x close

สัมภาษณ์พิเศษ เฉินหลง-สแตนลีย์ ตง จากหนังสู้ฟัด Kung Fu Yoga



Kung Fu Yoga เฉินหลง

          สัมภาษณ์พิเศษ เฉินหลง และผู้กำกับ สแตนลีย์ ตง จากหนังแอ็คชั่น-คอมเมดี้ Kung Fu Yoga เตรียมเข้าฉายในไทยต้อนรับตรุษจีน 26 มกราคม 

          แม้เพิ่งปล่อยผลงานเรื่องล่าสุดอย่าง Railroad Tigers หรือ ใหญ่-ปล้น-ฟัด เข้าฉายในเมืองไทยไปหมาด ๆ แต่ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งความแรงของ เฉินหลง (Jackie Chan) ที่ปล่อยหนังเรื่องใหม่ออกมาให้ชมกันอีกแล้ว โดยเขากลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ สแตนลีย์ ตง (Stanley Tong) ในหนังแอ็คชั่น-คอมเมดี้ Kung Fu Yoga โดยเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2560 กระปุกดอทคอมมีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ เฉินหลง และผู้กำกับ สแตนลีย์ ตง ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ในโอกาสที่พวกเขามาโปรโมทหนังเรื่องล่าสุดอย่าง Kung Fu Yoga ถึงเมืองไทย ซึ่งทั้งสองคนนำเสนอผลงานเรื่องนี้อย่างภาคภูมิใจ และมั่นใจว่าผู้ชมชาวไทยจะต้องชอบแน่นอน
Kung Fu Yoga

เล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหม ว่าทำไมต้องเป็น Kung Fu Yoga และทำไมต้องเล่าเรื่องเกี่ยวกับประเทศอินเดีย ?

          สแตนลีย์ ตง: เมื่อสองปีที่แล้ว เฉินหลงให้ชื่อเรื่อง Kung Fu Yoga กับผมมา ผมจึงเริ่มต้นเขียนบทตั้งแต่ตอนนั้น ผมใช้เวลา 9 เดือน ในการศึกษาประวัติศาสตร์ระหว่างจีนกับอินเดีย จนลงเอยที่เรื่องราวเมื่อ 2,400 ปีก่อน เมื่อทูตคนแรกของจีนจากราชวงศ์ถังเดินทางไปเยือนอินเดีย นี่เป็นเรื่องราวระหว่างเขากับเจ้าหญิง และยังเกี่ยวข้องกับสมบัติล้ำค่าที่ยังไม่มีใครเคยค้นพบ ผมเขียนเรื่องราวโดยอ้างอิงจากประวัติศาสตร์เหล่านั้น สร้างคาแรคเตอร์ให้เขาเป็นนักโบราณคดี ที่ออกเดินทางร่วมกับศาสตราจารย์ชาวอินเดียคนงาม ในภารกิจตามล่าสมบัติและสำรวจความลึกลับอายุพันปี

อะไรคือความท้าทายที่สุดของคุณในหนังเรื่องนี้ ฉากไหนที่คุณคิดว่ายากที่สุด ?

          เฉินหลง: สำหรับผมไม่มีอะไรง่ายอยู่แล้ว เพราะเรากำลังสร้างหนังแอ็คชั่น ทุกฉากยากหมดไม่มีอะไรง่ายเลยจริง ๆ เช่น การถ่ายทำที่ดูไบซึ่งเราต้องยืมรถยนต์จากราชวงศ์มูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ มาถ่ายทำฉากไล่ล่าบนท้องถนน เพราะความรับผิดชอบของเราคือการรักษาความปลอดภัยของทุกคน รวมถึงคนที่เดินบนท้องถนน ซึ่งความตื่นเต้นนั้นเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน เราภาวนาว่าอย่าทำรถชนนะ อย่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเลย แต่ในที่สุดเราก็ทำรถบางคันชนจนได้

