เรื่องย่อ The Great Wall
เรื่องราวของ The Great Wall เกิดขึ้นในยุคโบราณทางตอนเหนือของจีน ในตอนที่นักรบรับจ้าง วิลเลียม การิน เป็นผู้นำกลุ่มนักรบกร้านศึก ผู้หลบหนีจากการรบพุ่งกันระหว่างกลุ่มต่างๆ ในทะเลทราย ผู้กระหายในความมั่งคั่ง อำนาจและเกียรติยศ สมาชิกคนหนึ่งของกลุ่ม ชาวฝรั่งเศสผู้มีนามว่า บูชาร์ด มีความรู้เกี่ยวกับอาวุธใหม่ ซึ่งก็คือผงดินระเบิด ที่จะทำให้พวกเขาร่ำรวยอย่างที่พปรารถนาได้ ผงดินปืนนี้เป็นผงระเบิดตามคำร่ำลือที่หาได้ยากและมีค่าอย่างยิ่งในตอนนั้นจนทำให้มันกลายเป็น ‘จอกศักดิ์สิทธิ์’ ของสงคราม เป็นสมบัติล้ำค่าที่หลายคนยอมตายเพื่อให้ได้มา
หลังจากแทบจะเอาชีวิตไม่รอดจากการสู้รบที่ดุเดือดกับเผ่าในทะเลทราย ในค่ำคืนหนึ่ง พวกเขาก็ถูกโจมตีที่ค่ายพักแรมกลางหุบเขาห่างไกลผู้คนโดยศัตรูที่มองไม่เห็น ก่อนที่จะเสียสหายร่วมรบไปกับการต่อสู้ การินและโทวาร์ได้ค้นพบหินแม่เหล็กประหลาด พร้อมด้วยของอีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งก็คือกรงเล็บหักๆ จากสัตว์ร้ายที่จู่โจมพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ตอนนี้ ด้วยจำนวนคนที่เหลือน้อยนิด สองผู้รอดชีวิตได้เดินทางมาถึงกำแพงเมืองจีน และยอมจำนนต่อกองทัพนักรบที่ถูกเรียกว่าภาคีนิรนาม ผู้อาศัยอยู่ภายในนครป้อมปราการ ซึ่งเป็นค่ายทหารที่พลุกพล่านไปด้วยกำลังพล ที่มีเทคโนโลยีเหลือเชื่อคอยคุ้มครองชาวเมืองจากสิ่งชั่วร้ายด้านนอกกำแพง
เมื่อถูกคุมขัง พวกเขาถูกล่ามตรวนและสอบสวนภายใต้การไต่สวนโดยผู้นำทั้งสามภายในแนวกำแพงกั้น พวกเขาประกอบไปด้วยแม่ทัพเส้า ผู้นำผู้ได้รับการยกย่องของภาคีนิรนาม (กองทัพทหารที่มีจำนวนกว่า 100,000 นาย ที่แบ่งออกเป็นห้ากองพันตามสีเครื่องแบบ สัตว์สัญลักษณ์และลักษณะเฉพาะตัวของกองพัน), กุนซือหวัง นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ประจำค่ายและนักรบหญิง หลิน เมย์ ผู้นำของหนึ่งในห้ากองพัน กองพันกระเรียนที่เป็นนักสู้เหินเวหาไร้ความกลัวและมีแต่ผู้หญิง
พวกเขาไม่เพียงแต่ตั้งคำถามทั้งคู่เกี่ยวกับกรงเล็บของสัตว์ร้ายนั้นเท่านั้น แต่พวกเขายังอยากรู้เกี่ยวกับของอีกชิ้นหนึ่งที่การินเจอก่อนที่จะสังหารอสุรกายตัวนั้นได้ด้วย มันเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของกุนซือหวัง นักปราชญ์และนักวิทยาศาสตร์ประจำค่าย แม่เหล็กลึกลับที่อาจเป็นประโยชน์ในการสู้รบที่ต่อเนื่องกับศัตรูที่ร้ายกาจของพวกเขาที่อยู่ด้านนอกกำแพงนั่น
