ตัวอย่างหนัง วุ่นรักพักนิ้ว
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.. สำหรับภาพยนตร์ออนไลน์อย่างเรื่องวุ่นรักพักนิ้ว (Fingering) ที่ขอฉายให้วัยรุ่นวัยรักได้ชมกันก่อนใครในโรงภาพยนตร์(แต่ฉายเพียงแค่ 4 รอบเท่านั้นนะ) ซึ่งกระแสตอบรับจากภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าดีเกินคาดเลยทีเดียว เพราะเพียงแค่ปล่อยเทรลเลอร์ให้ได้ชมกันก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย ทั้งในแง่ของมุมมองความรักแบบหญิงรักหญิงหรือว่าจะเป็นในแง่ของอารมณ์รักของวัยรุ่นวัยคะนอง
นอกจากนี้บรรดานักแสดงในเรื่องยังถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ ทั้งนักแสดงนำอย่าง เอมมี่สุนันทา เดวา เน็ตไอดอลชื่อดัง, สองสาวหล่อสุดเท่อย่าง แป้ง พจนีย์สีวิริยะกุล และแอน ณปภัช แช่มช้อย และหนึ่งหนุ่มหล่ออย่าง นะ ฉันทนะที่จะมาสร้างสีสันให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ครบรส ทั้งฮา สนุก อินเลิฟ เศร้าและสุดท้ายกับอารมณ์ "สยิวกิ้ว"
ส่วนในวันนี้กระปุกดอทคอมก็มีบทสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟเจาะลึกแบบสุด ๆ ในงานเปิดตัวเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ EsplanadeCineplex รัชดา มาให้ได้ชมกันจ้ารับรองว่ามุมมองความคิดของแต่ละคนนั้น เด็ดสุด ๆ
สัมภาษณ์ นักแสดง เอมมี่ สุนันทา เดวา แอน ณปภัช และทีมสร้างภาพยนตร์ "วุ่นรักพักนิ้ว"
สัมภาษณ์ เอมมี่ สุนันทา เดวา
สวัสดีค่ะ เอมมี่ สุนันทา เดวา ค่ะก็สำหรับในเรื่อง Fingering วุ่นรัก พักนิ้ว เอมมี่ ก็รับบทเป็น มิค่ะ
มิ ในบทก็จะเป็นดี้ซึ่งเป็นแฟนกับ เซงโดยเอมมี่แสดงเป็นคู่รักทอมดี้ที่ในเรื่องจะเล่าให้ฟังถึงการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันของคู่รักทอมดี้ ค่ะ
ในเรื่องจะเล่นเป็นคนที่เป็นผู้ใหญ่ อยู่ปี 4แล้ว จะรับบทโตขึ้นจากตัวเอง เพราะว่าตัวเองเพิ่งจะอายุ 20 และก็รับบทโตขึ้นบทค่อนข้างแรงเพราะว่าเป็นคน ตรง ๆ เหวี่ยง ๆ หน่อย ก็ยากเหมือนกันค่ะ
ทำไม น้องเอมมี่ถึงตัดสินใจรับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ แล้วใช้เวลาตัดสินใจนานมั้ย
เอมมี่ : ตอนแรกที่อ่านบทก็รู้สึกว่า มันยากดีและก็อยากจะลองเล่นดูเพราะมีโอกาสเข้ามาแล้ว อยากจะดูว่าเราจะสามารถเล่นมันได้มั้ยก็เลยตัดสินใจเล่นค่ะ
บท มิ ในเรื่อง ค่อนข้างแรงไม่กลัวว่าจะขัดกับภาพลักษณ์เน็ตไอดอลบ้างเหรอ
เอมมี่ : เอมมี่คิดว่าเขาน่าจะเข้าใจและน่าจะแยกออกว่าการแสดงกับชีวิตจริงของเราเป็นอย่างไรเพราะอย่างเช่นคนที่เล่นเป็นนางร้าย ชีวิตจริงเขาก็ไม่ได้ร้ายเหมือนในการแสดง คือการแสดงก็คือการแสดง และก็ตัวเราก็คือตัวเรา
ตอนเข้าฉากบนเตียงกับเพื่อน ๆรู้สึกเขินรึเปล่า อยากให้พูดถึงการถ่ายทำหน่อย