          ผมไม่ใช่คนที่ต้องไปเผชิญหน้ากับราชวงศ์ ผู้กำกับเป็นคนไปพบกับพวกเขา ผมถามสแตนลีย์ว่าเกิดอะไรขึ้น เราไม่มีเงินจ่ายค่าความเสียหายนะ แต่พวกเขาก็บอกว่าโอเค แค่ขอทานข้าวเย็นด้วย ขอถ่ายรูปด้วย แล้วก็ขอลายเซ็น ผมจึงรีบบอกเลยว่า โอเค ๆ เอาเลย ๆ หลังจากนั้นบรรดาราชวงศ์ดูแฮปปี้มาก ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเห็นแบบนั้นเลยบอกกับสแตนลีย์ว่า ผมจะให้ลายเซ็นเพิ่มอีก 20 ใบ แล้วถ่ายรูปให้อีก 20 ใบ แต่ขอยืมรถมาอีก 2 คันได้ไหม

Kung Fu Yoga

          การถ่ายทำที่นั่นไม่ง่ายเลยครับ เพราะร้อนกว่ากรุงเทพฯ เสียอีก หลังจากถ่ายที่นั่นเสร็จเราก็ย้ายไปยังไอซ์แลนด์ ที่อุณหภูมิติดลบ 16 องศา และทุกอย่างดูขาวโพลนไปหมด ผมต้องสวมชุดสกี หมวกกันน็อก และถุงมือลงไปในน้ำ แบกน้ำหนักบนร่างกายเอาไว้ 60 ปอนด์ ส่วนนักแสดงหญิงชาวอินเดียของผมก็ว่ายน้ำไม่เป็น แถมเพิ่งเคยเห็นหิมะเป็นครั้งแรกด้วย ผมจึงเป็นคนที่ต้องดูแลเธอ แต่ไม่มีใครมาดูแลผมเลย เพราะพวกเขาคิดว่าผมดูแลตัวเองได้ ที่นั่นหนาวมากและทำงานยากมาก หนังของเฉินหลงไม่มีอะไรง่ายอยู่แล้วครับ 
Kung Fu Yoga

นี่เป็นครั้งแรกที่คุณทั้งสองคนได้ร่วมงานกับนักแสดงชาวบอลลีวูดเลยหรือเปล่า มีเรื่องราวอะไรน่าประทับใจบ้างไหม ?

          เฉินหลง: นี่ไม่ใช่ครั้งแรกครับ เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ผมเคยเล่นหนังเรื่อง The Myth ที่เราเคยไปอินเดียมาแล้ว หลังจากนั้นเราทำหนังร่วมกับคนหลายชาติ เช่น รัสเซีย ฝรั่งเศส อเมริกัน ผมคิดว่าในวงการหนังเราต่างพูดภาษาเดียวกัน มันง่ายมาก เมื่อไปถึงกองถ่ายทุกคนจะรู้ดี หากคุณไปเที่ยวรัสเซียหรือมาพักผ่อนที่กรุงเทพฯ ภาษาอาจเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อคุณก้าวเข้าสู่ธุรกิจการสร้างหนังเหมือนกัน ทุกคนจะเข้าใจกันดี

ในฐานะที่เล่นหนังมานาน คุณคิดว่าการเล่นหนังแอ็คชั่นสมัยนี้ ยากหรือง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน ?

          เฉินหลง: ความฟิตของร่างกายเป็นเรื่องยากครับ ที่จริงทุกคนก็รู้ว่าผมอายุเท่าไร แต่ผมยังเล่นฉากแอ็คชั่นได้เยอะอยู่นะ แต่ทุกวันนี้การเล่นฉากแอ็คชั่นง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ เพราะผมมีทีมงานรอบตัวเยอะ เรามีทีมสตั๊นต์เป็นของตัวเอง เรามีงบประมาณเยอะไม่ใช่หนังทุนต่ำเหมือนเมื่อก่อน แถมยังมีเทคโนโลยีมากมายที่เข้ามาช่วย มันง่ายกว่าเมื่อก่อนจริง ๆ ครับ

Kung Fu Yoga

อะไรคือสิ่งที่พวกคุณภาคภูมิใจที่สุดเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ?

