง แต่ไม่ได้กลัวนะคะ ก็ต้องมีระเบียบวินัย ซึ่งก็ทำให้การทำงานมันเป็นไปด้วยดี หม่อมจะบอกว่า การที่เราจะทำอะไรให้สัมฤทธิ์ผลได้ เราเองต้องมีวินัย ถ้าเราไม่มีวินัย เราจะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้สำเร็จได้มันก็ยาก

Jandara

ประยุกต์วิธีการทำงานแบบหม่อมมาใช้กับงานของตัวเองมากน้อยแค่ไหน

          เรื่องของระเบียบวินัย เรื่องของวิธีการคิดค่ะ แม้กระทั่งการศรัทธาที่จะทำอะไรซักอย่างหนึ่ง แต่ก่อนตั๊กมีความคิดว่า ตั๊กทำอะไรเพื่อหน้าที่ใช่ไหมคะ แต่พอตั๊กได้มาเรียนกับหม่อมเนี่ย ตั๊กเห็นหม่อมทำงานไม่ได้เป็นเพราะหน้าที่เลย ทำเพราะหม่อมรักที่จะทำจริง ๆ แล้วก็มีความสุขที่จะทำ ทำให้งานทุกอย่างที่ออกมาดูมีชีวิตชีวา ดูไม่เหมือนเป็นงานแข็ง ๆ ค่ะ ก็เลยเอามาใช้ในงานของตัวเอง คือเราต้องถามตัวเองก่อนว่าเรามีความสุขแค่ไหนที่จะทำงาน แล้วเราอยากทำไหม คือด้วยความที่ตั๊กรักภาพยนตร์อยู่แล้ว เราทำยังไงให้ดูมีความสุข และตัวอย่างที่ดีคือหม่อมจะทำงานในแบบเตรียมตัวมาก่อนค่ะ และก็ทำการบ้านมาก่อน ตั๊กก็ใช้เหมือนกับหม่อม คือทำการบ้านและตีความบทให้กับนักแสดงอื่น ๆ และก็หม่อมจะใจเย็น ก็เหมือนกับได้หม่อมเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเราในการตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ เหมือนกันค่ะ

การร่วมงานกับทีมนักแสดง

          กับ "มาริโอ้" นะคะ แรก ๆ เห็นก็เป็นเหมือนเด็กฮิพฮอพอะไรอย่างนี้ ก็ยังคิดว่าเอ๊ะ...น้องเขาจะเล่นกับเรา แล้วเขาจะเข้าใจความรู้สึกของน้าสาวยุคนั้นไหม หม่อมก็ทำให้เขาเข้าใจได้ และเขาก็หัวไวมาก เพราะเขาฟังที่หม่อมอธิบายและสอน และก็เอากลับไปทำการบ้าน ทุกครั้งที่ถ่ายเขาจะส่งอารมณ์ให้ตั๊กได้ดีมากด้วยซ้ำ เพราะว่าจริง ๆ แล้วส่วนใหญ่เนี่ยตั๊กจะเล่นดราม่าร้องไห้ทั้งเรื่อง น้าวาดจะร้องไห้บ่อยมากและก็จะเป็นคนที่คอยปกป้องจัน แล้วมาริโอ้เขาส่งบทให้ตั๊กร้องไห้ทุกครั้งเลย ตั๊กยังเคยคิดเลยว่าโอ้โหแล้วคนอื่นไม่ได้ร้องเลยเราร้องอยู่คนเดียวร้องยากแน่เลย แต่ว่าจริง ๆ แล้วมาริโอ้เขาช่วยตั๊กร้องด้วย และเขาก็พยายามบิวท์ตั๊กแบบเหมือนรับส่งกันค่ะ ซึ่งเขาก็น่ารักมากเลยค่ะ ตอนแรกคิดว่าตั๊กจะต้องทำความเข้าใจกับจันดารา แต่จริง ๆ แล้วเหมือนโอ้เขาไปทำความเข้าใจในส่วนของเขามา แล้วเขาเล่นกับเราโดยที่เราไม่ต้องทำความเข้าใจเขาเลยค่ะ พอเราเห็นหน้าเขาเราก็เห็นเป็นจันดาราได้เลย เหมือนจันดารามากคือเขาติวเข้มมากค่ะ การพูดจาของเขาหรือพอเวลาเขาถูกทำร้ายเขาร้องไห้ เขาจะพูดแบบน้าวาดครับแล้วจะให้ผมไปอยู่ที่ไหน อันนั้นดูน่าสงสารมากเลย ร้องไห้แบบร้องไห้ตาบวม เราก็ร้องไห้ได้ไม่ยากเลย