เอมมี่ : สำหรับฉากบนเตียงก็เขินเพราะว่าก็ไม่เคย เพราะเป็นหนังเรื่องแรกที่มีบทอะไรแบบนี้แต่ว่ามีการเซฟ พี่เค้าก็พยายามดูแลอยู่ตลอด
กระแสตอบรับจากแฟน ๆ ของเรา เป็นอย่างไรบ้าง
เอมมี่ : กระแสตอบรับก็แรงพอสมควรค่ะคนก็จะเห็นเราในแบบลุคใส ๆ พอมาเห็นเราเล่นอะไรแบบนี้เค้าก็จะ เอ่อ..คือติดภาพเราในลุคนั้นค่ะ ก็มีวิพากษ์วิจารณ์กันบ้างค่ะ
เห็นแฟน ๆ บางคน บอกว่า ผิดหวังที่เห็น เอมมี่เล่นหนังแนวนี้ เอมมี่ อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ บ้าง
เอมมี่ : ก็.. อยากให้เขาเข้าใจเราเพราะว่ามันคืองานของเรา และเราก็ตั้งใจแสดงออกมาให้สมบทบาทมากที่สุดค่ะมันเป็นแค่การแสดงเท่านั้น แต่ว่าก็มีคนที่เข้าใจ แฟนคลับที่เข้าใจเราก็มีค่ะก็อยากให้เปิดใจ เปิดกว้าง และลองดูหนังให้จบก่อน แล้วพูดค่อยตำหนิว่ามันเป็นอย่างไร
หากมีโอกาส อยากแสดงละครหรือภาพยนตร์อีกหรือเปล่า ถ้าเลือกได้ อยากได้บทแนวไหน
เอมมี่ : ถ้ามีโอกาสก็อยากแสดงอีกค่ะอยากแสดงหลาย ๆ บทมากเลย อยากเป็นนางร้ายก็ได้ หรือว่าจะเป็นเฮฮา ใส ๆหรือเป็นตัวเองก็ได้ค่ะ ก็อยากเล่นทุกบทบาทเลย
มารับบทเป็นดี้สาวแบบนี้ ตัวจริงน้องเอมมี่ชอบผู้ชายหรือผู้หญิง
เอมมี่ : ความจริงแล้วเอมมี่ไม่ได้อะไรกับเรื่องเพศอยู่แล้วคือเอมมี่คิดว่าความรักมันเกิดขึ้นได้กับทุกเพศค่ะถ้าคนเรารักแล้วเราไม่สามารถที่จะไปจำกัดเรื่องเพศได้ว่าต้องเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเอมมี่คิดว่าความรักเกิดขึ้นได้กับทุกเพศค่ะ
มองความรักแบบเพศเดียวกันเป็นแบบไหน
เอมมี่ : เอมมี่มองว่าเป็นเรื่องปกตินะก็เป็นความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง ถ้าเราไม่ยึดติดเรื่องเพศก็แค่คนสองคนที่มีความรักร่วมกัน ไม่ว่าเพศไหนเอมมี่ก็มองว่าไม่ผิดค่ะ
คิดว่าการแสดงออกทางความรัก กับเรื่องเพศเป็นเรื่องเดียวกันหรือเปล่า แล้วมุมมองความรักของน้อง เอมมี่ เป็นยังไงมองการแสดงออกเรื่องความรักของวัยรุ่นสมัยนี้อย่างไร
เอมมี่ : สำหรับมุมมองความรักอย่างที่เคยเจอมาเอมมี่แต่ก่อนจะมองแต่ภายนอก มองแต่หน้าตา ก่อนที่จะคบกับ แต่พอโตขึ้นเรื่อย ๆก็เริ่มรู้สึกว่า หน้าตาหรืออย่างอื่นมันไม่เกี่ยวเลย ถ้าคุยกันแล้วใช่ถ้าอยู่ด้วยแล้วมีความสุข มันก็สามารถเกิดความรักได้ค่ะ
เอมมี่ก็ขอฝากหนังเรื่อง Fingering วุ่นรักพักนิ้ว ฉายที่ Esplanade Cineplex รัชดา 9 - 13 กุมภาพันธ์แล้วหลังจากนั้นก็จะฉายที่ www.clubqueer.net เป็นการฉายแบบออนไลน์ก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
สัมภาษณ์ แอน ณปภัช แช่มช้อย
หนังเรื่อง Fingering วุ่นรัก พักนิ้ว เป็นเรื่องแรกรึเปล่า ? หากมีโอกาส อยากแสดงละคร หรือภาพยนตร์อีกรึไม่ ?
