เป็นอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทยเมื่อผู้กำกับฝีมือดี บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ท้าทายความสามารถครั้งใหม่ด้วยการจับเอานักมวยซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ มาชิมลางงานหนังเป็นพระเอกครั้งแรกใน ทองดีฟันขาว ภาพยนตร์ที่อ้างอิงจากเรื่องราวของนายทองดี ฟันขาว หรือ พระยาพิชัยดาบหัก ทหารเอกคู่ใจแห่งพระเจ้าตากสินมหาราช ผู้พลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทยที่รู้จักกันดี ซึ่งในครั้งนี้ บัวขาว ควงคู่นางเอกสาว มะนาว-ศรศิลป์ มณีวรรณ์ และนักแสดงคิวบู๊ฝีมือดี วุฒิ-นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์ มาเล่าเรื่องราวการทำงานแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของการถ่ายทำที่ทั้งโหด มันส์ และฮา มาให้ได้ติดตามกัน
ใน "ทองดีฟันขาว" บัวขาว บัญชาเมฆ รับบท นายทองดี พระเอกของเรื่อง เป็นคนรักอิสระ ชอบการต่อสู้ และใฝ่หาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ส่วนวุฒิ นันทวุฒิ รับบท เชิด ลูกชายเจ้าเมืองพิชัย ที่ไม่ลงรอยกับนายทองดีตั้งแต่เด็ก เพราะนายทองดีเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจของเขา เชิดเป็นตัวแปลสำคัญที่ทำให้ชีวิตของนายทองดีต้องระหกระเหเร่ร่อนทั่วราชอาณาจักร และมะนาว ศรศิลป์ รับบท รำยง องครักษ์สาวที่คอยคุ้มกันความปลอดภัยของ คุณหญิงสอน ภรรยาของพระเจ้าตาก ระหว่างเดินทางไปอีกเมือง แต่ถูกกองโจรพม่าดักซุ่มโจมตี แต่ได้นายทองดีให้ความช่วยเหลือไว้ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของ "รำยง" และ "นายทองดี"
ด้านผู้กำกับฯ บิณฑ์ ก็ได้เสริมถึงการคัดเลือกนักแสดงที่จะมารับบททองดี ว่า ก่อนที่จะสร้างหนังเรื่องทองดีฟันขาวนั้นได้มองแล้วว่า หนังเรื่องนี้ต้องเป็น "บัวขาว บัญชาเมฆ" เท่านั้น ! หากว่าบัวขาวไม่เล่นผมก็คงไม่สร้างแน่นอน ส่วนเหตุผลที่อยากนำเสนอเรื่องราวของนายทองดี เพราะน้อยคนที่จะรู้จักบุคคลนี้ ทุกคนอาจจะรู้จัก "พระยาพิชัยดาบหัก" แต่คงไม่รู้ว่าพื้นเพของท่านก่อนที่จะมารับตำแหน่งทหารเอกคู่ใจพระเจ้าตากสินมหาราชมีความเป็นมาอย่างไร ซึ่งกว่าจะได้ตัว บัวขาว มาถูกปฏิเสธมาแล้วถึง 9 ครั้ง โดยบัวขาวให้เหตุผลถึงการปฏิเสธบทแบบขำ ๆ ว่า "เพราะในชีวิตจริงก็เป็นพระเอกอยู่แล้ว จะไปเป็นพระเอกในหนังทำไม" แต่สุดท้ายยอมใจอ่อน ตกลงเล่นหนังเรื่องนี้ด้วยเหตุผลว่า "เพราะเป็นหนังประวัติศาสตร์ และไม่เคยได้ยินชื่อของนายทองดีมาก่อน เมื่อได้รู้ว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "พระยาพิชัยดาบหัก" จึงได้ตอบตกลงรับเล่นหนังเรื่องนี้" ซึ่งผู้กำกับฯ บิณฑ์ ได้ย้ำว่าเนื้อเรื่องของหนัง "ทองดีฟันขาว" อ้างอิงมาจากประวัติศาสตร์เกือบทั้งหมด มีเพียงบางฉาก บางตอน ที่เสริมเติมแต่งเพื่อให้หนังครบรสมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องการเตรียมตัวรับบท "พระยาพิชัยดาบหัก" นั้น บัวขาวเองก็ได้ไปศึกษาประวัติของ "พระยาพิชัยดาบหัก" ว่ามีภูมิหลังและความเป็นมาอย่างไร เมื่อได้รับรู้ถึงเรื่องราวของท่านก็รู้สึกกดดัน เพราะท่านเป็นบุคคลสำคัญที่มีส่วนในการกอบกู้เอกราช กลัวว่าตัวเองจะสื่อสารเรื่องราวออกมาได้ไม่ดีพอ แต่หนึ่งสิ่งที่บัวขาวมั่นใจและสามารถทำได้ดีคือการถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ ส่วนในเรื่องของการแสดงก็ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เรียกได้ว่าเป็นการท้าทายตัวเองอย่างหนึ่ง ซึ่งในส่วนของความพยายามของบัวขาวนั้นผู้กำกับฯ ของเรื่องคอนเฟิร์มด้วยตัวเองเลยว่า "บัวขาวตั้งใจมาก เพราะวันแรกที่เราเริ่มถ่ายทำ การพูดบทของบัวขาวนั้นค่อนข้างน่าเป็นห่วงถึงขั้นที่คิดว่าจะหาคนมาพากย์เสียงแทน แต่บัวขาวไม่ละความพยายามไปฝึกซ้อมมาจนเป๊ะสุด ๆ" เช่นเดียวกับเรื่องการฝึกซ้อมขี่ม้า ตัวบัวขาวเองไม่เคยเรียนขี่ม้ามาก่อน นักแสดงคนอื่น ๆ ก็ใช้เวลาในการเรียนรู้ 5-7 วัน หรือบางคนเป็นเดือน แต่สำหรับบัวขาวใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ สำหรับผู้ชายคนนี้