Jandara

          "พี่เจี๊ยบ" ถึงจะร่วมงานกันครั้งแรก พี่เขาก็จะสอนในเรื่องของการทำงานของหม่อมว่า หม่อมชอบแบบนี้นะ การมาสายไม่ดี อยากให้มาเร็วกว่านี้ คือเขาจะคอยบอกเราว่าถ้าเราตั้งใจทำนะ พอไปถึงหน้าเซ็ตนะ คือเขาเป็นนักแสดงรุ่นพี่ใช่ไหมคะ จะคอยบอกว่าให้เราทำตรงนี้นะ แล้วจะง่ายขึ้นค่ะ เขาก็จะเป็นคนคอยแนะนำ ตั๊กกับพี่เจี๊ยบเนี่ยเราจะเริ่มเล่นกันตั้งแต่ต้นจนจบเลย จะอยู่ด้วยกันบ่อยมาก ทั้ง ๆ ที่ในเรื่องเป็นคนที่ไม่ได้รักกันเลย แต่ว่าอยู่ด้วยกันบ่อยมาก ทนอยู่กันสองคนแบบแย่งชิงอำนาจ แต่จะเป็นการแย่งชิงแบบนุ่มนวล พี่เจี๊ยบเขาเป็นนักแสดงที่เล่นได้ดีอยู่แล้ว และเป็นคนตั้งใจทำการบ้านมาก ทุกครั้งที่ไปซ้อมจะเห็นพี่เจี๊ยบมาก่อนใคร เขามาก่อนคนแรกเลยนะคะ ซึ่งแบบเขาเป็นนักแสดงรุ่นพี่ที่ดีอยู่แล้วค่ะ และก็เล่นได้ดีมากอยู่แล้ว

          กับ "หญิง" ที่เป็นคุณบุญเลื่อง ก็แบบคาแรคเตอร์ตะวันตกกับความเป็นกุลสตรีไทยต้องมานั่งคุยกัน ครั้งแรกที่เล่นกับหญิงก็รู้สึกเขาเล่นได้ดีค่ะคือเป็นคุณบุญเลื่อง ซึ่งเราไม่เคยเห็นแบบนี้เลย ยังแซวเขาอยู่เลยว่าลุคนี้ดูสวยดีนะ ดูเปลี่ยนไปไม่เคยเห็นหญิงในลุคนี้แบบแปลกตาดี และก็มีความเป็นฝรั่งนิดหนึ่งค่ะ ด้วยความที่เขาพูดจาเป็นผู้หญิงมั่นใจอยู่แล้วก็ยิ่งทำให้ดูเป็นคุณบุญเลื่องมากขึ้น จนเราต้องดร็อปตัวเองให้เป็นกุลสตรีไทยกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะว่าไม่งั้นมันกลับกลายจะเป็นเหมือนกัน เพราะเหมือนจะเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว นอกจอก็อายุก็ไม่ได้ต่างกัน กลายเป็นว่าเราต้องบีบตัวเองให้เป็นกุลสตรีไทยมาก แต่กับคุณบุญเลื่อง หญิงเขาดูไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมาก มีพูดภาษาอังกฤษพูดได้ เล่นเปียโนได้ ร้องเพลงเขาก็ร้องได้อยู่แล้ว กลับกลายเป็นเราเองที่ต้องเป็นกุลสตรีให้มากกว่านี้มันก็ยากค่ะ