แอน : หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของแอน เป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายมาก มีหลายอารมณ์ ทั้งเศร้าและสนุก หลากหลายอารมณ์ในตัวละครตัวเดียว สำหรับละครหรือหนังเรืองอื่นถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองอยู่เหมือนกันครับ
มุมมองความรักของ แอน เรื่องความรักเพศเดียวกันเป็นอย่างไรบ้าง ?
แอน : ความรักมันเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ไม่กำหนดว่าเป็นเพศชาย เพศหญิง
ตอนเข้าฉากบนเตียงกับเอมมี่ รู้สึกเขินรึเปล่า อยากให้พูดถึงการถ่ายทำหน่อย
แอน : ก็แปลกดีนะครับ มีคนมามอง มีตากล้อง และพวกพี่ ๆ อีกหลาย ๆ คน ดูเราอยู่บนเตียงกันสองคน เล่นกะหนุงกะหนิงกัน ก็แปลกดี ท้าทายดี และก็พี่เขาเป็นกันเองกันมาเราเลยไม่เกร็งอะไรครับ
สำหรับหนัง Fingering วุ่นรัก พักนิ้ว ก็เป็นหนังเรื่องแรกของ แอน นะครับ แอนและทีมงานทำอย่างเต็มที่ ขอฝากเรื่องนี้ไว้ให้ทุกคนพิจารณาและติดตามผลงานของแอนเรื่องต่อ ๆ ไปด้วยนะครับ
คุณแอนดี้ ราชิต กุศลคูณสิริ โปรดิวเซอร์ วุ่นรัก พักนิ้ว Fingering
สัมภาษณ์ คุณแอนดี้ ราชิต กุศลคูณสิริ โปรดิวเซอร์ วุ่นรัก พักนิ้ว Fingering
คุณแอนดี้ : สวัสดีครับ แอนดี้ ราชิต กุศลคูณสิริ เป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ วุ่นรัก พักนิ้ว Fingering ครับ
วัตถุประสงค์ในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้คืออะไร ต้องการนำเสนออะไรกับสังคม
คุณแอนดี้ : สิ่งที่ต้องการนำเสนอโดยส่วนตัวแล้วเนี่ยได้คุยกับทางผู้กำกับแล้ว ผู้กำกับรู้สึกว่าเขามีโอกาสไปคลุกคลี หรือเรียกง่าย ๆ ว่ามีเพื่อนสนิท และได้พบเจอเรื่องราวความรักของกลุ่มทอม - ดี้ และก็รู้สึกว่ายังเป็นมุมอีกมุมหนึ่งที่กระทบใจเขา และรู้สึกว่าเป็นความรักที่ดูสวยงาม และมีความซับซ้อนอยู่ข้างใน เขาเลยอยากนำมุมนี้มาเสนอ
สิ่งที่คิดว่าจะให้อะไรกับสังคมนั้น.. คือหนังเรื่องนี้คงไม่ได้เป็นหนังที่บอกว่า เราหันมาทำดีเพื่อสังคม เรามาเป็นคนดีกันดีกว่านั้นคงไม่ใช่ แต่ตัวหนังอยากจะบอกก็คือ ไม่ว่าเราจะเป็นเพศอะไรก็ตามแต่ เรายังมีความเป็นมนุษย์อยู่ในตัว เรายังมีความต้องการ ยังมี รัก โลภ โกรธ หลง ได้ แล้วทุกครั้งที่เรามีปัญหากันเนี่ย เราน่าจะจะคุยกันอย่างไร เราจะบาลานซ์กันที่ตรงไหน ความรักถึงจะไปตลอดรอดฝั่งได้ คือเป็นสิ่งที่หนังอยากจะบอก แต่แค่มาถ่ายทอดผ่านกลุ่มคนที่เราเรียกว่า "ทอม-ดี้" เท่านั้นเอง
การคัดเลือกนักแสดง คัดเลือกมาอย่างไร และเลือกจากคนที่เป็น ทอม - ดี้ อยู่แล้วรึเปล่า ?