อย่างไรก็ดี แม่ทัพเส้ากลับสนใจกรงเล็บที่หักนั้น ซึ่งเป็นของสัตว์ร้ายสายพันธุ์หนึ่งที่เรียกว่า เทาเที่ย สายพันธุ์สัตว์ร้ายโบราณที่อาศัยอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขาหยก ที่จะตื่นขึ้นมาทุกๆ 60 ปีเป็นเวลาแปดวัน เพื่อกินมนุษย์เป็นอาหารและลงโทษมนุษย์จากความโลภของพวกเขา
เทาเที่ย เป็นเผ่าพันธุ์ที่กำลังวิวัฒนาการ มันมีกองกำลังจู่โจมสามชั้นและสามารถติดต่อกันได้ทางกระแสจิต การดำรงอยู่ของพวกมันถูกปิดเป็นความลับจากชาวเมืองทั่วไปมานานหลายทศวรรษ ทำให้มันเป็นเพียงตำนานและข่าวลือสำหรับคนที่ไม่เคยเห็นพวกมันหรือสู้กับมันซึ่งๆ หน้า ดังนั้น ด้วยความสนใจและความแปลกใจที่มีต่อสิ่งที่การินได้มาจากการต่อสู้ นี่เป็นครั้งแรกที่นักรบชาวจีนกลุ่มนี้ได้ถือกรงเล็บของอสุรกายร้ายตัวนี้ในมือตัวเอง ใครก็ตามที่สามารถสังหารเทาเที่ยได้ในการต่อสู้ระยะประชิดตัวจะต้องเป็นนักรบผู้เก่งกาจอย่างแน่นอน
เมื่อไม่มีคำตอบให้กับผู้ซักถามพวกเขา การินและโทวาร์ก็ตระหนักว่าพวกเขาอาจจะไม่มีวันได้เดินกลับออกไปจากเมืองหลังกำแพงแห่งนี้อย่างมีลมหายใจ ระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ในค่ายทหารภายในป้อมปราการ พวกเขาได้ผูกมิตรกับนักโทษลึกลับที่ชื่อว่า บัลลาร์ด ผู้ถูกขังอยู่ที่นี่มานานแล้ว และอาจเป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่จะนำพวกเขาไปสู่การมีชีวิตรอดและอิสรภาพ บัลลาร์ดได้เล่าถึงแผนการหลบหนีจากป้อมปราการแห่งนี้ให้นักรบรับจ้างทั้งคู่ฟัง พร้อมกันนั้น เขาก็ได้เผยถึงอาวุธทรงพลังใหม่ที่ถูกคิดค้นโดยพวกทหารที่จับตัวพวกเขาอยู่ มันเป็นสิ่งที่ทั้งคู่เดินทางไปทั่วโลกเพื่อเสาะหามัน นั่นก็คือดินปืนนั่นเอง แผนการของบัลลาร์ดน่ะหรือ? ขโมย “ผงดำ” ของภาคีนิรนามและหลบหนีจากป้อม เลือกที่จะสละเกียรติและศักดิ์ศรีเพื่อความมั่งคั่ง
ในตอนที่บัลลาร์ดเกลี้ยกล่อมโทวาร์และแผนการของเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น การินก็เริ่มตั้งคำถามกับความภักดีของตัวเองเมื่อเขาเห็นความเสียสละ ความเป็นหนึ่งเดียวและเกียรติยศท่ามกลางกลุ่มนักรบของป้อมหลังจากที่เขาช่วยเหลือภาคีนิรนามป้องกันแนวรบจากศัตรูระหว่างการต่อสู้ดุเดือด และพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นนักรบผู้กล้า ในตอนที่การเผชิญหน้ากันที่แสนจะดุเดือดครั้งสุดท้ายกับอสุรกายร้ายใกล้เข้ามา การินจะต้องตัดสินใจว่า เขาจะยอมละทิ้งวิถีของนักรบรับจ้างและหนีไปกับบัลลาร์ดและโทวาร์ หรือเขาจะลุกขึ้นสู้ร่วมกับภาคีนิรนามในสงครามที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องบนกำแพงเมืองจีน...เพราะเขารู้ดีว่าการตัดสินใจของเขาอาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างความเป็นและความตาย