          น้าวาดจะคิดว่าคุณบุญเลื่องจะมาเหมือนยึดอำนาจ มาคอยดูแลคุณหลวง และทรัพย์สมบัติด้วย แต่จริง ๆ แล้วคุณบุญเลื่องเขามาดี เขาไม่ได้มาร้าย เขาก็บอกไป จริง ๆ แล้วสองคนเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือเรื่องรักแรก คุณบุญเลื่องบอกว่าเขาไม่ได้มาเพื่อจะเอาอะไร คุณวาดเคยเจอรักครั้งแรกไหม เขาก็รักกับคุณหลวงครั้งแรกอย่างนั้นเขาอยากอยู่กับคนรักครั้งแรกของเขาเท่านั้นเอง ซึ่งมันไปโดนใจน้าวาดเรื่องแฟนคนแรกของน้าวาดก็เลยเหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่มาจากคนละฝั่งเลย เขามาจากตะวันตกเลย เรามาจากไทยมากเลย แต่มันเป็นความรู้สึกรักครั้งแรกเหมือนกันและไม่เคยได้อยู่ด้วยกัน แต่เขาโชคดีที่เขายังได้อยู่กับคุณหลวง แต่เรายังไม่เคยได้อยู่กับคนรักของเราเลย นั่นก็เลยทำให้ผู้หญิงสองคนนี้สนิทและเชื่อใจกันมากขึ้น

Jandara

          "พี่ต๊งเหน่ง รัดเกล้า" ก็น่ากลัวจริง ๆ ค่ะ เวลาเล่นก็ตีจริง ๆ ด้วย คือตั๊กเล่นเป็นน้าวาดใช่ไหมคะ เหมือนลูกสาวของคุณท้าวพิจิตรรักษา (คุณท้าวยาย) ที่พี่ต๊งเหน่งเล่นเลย และก็จะโดนทำโทษบ่อยมาก คุณท้าวยายจะเป็นคนเจ้าระเบียบ ดุ และก็ชอบสอน ไม่ถูกใจก็จะว่า จะด่า จะเฆี่ยนตี และก็บางทีเราไม่ได้ทำอะไรผิดคุณท้าวก็ตีได้ คือแบบท่านก็มีเหตุผลของท่าน พอพี่เขาแต่งเป็นคุณท้าวยายปุ๊บใส่ผมสีขาว เริ่มทำย่น ๆ ปุ๊บ เราก็จะเริ่มกลัวคุณท้าวยายจริง ๆ เพราะว่าพี่ต๊งเหน่งสวมคาแรคเตอร์ได้ดีมาก เหมือนคุณท้าวยายมาก แม้กระทั่งที่เรารอจะเข้าฉากพี่ต๊งเหน่งก็ไม่สะบัดความเป็นคุณท้าวยายออกไป เขาจะคงคาแรคเตอร์คุณท้าวอยู่ วิธีการกินข้าวของพี่ต๊งเหน่งก็จะเป็นคุณท้าวยายนอกจอค่ะ จนทำให้เราเห็นว่าพี่เขาอินจริง ๆ นะเนี่ย อินมาก ๆ มีฉากหนึ่งที่คุณท้าวยายจะต้องตีน้าวาดใช่ไหมคะ พี่ต๊งเหน่งก็บอกว่าทนหน่อยนะเพราะว่าตีมันต้องตีจริง ตั๊กจะไม่เจ็บหรอก เราเป็นนักแสดงรู้ว่าการเจ็บจริงมันทำให้ความรู้สึกออกมาแต่เป็นแนวเจ็บจริงนี่ก็ไม่ไหว เพราะว่าใช้ไม้เท้าตีปี้ก ๆ และก็คัท พอคัทและก็ยังไม่ได้ พี่ขอโทษนะพี่จะพยายามไม่ให้โดนแต่ไม่ได้เลย เพราะว่ากล้องอยู่ตรงนี้เลยไงคะ จะต้องเห็นเลยว่าไม้จะต้องโดนกับเนื้อตั๊ก พอคัทเสร็จฉากนี้แนวขึ้นเต็มเลยค่ะ เป็นลอนใหญ่ ๆ ทุกคนก็แซวว่าน้าวาดเด็กแนวเป็นลอนใหญ่ ๆ แดง ๆ แต่มันก็ดีอย่างหนึ่งคือเวลาที่เราจะต้องเล่นฉากที่ใครจะต้องเจ็บ เรากลัวเขาเจ็บไง เราก็จะไม่กล้าเล่นอย่างตบหน้าหรือดึงอะไรเราก็จะไม่กล้าใช่ไหมคะ อย่างแบบเจ็บหน่อยนะมันต้องจริง พอเราได้นักแสดงมาเล่นกับเราสมจริง และทำให้เราแบบมีความรู้สึกได้ประสบการณ์ในแบบดี ๆ มากขึ้น พี่ต๊งเหน่งก็เป็นเหมือนครูอาจารย์น่ารักดีค่ะ