คุณแอนดี้ : ถ้าเป็นทอมนี่ต้องเลือกจากที่เค้าเป็นทอมเลย ต้องเลือกจากความหล่อ ต้องมีเสน่ห์ของความเป็นทอม เราคัดเลือกจากการแคสติ้งเยอะเหมือนกัน จากเว็บไซต์บ้าง จากโซเชียลเน็ตเวิร์กบ้าง ว่าใครกำลังฮิตอยู่ตอนนี้ หรือใครกำลังเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของคนในแวดวงนี้บ้าง และเรียกน้องมาสอบถามว่า สนใจจะเล่นหนังไหม ก็ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะได้น้องมา โดยส่วนใหญ่แล้วน้องบางคนที่เล่นไม่ได้เป็นดี้ เป็นผู้หญิง แต่ถ้าเป็นทอมละก็ของแท้ครับ
คิดยังไงกับการที่หลายคนมองว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้แรงเกินไป ไม่เหมาะจะเข้าฉาย
คุณแอนดี้ : ภาพยนตร์เรื่องนี้เราได้เรต 18+ ครับ ความที่มันแรงคงเป็นเรื่องของความตรงไปตรงมา และไดอะล็อก แต่ในเชิงของแง่ภาพ ผมยังรู้สึกว่ามันไม่รุนแรงขนาดนั้น ถ้าพูดถึงความโป๊ เปลือย ณ จุดที่หนังเรื่องนี้นำเสนอ แต่สิ่งที่มันรู้สึกกระทบเพราะเราพูดกันอย่างตรง ๆ เหมือนเราไปแอบฟังเขาทะเลาะกัน เขาไม่มีการเซ็นเซอร์คำพูดใด ๆ ตรงนี้มากกว่า ซึ่งผมรู้สึกว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นนั้น ไม่ได้ต้องการว่าเอาแรงเข้าว่าแล้วหนังจะเป็นที่พูดถึง เรากำลังรู้สึกว่าผู้กำกับเขากำลังอยากเล่าเรื่องแบบนี้ คือเขาก็ทำงานที่เขาอยากทำ เราอาจจะว่ามันเป็นศิลปะ แต่สำหรับคนอื่นอาจจะไม่ใช่ ก็คือเขาอยากจะทำอันนี้ในแบบอารมณ์ที่เขาอยากจะทำ หลังจากนั้นคนดูมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมแค่ไหน แต่เรารู้สึกว่าโดยทั้งหมดทั้งมวลที่เนื้อหาหนังนำเสนอ 1 ชั่วโมงนั้น มันมีที่มาที่ไป ทำไมต้องเป็นแบบนี้ เรารู้สึกว่าอยากให้ดูหนังโดยรวมก่อนแล้วค่อยสรุป เพราะว่าตัวอย่างแค่ 2 นาทีนั้นอาจจะยังไม่สามารถคลี่คลายหนังได้ทั้งเรื่อง
หลายคนมองว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างติดเรต อยากทราบว่า จากมุมมองของผู้จัดทำและนักแสดงแต่ละคน มองว่าหากจัดเรตแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ จะอยู่เรตเท่าไหร่ แล้วการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในโรง ผ่านการเซ็นเซอร์แล้วหรือยัง
