รวมเกร็ดที่น่าสนใจจากแอนิเมชั่น Minions ที่คุณควรรู้ก่อนตีตั๋วเข้าชม อุ่นเครื่องก่อนฮาเต็มพิกัดไปกับความน่ารักของเหล่าตัวแสบสีเหลือง
ความน่าเอ็นดูของเหล่าคาแรคเตอร์สีเหลืองอย่าง มินเนี่ยน สร้างกระแสให้แฟน ๆ เรียกร้องหนังเดี่ยวของพวกเขานับตั้งแต่ปรากฏตัวครั้งแรกใน Despicable Me จนในที่สุดสตูดิโอผู้ผลิตอย่าง Universal Pictures ก็ตอบสนองความฝันให้เป็นจริงด้วยการสร้างแอนิเมชั่นเรื่อง Minions ซึ่งนับเป็นหนังภาคแยกที่เปิดโอกาสให้แฟน ๆ ได้รู้จักพวกเขาอย่างเต็มอิ่ม และเพื่อเป็นการต้อนรับความแรงของหนังเรื่องนี้ เว็บไซต์ Into Film ได้เปิดเผยเกร็ดน่ารู้จากแอนิเมชั่น Minions มาให้คุณเตรียมพร้อมก่อนตีตั๋วเข้าชมความน่ารักของพวกเขา ไปดูกันเลยว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
Minions ไม่ใช่ภาคต่อหรือภาคปฐมบท
ว่ากันตามจริง Minions เป็นเสมือนหนังภาคแยกจาก Despicable Me เสียมากกว่า ซึ่งความเป็นหนังภาคแยกไม่จำเป็นต้องมีความเกี่ยวพันกับเรื่องราวต้นฉบับร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่การหยิบตัวละครเด่น ๆ หรือเรื่องราวเด็ด ๆ มาขยายเป็นหนังเรื่องใหม่ก็เท่านั้น อย่างเช่นหนังเดี่ยวของเจ้าแมวมาดกวน Puss In Boots จากเรื่อง Shrek หรือจะเป็นเหล่าเพนกวิน Penguins of Madagascar จากเรื่อง Madagascar
ที่จริงแล้วนี่คือหนังเล่าต้นกำเนิดของมินเนี่ยนต่างหาก
#TBT to the last time a caveman listened to the #Minions https://t.co/ZpQREXq32j
— #Minions (@Minions) 18 มิถุนายน 2015
เช่นเดียวกับหนังดังเรื่องอื่น ๆ ที่มักปูพื้นตัวละครสู่อนาคต หนังเรื่อง Minions จะพูดถึงเหล่ามินเนี่ยนมีที่มาจากไหน และพวกเขามีพัฒนาการอย่างไรกว่าจะมีบุคลิกอย่างที่เป็นทุกวันนี้
#TBT to that time the #Minions visited #JurassicWorld.
Posted by Despicable Me on 11 มิถุนายน 2015
เรื่องราวส่วนใหญ่ของหนัง Minions เกิดขึ้นในปี 1968 หรือ 42 ปีก่อนที่มินเนี่ยนจะพบเจ้าของคนปัจจุบันอย่าง กรู แต่อันที่จริงพวกเขาถือกำเนิดบนโลกมานานหลายล้านปี และใช้เวลานับแต่นั้นตามหาเจ้านายเป็นของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาเจ้านายของพวกเขามีทั้งมนุษย์ถ้ำ แดร็กคูล่า หรือแม้กระทั่งไดโนเสาร์ทีเร็กซ์
Minions ไม่เคยพูดภาษาอังกฤษเลยสักคำ
แม้จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยสักคำ แต่พวกเขามีภาษามินเนี่ยนเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการสร้างภาษาขึ้นใหม่โดยเฉพาะ เพราะไอเดียดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วในแอนิเมชั่น Wall-E, ฝูงเอเลี่ยนใน Toy Story หรือจระเข้ติ๊กต็อกจากเรื่อง Peter Pan ส่วนผู้ให้เสียงพากย์เหล่ามินเนี่ยนก็ไม่ใช่ใครอื่น เพราะเขาคือผู้กำกับ ปิแอร์ คอฟฟิน (Pierre Coffin) ที่ต้องให้เสียงมินเนี่ยนกว่า 899 ตัว
ความตลกของ Minions คือเทคนิคดั้งเดิมของโลกภาพยนตร์
ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถสื่อสารภาษาให้เราเข้าใจได้ เหล่ามินเนี่ยนจึงแสดงออกด้วยท่าทางเพื่อสร้างอารมณ์ขันกับผู้ชม โดยเทคนิคดังกล่าวเป็นที่รู้จักในวงการหนังว่า Slapstick หรือเทคนิคการใช้ท่าทางสร้างอารมณ์ขันแทนการใช้คำพูด วิธีการนี้ได้รับความนิยมเมื่อความบันเทิงบนจอเงินถือกำเนิดขึ้นใหม่ ๆ ก่อนเลือนหายไปพร้อมกับการที่หนังเริ่มมีเสียง ตัวอย่างที่หลายคนรู้จักดีน่าจะเป็นเรื่อง Mr. Bean ที่สร้างเสียงหัวเราะโดยไม่ใช้คำพูดสักคำ
สการ์เลต โอเวอร์คิลล์ คือวายร้ายตัวใหม่ที่จะปรากฏตัวในหนังเรื่อง Minions ว่ากันว่าเธอจะกลายเป็นหนึ่งในแก๊งวายร้ายหญิงที่โลกจดจำไม่แพ้ มาเลฟิเซนท์, ครูเอลล่า เดอ วิล จาก 101 Dalmations และแม่มดจาก The Wizard of Oz โดยแผนการชั่วร้ายของหล่อนคือการขโมยมงกุฎประดับอัญมณีของราชินีอังกฤษ ส่วนผู้ให้เสียงพากย์คาแรคเตอร์นี้ ได้แก่ แซนดร้า บูลล็อก (Sandra Bullock)
ในขณะที่ Despicable Me 2 ทำให้ผู้ชมเพลิดเพลงกับเพลงประกอบสุดโมเดิร์นอย่าง Happy ของ ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ (Pharrell Williams) แต่หนังเรื่อง Minions ขอสวนทางด้วยการใช้เพลงจากยุค 60 มาสร้างความสมจริง โดยทีมผู้สร้างให้เหตุผลว่าเพลงต่าง ๆ เข้ากับบรรยากาศของลอนดอนในช่วงเวลานั้น และถึงแม้ผู้ชมรุ่นเยาว์อาจไม่เข้าถึงบทเพลงเหล่านั้นเท่าที่ควร แต่รับรองว่าผู้ชมรุ่นใหญ่จะเพลิดเพลินกับแอนิเมชั่นเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ
ความสำเร็จจากหนังเรื่อง The Despicable Me สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมสร้างหนังมินเนี่ยนของตัวเองแล้วแชร์บนโลกออนไลน์ หากคุณอยากอุ่นเครื่องก่อนชมความน่ารักแบบเต็ม ๆ ของ Minions ลองหาผลงานเหล่านั้นมาดูสักหน่อยก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวเหมือนกันนะ
ในเมื่อได้ทราบเกร็ดน่ารู้จากหนังเรื่องนี้กันไปแล้ว อย่าลืมตีตั๋วเข้าชม Minions ซึ่งเตรียมเข้าฉายในบ้านเรา 9 กรกฎาคม 2015 เชื่อได้เลยว่าการกลับของมินเนี่ยนจะน่ารักไม่แพ้ครั้งไหน ๆ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Minions, ทวิตเตอร์ Minions