น้อย วงพรู นำทีมนักแสดง ขุนพันธ์ แฟรงค์ ภคชนก์ และอ้อม กานต์พิสชา เยี่ยมบ้านกระปุกดอทคอม เล่าเบื้องหลังการถ่ายทำทั้งเหนื่อยแต่สนุก หากพูดถึงหนังไทยในตอนนี้คงจะไม่มีเรื่องไหนน่าจับตามองเท่า "ขุนพันธ์" หนังฟอร์มยักษ์ของผู้กำกับมากฝีมือ ก้องเกียรติ โขมศิริ (อันธพาล, เฉือน, ไชยา) ที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ถ่ายทอดเรื่องราวของ "ขุนพันธ์" พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช นายตำรวจมือปราบชื่อดังแห่งภาคใต้ ผู้มีตัวตนจริงอยู่ในประวัติศาสตร์ กับภารกิจไล่ล่า "อัลฮาวียะลู" มหาโจรผู้แกร่งกล้าด้วยอาคม ซึ่งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2559 นักแสดงนำของเรื่องนำทีมโดย กฤษดา สุโกศล แคลปป์, แฟรงค์ ภคชนก์ โวอ่อนศรี และอ้อม กานต์พิสชา เกตุมณี ก็ได้มาเยี่ยมบ้านกระปุกดอทคอม พร้อมเล่าเบื้องหลังการถ่ายทำ ขุนพันธ์ ในแบบเป็นกันเอง ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจของกระปุกดอทคอม
เริ่มกันที่ น้อย วงพรู กับบทบาทสุดหิน "อัลฮาวียะลู" มหาโจรผู้เหี้ยมโหด ผู้มีอาคมติดตัว คู่ปรับตัวฉกาจของ "ขุนพันธ์" โดยพี่น้อยเปิดใจว่า
"การรับบท อัลฮาวียะลู ต้องเตรียมตัวเยอะมาก เพราะเป็นบทที่ท้าทาย และเป็นการรับบทร้ายครั้งแรกของตัวเองด้วย รวมถึงภาษาที่ใช้ในเรื่องค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นคำโบราณ ไหนจะการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครที่มีความรุนแรง สำหรับฉากที่เหนื่อยที่สุดคือการประชันหน้ากับ อนันดา ในทีเซอร์ที่ได้เห็นกันนั่นเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ส่วนฉากชกต่อยฉากเดียวกินเวลานานถึง 36 ชั่วโมงเลยทีเดียว"
ด้าน แฟรงค์ ภคชนก์ โวอ่อนศรี ได้เปิดใจถึงการรับบท "หลวงโอฬาร" ว่า
"หลวงโอฬาร เป็นนักการเมืองที่ใช้อำนาจไปในทางที่ผิด ไม่ใช้ความรู้ของตัวเองเพื่อสร้างประโยชน์ และเพื่อความเข้าใจในคาแรคเตอร์ต้องทำการบ้านเยอะมาก อ่านวิทยานิพนธ์เป็นเล่ม ๆ เพื่อเข้าใจในสภาพเศรษฐกิจ การเมือง และภาพรวมของประเทศไทยในช่วงรัตนโกสินทร์ ฉากประทับใจมีเยอะมากไม่ว่าจะเป็นฉากที่เข้าพร้อมกับพี่น้อย และน้องอ้อม หรือฉากเล็ก ๆ ที่ต้องเจอกับ อนันดา ก็ประทับใจไม่แพ้กัน"
ด้านนักแสดงสาว อ้อม กานต์พิสชา เกตุมณี ที่รับบท มาลัย ก็ได้เล่าถึงคาแรคเตอร์ของตัวเองว่า
"สาวชาวบ้านธรรมดา ๆ ผู้อ่อนหวาน ตอนกลางคืนรับหน้าที่นักร้อง ร้องเพลงที่สโมสรของหลวงโอฬาร เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือแก่ขุนพันธ์ สำหรับบทนี้ท้าทายความสามารถมาก ไม่ว่าจะเป็นภาษาใต้ที่ไม่ค่อยคุ้นเคย และการแสดงออกทางด้านสีหน้า แววตา ให้เหมือนกับนักร้องสมัยก่อน และการทำงานกับพี่น้อย พี่แฟรงค์ และพี่อนันดา สนุกมาก แม้ว่าจะเหนื่อยสุด ๆ ก็ตาม ดีใจที่ได้มีส่วนร่วมกับหนังเรื่องนี้"
โดยทั้ง 3 นักแสดงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เหนื่อยมาก" แต่ก็ "สนุกมาก" เช่นเดียวกัน กับระยะเวลาการถ่ายทำ และขั้นตอนในการตัดต่อที่กินเวลามากถึง 3 ปี เชื่อได้ว่าหนังเรื่องนี้คุ้มค่าการรอคอยแน่นอน "อยากให้คนไทยได้ดู "ขุนพันธ์" หนังเรื่องนี้พูดถึงเรื่องราวของบุคคลที่มีชีวิตอยู่จริง และใช้ความสามารถไปในทางที่ถูกต้อง ยึดมั่นและศรัทธาในความดี เชื่อว่าเมื่อได้ดูจบและย้อนกลับมาดูความดีในตัวเองจะศรัทธาและดำเนินชีวิตไปกับความดีของตัวเอง"
"ขุนพันธ์" เรื่องราวของยอดตำรวจวีรบุรุษเจ้าของฉายา "นายพลหนังเหนียว" ผู้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ซึ่งมีอายุยืนยาวถึง 108 ปี เนรมิตฉากหลังของเรื่องราวดำเนินเรื่องในช่วงปี พ.ศ. 2481-2485 ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ท่านขุนพันธ์ยังคงเป็นนายร้อยฝึกหัด ก่อนที่เสนอตัวมุ่งหน้าสู่ดินแดนที่เต็มไปด้วยภยันตราย และไม่เคยมีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์คนใดในประวัติศาสตร์ย่างกรายไปถึง ในภารกิจสยบมหาโจรซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นที่ยำเกรงและหวาดกลัวมากที่สุด และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวยิ่งใหญ่แห่งการไล่ล่าของคู่แค้นที่ต้องสู้กันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน อาคมต่ออาคม ของนายตำรวจคงกระพันที่ฆ่าไม่ได้ และมหาโจรหนังเหนียวที่ตายไม่เป็น
เตรียมพบกับผลงานชิ้นโบแดงของ ก้องเกียรติ โขมศิริ "ขุนพันธ์" วีรบุรุษที่เกิดมาเพื่อเป็นตำนาน 14 กรกฎาคม 2559 มาร่วมพิสูจน์กันว่าแรงกระสุนปืนหรือจะหาญสู้แรงศรัทธา ทุกโรงภาพยนตร์