          กับ "โชจัง" ตั๊กจะขำทุกครั้งที่เขาพูด ตั๊กพยายามบอกหม่อมว่า หม่อมคะให้เขาพูดญี่ปุ่นไปเลยดีไหมคะ แต่หม่อมบอกว่าไม่ได้หรอกมันจะพากย์ยากมาก เพราะว่าโชเป็นคนที่ตั้งใจมาก คนญี่ปุ่นเนี่ยยอมรับว่าเขาเป็นคนมีวินัยสูง ทุกครั้งที่เขาจะเล่น ทุกครั้งที่เขามา เขาไม่ได้เอาเวลาที่เขาพักไปเล่นหรือไปพักเลยนะ เขาท่องบทอย่างเดียวอะไรอย่างนี้ ก็ตั้งใจมาก แล้วเขาเทคน้อยมากเลยนะคะ และเขาก็เล่นได้ดีมาก เขามีวินัยสูงมาก คือเขาพยายามเป็นคุณแก้วได้จริง ๆ ซึ่งอู้หูแม้กระทั่งการเล่นเลิฟซีนของเขาดูเป็นวินัยดูเป็นงานมาก คือเขามาปุ๊บเขาเงียบอย่างเดียว เขาตั้งใจจะเข้าฉาก พอเขาถอดปุ๊บเขาเล่นปั๊บ ดูเป็นการทำงานไม่ได้ดูโป๊ดูอะไรเลย เพราะว่าเป็นงานของเขาจริง ๆ แล้วโชเนี่ยปกติจะเห็นเป็นคุณแก้วแรง ๆ ใช่ไหมคะ แต่ตัวจริงดูเป็นคนเรียบร้อยมาก และก็ชอบอะไรหวาน ๆ กระโปรงลายดอกไม้สีชมพูผิดกับที่เล่นเลย แต่คราวนี้มามีปัญหากับคนที่ร่วมเล่นด้วยทุกคนจะขำหมด เพราะว่าเขามีไดอะล็อกอย่าง "ไอ้จัญไร มึงออกไป" อะไรอย่างนี้ พูดแบบ "มึงไสหัวออกไปจากบ้านนี้ไอ้จัญไร" แล้วมันเป็นฉากอารมณ์ทุกคนร้องไห้หมด พอคุณแก้วบอกไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ไอ้จัญไร ทุกคนหัวเราะหมดเลย คัท หัวเราะทำไม หม่อมเลยบอกว่าให้เราฟังแต่เซ้นส์เขา อย่าไปจับคำพูดเขามาก ทุกคนก็พยายามก็ยาก จนมาริโอ้บอกว่าพี่ตั๊ก เห็นไหมผมไม่ไหวแล้วจนหัวเราะออกมา แต่ตั๊กก็เข้าใจแหละว่ามันยากจริง ๆ การพูดภาษาไทยยากนะคะ ทำได้เท่านี้ก็โอเคแล้วเก่งมาก ๆ แหม ถ้าเราไปพูดภาษาญี่ปุ่นของเขาก็ต้องขำกันบ้าง แต่เขาก็ทำออกมาได้ดีมากค่ะ แอ็คติ้งเขาก็เลิศมากเลยนะ เก่งมากค่ะ เล่นวาบหวิวก็ได้ เล่นดราม่าก็ถึง ดูแบบเป็นนักแสดงหญิงที่เก่งมากคนหนึ่งเลยค่ะ

