หลังจากที่ภาพยนตร์แอ็คชั่นสุดมันอย่าง John Wick ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายไปทั่วโลกมาแล้วทั้ง 2 ภาค ทีมผู้สร้างก็ยังไม่วางมือง่าย ๆ โดยได้วางแผนถ่ายทำภาค 3 เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าในภาคนี้ คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) ก็จะกลับมาสวมบทบาท จอห์น วิค แล้วบู๊ระห่ำเลือดสาดเหมือนเดิม
แชด สตาเฮลสกี้ ได้เล่าย้อนไปถึงความเป็นมาในการทำหนัง John Wick โดยเปิดเผยว่าภาค 1 และภาค 2 มันมีโทนเรื่องที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ซึ่งการดำเนินเรื่องในภาคแรกคือเป็นเรื่องราวสีดำ ๆ ของกลุ่มคนที่ไม่ใช่คนดี พวกนักฆ่าที่แฝงกายอยู่ในเงามืดทั่วมหานครนิวยอร์ก มันจึงมืดหม่นและค่อนข้างเครียด พอมาถึงภาค 2 ทีมผู้สร้างจึงอยากให้มันมีความผ่อนคลายมากกว่านั้น จึงได้สอดแทรกมุกตลกเข้าไปมากขึ้น
เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงภาค 3 ทุกคนต่างก็สงสัยกันว่าสิ่งต่อไปที่จอห์น วิค จะต้องพบเจอมันคืออะไร หลังจากที่เขาผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมายแบบนั้น และทุกคนก็อยากรู้จักตัวตนของจอห์น วิคมากขึ้นไปขึ้นไปกว่าเดิม ว่าอดีตที่ผ่านมาของคนที่ลุกมาฆ่าเพื่อหมาแสนรักคนนี้ มันเป็นอย่างไรกันแน่
"ผมกับ คีอานู รีฟส์ มีไอเดียกันอยู่แล้วสำหรับเรื่องนี้ แต่มันคงจะเป็นเรื่องโง่ ๆ ถ้าเราเล่ามันออกไปในหนัง เราชอบแนวคิดในการเล่าเรื่องของตัวละครไปแบบนี้ มากกว่าเปิดเผยเรื่องราวในอดีตของเขาไปแบบโต้ง ๆ" ผู้กำกับ กล่าว
หนึ่งในคำถามที่น่าสนใจที่ทีมงานได้ถามแชดก็คือ ในขณะที่เรื่องกำลังดำเนินไป เขาได้เปลี่ยนจอห์น วิค จากนักฆ่าให้กลายเป็นเหยื่อแทน มันเป็นเรื่องปกติของหนังเรื่องนี้ใช่ไหม ซึ่งผู้กำกับคนเก่งก็ตอบว่า "มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ และมันเป็นเรื่องที่ต้องทำ พอมาถึงภาค 3 เราจะสามารถแสดงให้เห็นได้ว่า ก่อนเรื่องราวภาคแรก จอห์น วิค มีลักษณะเป็นอย่างไร และเขาเป็นแบบไหนในฐานะนักฆ่า"
สำหรับบทสรุปของจอห์น วิค นั้น ทีมงานอยากให้เรื่องราวทุกอย่างจบลงใน 3 ภาค แต่มันก็ยังไม่แน่นอน ต้องรอดูคำตอบของทางสตูดิโออีกทีหนึ่งว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป สำหรับความคืบหน้าในภาค 3 นั้นผู้กำกับเผยว่ากำลังอยู่ในช่วงพัฒนา ซึ่งทุกอย่างเป็นไปได้สวย ทั้งนี้แฟน ๆ ก็คงต้องติดตามดูกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก John Wick, ทวิตเตอร์ John Wick: Chapter 2