คุณแอนดี้ : ผ่านเซ็นเซอร์แล้วครับ เราค่อนข้างจะไม่ทันตั้งตัวอยู่ ๆ เค้าก็จัดให้เราเป็นหนังติดเรต คือตอนแรกเราไม่รู้ว่าเราดูหนังประเภทนี้มาพอสมควรรึเปล่า ในเมืองไทยอาจจะยังไม่ค่อยมีแต่ถ้าสำหรับในต่างประเทศแล้ว ไม่ได้จำกัดเฉพาะทอม-ดี้ หนังอื่น ๆ ที่เป็นหนังชายหญิงก็เหมือนกัน คือเรื่องนี้เราไม่ได้บอกเลยว่าเป็นเรื่องรุนแรง ไม่มีได้มีการพูดหมิ่นเหม่ในชั้นวรรณะใด ๆ ทั้งสิ้นในเรื่อง เป็นแค่ภาพของตัวละครสองคนที่เขาอยู่ในสภาพทอม-ดี้เท่านั้น แล้วเค้าเจอปัญหากันเค้าจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่ไม่ได้มีความมุ่งหวังหรือจุดประสงค์ใด ที่จะบอกว่าทอม-ดี้ทุกคนในโลก หรือในประเทศไทยต้องเป็นอย่างนี้ แต่นี้เป็นแค่เรื่องราวที่ผู้กำกับไปเจอมา เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่มันเกิดขึ้น แล้วก็คิดว่ามันไม่ได้เลวร้ายอะไร เพราะเขาไม่ได้ปล้น ฆ่า ชิงทรัพย์ ในเรื่อง หรือว่าเป็นตัวแทนในเรื่องความไม่ดีงามทั้งปวง แต่เป็นแค่คนสองคนที่เค้ารู้สึกว่าความรักเขากำลังจะไปไม่รอด เขาจะคุยกันอย่างไร ทะเลาะกันอย่างไร มันเป็นเรื่องราวของกลุ่มคนตัวเล็ก ๆ มากกว่า ซึ่งเราคิดว่าเป็นตัวแทนการเล่าเรื่อง แต่เราไม่ได้บอกว่าคนกลุ่มนี้ต้องเป็นอย่างนี้ทุกคน พอผลที่ได้กลับมาจุดหนึ่งเราต้องกลับมาพิจารณาเหมือนกันว่า มันมีทั้งส่วนที่เราข้ามเส้นไปบ้าง แต่เรารู้สึกว่าโดยหนังทั้งเรื่องแล้วเนี่ยเจตนาของเราไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
ทราบมาว่าก่อนหน้านี้ มีกำหนดฉายออนไลน์ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้มาฉายในโรงภาพยนตร์ได้
คุณแอนดี้ : ที่ฉายในโรงหนังเพราะว่ามีกลุ่มคนดูที่อยากได้อรรถรสจากหนัง คือดูในโรงหนังแล้วรู้สึกว่ามากันเป็นกลุ่มเพื่อน พอมาดูในโรงภาพยนตร์ ภาพ แสง สี เสียง น่าจะดีกว่าที่ดูในจอคอมพิวเตอร์ เราก็เลยโอเคจัดรอบพิเศษให้เขา เพราะตอนแรกเราว่าจะลงออนไลน์อย่างเดียว
ตอนนี้กระแสตอบรับจากแฟน ๆ เป็นอย่างไรบ้าง
คุณแอนดี้ : มีจากทั้ง 2 ฝั่ง เท่า ๆ กันเลย มีคนที่อยากดูหนัง รู้สึกว่าหนังมันโอเค มันน่าสนุก แต่อีกฝั่งบอกว่า หนังไม่น่าสมควรที่จะถูกสร้างด้วยซ้ำ ก็มีหลายฝ่ายเหมือนกัน ทั้งที่เป็นทอม-ดี้เอง และกลุ่มคนที่เป็นชาย-หญิงปกติที่มาให้ข้อเสนอแนะตามแฟนเพจของเรา หรือตามยูทูบที่เราแปะตัวอย่างหนังไว้ ซึ่งเราก็โอเค