Jandara

ฉากอีโรติกในเรื่องนี้

          เรื่องของการเล่นฉากเลิฟซีนในเรื่องนี้ ตั๊กก็ดูแบบอย่างจากโชจังบ้างค่ะ โชจะเป็นคนที่เขาคิดอย่างตัวแสดงคิดค่ะ ความรู้สึกอย่างคนปกติจะถามว่าเล่นฉากเลิฟซีนเนี่ยเราไม่คิดอะไรเหรอ ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอระหว่างที่เล่น เป็นไปได้เหรอ ซึ่งมันเป็นไปได้ เพราะว่าวิธีที่คิดอย่างนักแสดงคิดต้องคิดอีกชั้นหนึ่ง การเข้าถึงการที่จะเป็นนักแสดงได้ การที่เล่นเลิฟซีนได้ เราจะคิดอย่างตัวเองไม่ได้ ถ้าเราคิดอย่างตัวเอง เราเล่นไม่ได้และเราเป็นนักแสดงไม่ได้ เพราะว่ามันจะไม่ต่างอะไรกับคนปกติแล้วมันจะเกิดคำถามมากมายขึ้น เขาเล่นกันอย่างงั้นจริงหรอ เขารักกันจริง ๆ หรือเปล่า เขามีอะไรกันจริง ๆ หรือเปล่า หลังจากถ่ายเสร็จแล้วคิดอะไรกันจริง ๆ หรือเปล่า ซึ่งความคิดของนักแสดงที่เล่นเลิฟซีนต้องมีความคิดที่สูงกว่าปกติค่ะ คือมองเข้าไปที่จิตวิญญาณของมนุษย์และมองเป็นเรื่องธรรมะค่ะ มองมันเป็นงานอ่ะ การร่วมเพศแบบรัก หลง แบบถูกข่มขืน แบบเป็นการจำยอม หรือแบบรักบริสุทธิ์ เราต้องคิดให้มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

          โชจังเนี่ยจะมีเลิฟซีนแบบเร่าร้อนด้วยความที่เป็นคุณแก้ว คุณแก้วจะเป็นคนแรง ๆ ก็จะมีเลิฟซีนแบบฮาร์ดคอร์หน่อย ๆ ก็จะเป็นอะไรที่ดูแบบเอ็กซ์ ๆ ค่ะ ซึ่งถามว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นไหม ไม่ใช่ เขาไม่ได้เป็นคนอย่างนั้นเลย แต่เขาเล่นเป็นอย่างนั้นเพราะเขาคิดอย่างตัวแสดงคิด เขาเป็นคุณแก้วตอนที่เขาเล่น หม่อมบอกว่าถ้าตั๊กคิดได้อย่างนี้ตั๊กจะไม่รู้สึกเปลืองตัว เพราะมันเป็นตัวละครเล่น มันไม่ใช่เรา คือมองให้มันเป็นงานอ่ะ ถ้าทำได้มันก็จะไม่ถูกครหา เพราะว่ามนุษย์เราทุกคนแค่คิด ความรู้สึกก็ออก การกระทำก็ออก เขาก็จะดูออกว่าการกระทำนี้เป็นยังไง แต่ถ้าเราไม่ได้คิดอย่างที่เราเล่น เขาก็ดูออกเพราะว่าคนเราดูไม่ยาก หม่อมเขาก็บอก คือมันเป็นจิตวิทยาหลายชั้นหน่อย และเขาเป็นนักแสดงญี่ปุ่นที่เขามองเรื่องนี้เป็นของธรรมชาติ เขาบอกหม่อมว่าพอคัทไม่ต้องเอาผ้ามาห่มเขาก็ได้ เพราะว่าเดี๋ยวก็ต้องถ่ายแล้วจะเอามาห่มทำไม เดี๋ยวก็มาเอาออกใหม่จัดผมใหม่อีก หม่อมก็บอกไม่ได้เมืองไทยทำไม่ได้ ต้องห่ม พอคัทปุ๊บต้องห่ม ไม่ห่มทุกคนทำงานกันไม่ได้เลย (หัวเราะ) เขาก็บอกว่าตอนที่เขาอยู่ที่ญี่ปุ่นเนี่ยเขาไม่ต้องห่มเลย เขามองว่ามันเป็นเรื่องงาน เขาก็ตั้งใจทำงานกันให้เสร็จคืออยู่ที่มุมมองมากกว่าค่ะ