          สแตนลีย์ ตง: คือการที่ผมถ่ายทำจนจบเสียทีครับ (หัวเราะ) เพราะก่อนที่ผมจะมาทำงานร่วมกับเฉินหลง ผมมีไอเดียฉากแอ็คชั่นเก็บไว้ 5 ฉาก ต่อมาเราต้องการเพิ่มเป็น 7 แต่ในหนังเรื่องนี้ผมดีใจที่มีฉากแอ็คชั่นถึง 10 ฉาก ดังนั้นการได้ทำฉากแอ็คชั่น 10 ฉากที่ไม่เคยทำมาก่อน โดยผสมกับความเป็นคอมเมดี้และคาแรคเตอร์ของเฉินหลง นั่นเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากสำหรับผม แต่ผมก็ทำมันได้สำเร็จซึ่งตัวเฉินหลงก็แฮปปี้ ผู้ชมก็แฮปปี้ และผมก็หวังว่าผู้ชมชาวไทยจะแฮปปี้เช่นกัน

          เฉินหลง: สำหรับพวกเราความภาคภูมิใจที่สุดคือ อะไรก็ตามที่เราต้องการ เราสามารถทำมันให้สำเร็จได้ นั่นคือสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุด บางครั้งการที่เราไปถ่ายทำฉากขับรถไล่กันที่ดูไบ หากเป็นหนังเรื่องอื่นคงยกเลิกฉากนั้นไปแล้ว เพราะมันยากมากและมีปัญหากับคนเป็นร้อย เราภูมิใจที่เราได้ทำในสิ่งที่คิดเอาไว้ 

Kung Fu Yoga

อยากบอกอะไรกับแฟนหนังชาวไทยบ้าง

          เฉินหลง: ผมอยากจะฝากถึงแฟนหนังชาวไทยนะครับว่า ขอบคุณจริง ๆ สำหรับการสนับสนุนตลอดมา นั่นเป็นเหตุผมที่ผมยังทำหนัง หนังแอ็คชั่น-คอมเมดี้เป็นของขวัญที่ผมอยากมอบให้กับคุณ ในสัปดาห์นี้ก็จะเป็นวันตรุษจีนแล้ว ผมอยากให้คุณทุกคนมีความสุข มีสุขภาพดี เพราะการมีสุขภาพดีเป็นสิ่งสำคัญมาก 

          สแตนลีย์ ตง: หากคุณชอบหนังที่ผมเคยทำร่วมกับเฉินหลงอย่าง Police Story, Rumble in the Bronx, The Myth ผมเชื่อว่าคุณจะต้องชอบหนังเรื่องนี้ ผมหวังว่าคุณจะได้ดูกัน และขอให้คุณมีความสุขในวันปีใหม่ พวกเราจะทำหนังตามมาอีกในอนาคต หนังเรื่องนี้คือของขวัญแด่คุณในวันปีใหม่ครับ

Kung Fu Yoga

          เฉินหลง: หนังเรื่องต่อไปหลังจากนี้จะทำให้คุณเซอร์ไพรส์ เราเพิ่งได้ไอเดียเด็ด ๆ มาหมาด ๆ ถ้าหาก Kung Fu Yoga เป็นหนังดีละก็ นั่นคือหนังของผม แต่ถ้าหากไม่ดีนั่นคือหนังของเขา (ชี้ไปที่ผู้กำกับ) คุณโทษเขาได้เลย
 
          แม้จะเป็นผลงานของผู้กำกับและนักแสดงชาวฮ่องกง แต่ในเรื่อง Kung Fu Yoga ยังประกอบไปด้วยทีมนักแสดงชาวอินเดียอย่าง ทิชา พาตานี (Disha Patani), โซนู ซูด (Sonu Sood) และอาริฟ ราห์มาน (Aarif Rahman) โดยนี่คือผลงานที่ เฉินหลง และผู้กำกับ สแตนลีย์ ตง ตั้งใจสร้างเพื่อเป็นของขวัญแด่แฟน ๆ ในเทศกาลตรุษจีน หากใครอยากพิสูจน์ว่าหนังเรื่องนี้จะโหด มันส์ ฮาขนาดไหน ติดตามชมได้ 26 มกราคม ทุกโรงภาพยนตร์

Kung Fu Yoga

Kung Fu Yoga

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สัมภาษณ์พิเศษ เฉินหลง-สแตนลีย์ ตง จากหนังสู้ฟัด Kung Fu Yoga อัปเดตล่าสุด 24 มกราคม 2560 เวลา 16:20:25 4,751 อ่าน
TOP