ด้านนางเอกสาว มะนาว ศรศิลป์ พูดถึงการเตรียมตัวรับบทรำยง ว่า "เพราะในเรื่องต้องมีคิวบู๊เยอะทำให้ต้องเรียนเพิ่ม อย่างมะนาวก็เรียนฟันดาบ เพราะต้องใช้ในฉากการต่อสู้ ค่อนข้างยากเพราะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองถนัด ส่วนเรื่องการออกท่าทางมวยก็ได้พี่บัวขาว และพี่วุฒิ ช่วยแนะนำ" ส่วนฉากหวาน ๆ ที่ประทับใจที่สุดเป็นซีนพี่บัวขาวต้องช่วยเช็ดโคลนออกจากเท้า พี่บัวขาวเล่นได้เป็นธรรมชาติมากสุภาพบุรุษสุด ๆ สำหรับเรื่อง "ทองดีฟันขาว" นอกจากที่จะได้รับความสุข ความตื่นเต้นแล้ว ที่สำคัญเราจะได้เห็นฝีไม้ลายมือในการแสดงครั้งแรกของ บัวขาว บัญชาเมฆ ด้วยค่ะ
ทางด้านมือใหม่หัดร้ายอย่าง วุฒิ นันทวุฒิ ก็เปิดใจถึงการมาเล่นเป็นตัวร้ายครั้งแรก ว่า "ชอบครับ ยิ่งได้มาเล่นกับพี่บัวขาวด้วยแล้ว รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แรก ๆ ก็มีเกร็ง ๆ กันบ้าง ในส่วนของคิวบู๊ที่ต้องปะทะกับพี่บัวขาวนั้นสมจริงแน่นอน เพราะ "เล่นจริงเจ็บจริง" ครับ ก็มีบ้างที่พลาดแต่ก็ไม่ร้ายแรงอะไร" ในหนังเรื่องนี้เราจะได้เห็นความอดทนของผู้ชายคนหนึ่งที่จากคนธรรมดามาเป็นนักมวย นักสู้ และสุดท้ายเป็นนักรบที่ต่อสู้เคียงข้างพระมหากษัตริย์ และจะได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ของบัวขาวที่ไม่ใช่แค่บนสังเวียน
เมื่อถามถึงการร่วมงานกับผู้กำกับฯ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ทั้ง 3 บอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า "สนุกมาก" โดยสำหรับ วุฒิ เป็นการร่วมงานกันครั้งแรก พี่บิณฑ์ ให้โอกาสเต็มที่ในการแสดง ได้เป็นตัวของตัวเองที่จะนำเสนอบทบาทของเชิดในแบบของเรา ส่วน มะนาว เคยร่วมงานกับพี่บิณฑ์ ในงานร่วมกตัญญู พอได้มาเล่นหนังของพี่บิณฑ์ก็มีความเกร็งบ้าง แต่พี่บิณฑ์ก็ใจดีคอยให้คำแนะนำ ทั้งในส่วนของการแสดงและคิวบู๊ (แต่ถ้าใกล้มืดหรือแสงจะหมดแล้วละก็.. กลายเป็นอีกคนหนึ่งเลย) ด้าน บัวขาว เป็นครั้งแรกที่ได้มาร่วมงานกัน ก็ประทับใจผู้กำกับฯ มาก พี่บิณฑ์ เป็นทั้งเพื่อน พี่ และเป็นคนที่ให้คำแนะนำ มีความเป็นกันเอง เวลาทำงานด้วยแล้วสบายใจ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก
ปิดท้ายด้วย บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่พูดถึงการร่วมงานกับ 3 นักแสดงว่า ทั้งสามคนเป็นเหมือนเพชรในหัวใจผมเลย ให้กำลังใจกันตลอด ในแง่การแสดงก็จะไม่กดดัน ให้โอกาสนักแสดงได้เป็นตัวของตัวเอง หรือถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมจากนักแสดงก็จะแนะนำไปว่า "ถ้าได้แบบนี้อีกนิดนะแจ่มมากเลย" หรือ "ดีแล้ว อีกนิดเดียว" เหมือนเป็นจิตวิทยานิด ๆ ในการทำงาน เพื่อให้นักแสดงของเรามีกำลังใจที่ดีในการทำงาน
ทิ้งท้ายกันด้วยเหตุผลที่ว่า ทำไมคนไทยถึงต้องดูหนังเรื่อง "ทองดีฟันขาว" ซึ่งผู้กำกับฯ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้กล่าวว่า อย่างน้อยประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งที่ได้บันทึกไว้เกี่ยวกับวีรบุรุษชื่อ "พระยาพิชัยดาบหัก" จะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวตนของท่านเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงได้ชื่อว่าพระยาพิชัยดาบหัก และได้มาเป็นทหารเอกของพระเจ้าตากสินมหาราชได้อย่างไร คนไทยต้องดูเพื่อศึกษาประวิติศาสตร์ พร้อมกันนี้จะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของ "บัวขาว บัญชาเมฆ" ที่การขึ้นชกไม่ได้เป็นเพียงความสามารถเดียวของเขา มาให้กำลังใจกันกับการแสดงครั้งแรกของเขาด้วยนะครับ 9 กุมภาพันธ์นี้ ทุกโรงภาพยนตร์