          อย่างของตั๊ก เมื่อเรารู้ว่าน้าวาดเป็นยังไง คิดยังไง มันก็ทำให้เล่นได้ง่ายขึ้น เพราะมันทำให้เราไม่สับสนค่ะ อย่างตอนที่เล่นเลิฟซีนกับจอมเนี่ยก็จะเป็นแบบคู่รักดูดดื่ม ซึ่งจะแตกต่างจากเลิฟซีนกับคุณหลวงมาก น้าวาดกับจอมจะไม่ต้องอายอะไรเลย มีความบริสุทธิ์ใจ แต่กับคุณหลวงเนี่ยมันจะมีการต่อรองกันก่อนที่จะร่วมรักกัน ตกลงกันก่อนนะว่าถ้าเรายอมเป็นเมียของคุณหลวงแล้วคุณหลวงจะไม่ทำร้ายจันแค่นั้นเอง เหมือนการเมืองนิด ๆ แต่ใช้เรื่องเซ็กส์เป็นอาวุธ ก็คือเป็นเรื่องของการเจรจา ก็คือการที่มีอะไรกับคุณหลวงเพราะเขาชอบเรื่องแบบนี้ ก็ใช้เซ็กส์เป็นเรื่องเจรจาต่อรองกันไป แต่มีเซ็กส์กับจอมเพราะเป็นความรักบริสุทธิ์ ใช้เซ็กส์ในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ แต่กับคุณหลวงเป็นเรื่องของการต่อรอง พอโชจังเขามาเล่นเราก็เลยรู้สึกว่า โชเป็นนักแสดงที่เขาคิดและทำออกมาอย่างมีวินัย บางฉากที่เขาต้องเลิฟซีนหรือโป๊เปลือยทำให้เราเห็นเขาเป็นตัวอย่างว่า เราไม่จำเป็นต้องอายก็ได้ ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากก็ได้ จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องของการแสดงของนักแสดงทุกคนที่จะต้องทำ เขาก็เป็นแบบอย่างให้เราได้ดี


Jandara

ความน่าสนใจของเรื่องนี้

          จริง ๆ แล้วก็ด้วยบทประพันธ์เรื่องนี้ที่มันสื่อไปในทางนั้น มันก็แค่เปลือกค่ะ ในทางมนุษย์จริง ๆ แล้วก็เป็นเรื่องของความรู้สึก เรื่องของความสัมพันธ์ หม่อมเคยบอกว่าลองสังเกตดี ๆ นะว่าวัฒนธรรมไทยเนี่ย ความเป็นอยู่ของมนุษย์จะถูกเขียนลงไปในผนังตามวัดต่าง ๆ ความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในทุก ๆ วันนี้ จนมาเป็นภาพวาดต่าง ๆ ให้คนเห็น และเป็นธรรมชาติของมนุษย์ค่ะ เกิดมามีความสัมพันธ์ กำเนิดลูกอีกคน ก็เป็นวัฏจักรค่ะ มันเป็นธรรมะมาก เป็นกรรม เป็นเผ่าพันธุ์ คือมันเป็นการกระทำร่วมกัน เรามองไปในเชิงธรรมะ เราก็จะมองเห็นในเรื่องของธรรมชาติ แล้วตั๊กก็มองว่าเรื่องของ "จันดารา" เนี่ย เขาเขียนขึ้นมาเพื่อเป็นเรื่องของมนุษย์เรา การมีเพศสัมพันธ์กันหรือการร่วมรักกัน มันทำให้รู้จักมนุษย์กันมากขึ้นค่ะ ก็แก่นแท้ของมนุษย์เราก็ไม่ได้มีอะไรมาก ก็มีแต่เรื่องพวกนี้ มีเรื่องของผลประโยชน์ มีเรื่องของทรัพย์สิน การแย่งชิง ใช้เซ็กส์มาเป็นเครื่องต่อรอง อย่างเรื่องของน้าวาด น้าวาดใช้เซ็กส์กับคุณหลวงเป็นเรื่องของการต่อรอง คุณหลวงใช้เซ็กส์กับบ่าวไพร่ต่าง ๆ เป็นเรื่องของการแสดงอำนาจ คุณบุญเลื่องมาจากเมืองนอกใช้เซ็กส์กับคุณหลวงเป็นเรื่องของความรัก น้าวาดใช้เซ็กส์กับจอมเป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ เป็นเรื่องของการมีคำมั่นสัญญา คือมันทำให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ ทำให้เรามองเห็นถึงความเป็นธรรมชาติ พอเราเห็นปุ๊บเราก็ปลงค่ะ เพราะหม่อมพูดให้ได้เห็นถึงแก่นแท้ของเซ็กส์จริง ๆ การดูเรื่องจันดาราไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าโป๊เลย เพราะว่าด้วยความที่หม่อมเจตนาทำออกมาให้เห็นถึงแก่นแท้ของมนุษย์ค่ะ มนุษย์เราก็แค่นี้แหละทำออกมายังไงก็ได้ยังงั้น ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว เหมือนทำให้ตั๊กนึกถึงธรรมะจริง ๆ เลยค่ะ และเวอร์ชั่นนี้ก็ไม่ได้ทำให้ตั๊กรู้สึกว่าโป๊เลย เพราะตั๊กไม่รู้สึก เพราะผลในการกระทำค่ะ ตัวแสดงมีเหตุและผลในการกระทำค่ะ