และน้อมรับคำเหล่านั้น คือแต่เราแค่รู้สึกว่าหนัง 2 นาทีที่เป็นตัวอย่างออกไปนั้น อาจจะยังตัดสินหนังไม่ได้ทั้งเรื่อง คืออยากให้ดูก่อนว่าเนื้อหาของหนังเป็นอย่างไร บทสรุปจริง ๆ ในเรื่องคืออะไร เพราะฉะนั้นเราก็พูดง่าย ๆ ว่ายังนิ่งเงียบอยู่ หลายฝ่ายก็สงสัยว่า ทำไมทำผิดแล้วไม่ขอโทษ เสื่อมเสียสถาบันทอม-ดี้เลยนะ ภาพลักษณ์ของพวกเขา เราก็เลยรู้สึกว่าด้วยเจตนารมณ์เราไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว และเรารู้สึกว่าอยากให้มาพิสูจน์ตัวหนังเต็มก่อน และรู้ว่ามันเสื่อมเสียจริงหรือไม่ ? ถ้าเสื่อมเสียจริงเราพร้อมที่จะขอโทษ แต่ตอนนี้หนังเรายังไม่ได้ฉาย และก็ยังไม่มีใครได้ดูหนังตัวเต็ม เพราะฉะนั้นให้โอกาสเราก่อนแล้วค่อยว่ากันต่อหลังจากนั้น
ที่บอกว่า Clubqueer คือ ศูนย์รวมภาพยนตร์แนว Queer ที่สร้างใหม่ แล้วเรื่อง วุ่นรัก พักนิ้ว เป็นเรื่องแรกที่ทาง Clubqueer สร้างหรือเปล่า แล้วภาพยนตร์เรื่องต่อไป มีการวางแพลนไว้อย่างไรบ้าง จะแรงเท่าเรื่องนี้รึเปล่า
คุณแอนดี้ : สำหรับ Clubqueer จะเป็นเว็บไซต์สำหรับที่เราลงหนังออนไลน์ ซึ่งเรามีจุดประสงค์ที่จะทำหนังเฉพาะกลุ่มเพศที่ 3 เท่านั้น และเรื่อง วุ่นรัก พักนิ้ว Fingering ก็เป็นเรื่องแรกของ Clubqueer และมีโครงการที่จะทำอีก 6 เรื่องโดยประมาณภายในปีนี้ มีเรื่องราวเกี่ยวกับเกย์ และทอมด้วย ตอนนี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับทางเครือเมเจอร์ไว้แล้ว ซึ่งทางเมเจอร์ได้ใจดีและตอบรับเราว่า ถ้ามีกระแสเรียกร้องจากคนดูก็พร้อมที่จะเปิดให้ทุกเรื่อง สำหรับฉายที่เครือเมเจอร์ครับ อันนี้ก็ต้องรอผลตอบรับอีกที
ส่วนเรื่องความแรงของหนังคงจะอยู่ที่ประเด็นที่เรานำเสนอ และความเป็นจริง คือเราไม่ได้นำเสนอความเป็นจริงว่ามันโหดร้าย คนต้องมองเราเป็นแบบนี้ แต่เราแค่อยากทำหนังที่มันเรียล (Real) คือหนังไม่ต้องประดิษฐ์ประดอย หรือว่าหมกเม็ดอะไร แต่ความเปิดเผยนั้นเราก็ไม่ได้มุ่งหวังว่าเปิดเผยเพื่อทำร้ายเพศที่ 3 เพราะเราก็เพศที่ 3 เหมือนกัน คือเราคงไม่ทำร้ายกันเอง แต่หมายความว่าเรากำลังจะบอกว่านี่คือเรื่องจริงที่เรากำลังเจอกันอยู่ หากเราต้องเจอสถานการณ์แบบนี้เราต้องทำอย่างไรกับชีวิตเรา ณ ตรงนั้น ซึ่งเรารู้สึกว่าหนังที่มันงดงามมันมีอยู่เยอะแล้ว