          นอกจากนั้น "จันดารา" ก็มีเรื่องของความโลภของมนุษย์ด้วย สะท้อนให้เห็นสังคมไทยตอนนี้ด้วยว่าเราแย่งกันไปชิงกันมา สุดท้ายแล้วทำให้เกิดความรู้สึกแย่ ๆ ทำให้เราทะเลาะกันฆ่าฟันกัน สุดท้ายแล้วเราก็เอาไปไม่ได้ แล้วเราจะทำไปเพื่ออะไร ทำไมไม่เห็นคุณค่าตั้งแต่ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ จุดนี้จะเป็นสาระที่จะได้จากหนังไปเต็ม ๆ นอกจากเรื่องความบันเทิงของหนังที่ดูสนุก โปรดักชั่นพิถีพิถันทั้งงานสร้างฉาก เสื้อผ้า หน้าผม ส่วนเรื่องของฉากเซ็กส์เป็นแค่เรื่องที่ฉาบไว้เป็นผิวหน้าแค่นั้นเอง บางคนอาจจะมองจันดาราว่าโป๊อะไรอย่างนี้ จริง ๆ แล้วถ้าสังเกตดูดี ๆ แล้วเนี่ยจะได้สาระอย่างที่ตั๊กบอกไปด้วยแน่ ๆ ค่ะ

          ตั๊กเชื่อว่าเดี๋ยวนี้คนดูหนังแล้วเอาไปคิดต่อกันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นหนังรักอาโนเนะ หนังแอ็คชั่นก็ตาม ทุกคนให้ความสำคัญกับสาระในหนัง ตั๊กเชื่อว่าคนที่ได้ดู "จันดารา" เขาจะต้องเข้าใจในเจตนาของหม่อมที่ต้องการให้เขารู้อะไรมากมายกว่าฉากโป๊ ได้เรื่องของความสนุก ได้เรื่องของการใช้ชีวิต และก็การเป็นมนุษย์ผู้มีใจสูงที่อยู่บนโลกใบนี้ได้แค่ไหนถึงจะรอดพ้นบ่วงกรรม ดูเรื่องนี้แล้ว ตั๊กว่าทุกคนจะต้องได้ดูงานศิลปะชิ้นเอกที่สวยงามมาก และผ่อนคลายความรู้สึกเครียด ๆ ได้เลยค่ะ






ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตั๊ก - บงกช พลิกคาแรคเตอร์แปลกใหม่ ใน จันดารา อัปเดตล่าสุด 3 กันยายน 2555 เวลา 17:08:34 11,473 อ่าน
TOP