เราก็ไม่ได้อยากทำหนังเลวร้าย แต่เราอยากทำหนังที่มันจริง ๆ ที่มันจริงใจ ที่เหมือนเราไปแอบดูเพื่อนเขาทะเลาะกัน คือเราไปแอบเจอคนเหล่านี้ คือเหมือนเราเป็นผู้สังเกตการณ์ โดยที่ได้มีการประดิษฐ์ประดอยอะไรเลย และรู้สึกว่าอยากให้หนังมันเล่าแบบนั้น เพราะถ้าเราทำแบบนั้นเราคงสู้คนอื่นเขาไม่ได้ในเรื่องของเนื้อหาหรือเรื่องราว แต่เราอยากทำหนังเล็ก ๆ ที่พูดตรงไปตรงมา และเราคิดว่าคนเขาน่าจะค่อย ๆ ซึมซับและรับมันได้ อย่างในต่างประเทศหนังที่ไม่ประนีประนอมคนดูก็มีเยอะมาก คือแล้วแต่ว่า ใครอยากเสพ ใครไม่อยากเสพ แต่เราก็นำเสนอมา มันเป็นสิทธิ์ของคนดูที่จะวิพากษ์วิจารณ์ แต่ในส่วนของเราเราทำในสิ่งที่เราอยากทำ มันเป็นงานของเราจริง ๆ เราไม่ได้เพิ่งใคร ว่าต้องทำให้หนังอยู่ในกรอบ และครรลอง เรารู้สึกว่าหนังมันมีอีกหลายทาง เรายังรู้สึกว่าเรายังเด็ก ๆ เกินไป ถ้าพูดถึงว่าเอาไปเทียบกับหนังอื่นในทั่วโลกนี้ เค้ามีรุนแรงกว่านี้ติดเรตแบบว่าดูกันไม่ได้เลยก็มี
อยากฝากอะไรถึงคนที่แอนตี้ภาพยนตร์เรื่องนี้บ้าง
คุณแอนดี้ : ก็ต้องขอโทษก่อนเลย ขอโทษจากใจจริง ไม่ใช่แค่ว่ามานั่งขอโทษว่าสิ่งที่นำเสนอไปนั้น เราไม่ได้มีเจตนารมณ์ที่จะบอกว่ากลุ่มทอม-ดี้ เป็นอย่างนี้ หยาบคาย รุนแรง เจอแต่เรื่องแบบนี้ทุก ๆ คน แต่เรากำลังรู้สึกว่านี่คือส่วนหนึ่งที่เราได้ไปพบเจอมาและเรารู้สึกว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งที่มีความรัก มีความผิดหวัง คือหนังเรื่องนี้เป็นหนังรักทางเส้นเรื่องอาจจะดูเป็นหนังรักที่ดูฉูดฉาด ดูแบบไม่ประนีประนอมคน แต่มันเป็นอีกรสชาติหนึ่งซึ่งเราคิดว่ามันมีความน่าสนใจ ในเชิงของความเป็นภาพยนตร์ และในเชิงของตัวตนของคนที่เราไปเจอมา เราประทับความความรักของคนคนนั้น ว่าเค้าพบเจอเรื่องราวมาแบบนี้แล้วเขาผ่านมันมาอย่างไร เราก็เลยนำมาถ่ายทอด ซึ่งเราไม่ได้ไปนั่งเทียนคิดเองว่าทอม-ดี้ต้องนิสัยแบบนี้ ซึ่งเราเจอจริง ๆ ในบางกลุ่ม ต้องขอเน้นคำว่าบางกลุ่ม บางคนเท่านั้น ซึ่งไม่ได้รวมว่าทุกคนต้องเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นมีสิทธิ์ที่บางคนอาจจะชอบ หรือไม่ชอบ และสามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้เราเปิดรับ แต่ด้วยเจตนารมณ์ลึก ๆ แล้วเราไม่ได้ทำหนังเรื่องนี้มาเพื่อทำร้ายใคร ต้องขอฝากด้วยครับ