หนึ่งในหนังสยองขวัญที่กระแสดีสุด ๆ ในปีนี้ หนีไม่พ้น IT เวอร์ชั่น 2017 ภาพยนตร์จากนิยายขายดีของ สตีเฟ่น คิง (Stephen King) ที่ได้รับคำชื่นชมมากมาย รวมถึงยังกวาดรายได้ถล่มทลายตั้งแต่เปิดตัว ซึ่งหนึ่งในผู้ที่ควรได้รับเครดิตคงหนีไม่พ้น แอนดี้ มูเชตติ (Andy Muschietti) ผู้กำกับของเรื่อง ซึ่งเว็บไซต์ Collider ได้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเบื้องลึกของการสร้าง IT รวมถึงการวางแผนภาคต่อไว้คร่าว ๆ ดังนี้
มูเชตติ เปิดเผยว่า ในภาคนี้เขาตั้งใจจะเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของกลุ่มเด็ก Losers Club ที่ต้องเผชิญหน้ากับ เพนนีไวซ์ เพื่อให้มีมุมมองความน่ากลัวผ่านสายตาของเด็ก ๆ โดยยังไม่ต้องไปสนใจถึงที่มาที่ไปใด ๆ ซึ่งแท้จริงแล้วในนิยาย เพนนีไวซ์ มาจากต่างมิติ ซึ่งต้องมีการอธิบายและเจาะลึกขึ้นในภาคต่อไป
นอกเหนือจากตัวหนังที่ยอดเยี่ยม หนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นที่สุดหนีไม่พ้นตัวละคร เพนนีไวซ์ ตัวตลกสยองขวัญ ซึ่ง มูเชตติ เปิดเบื้องลึกว่า เขาต้องการให้ เพนนีไวซ์ เป็นตัวละครที่ยากแก่การคาดเดา ซึ่งตลอดการถ่ายทำ บิล ซาร์สการ์ด (Bill Skarsgard) ผู้รับบท เพนนีไวซ์ จะแสดงแต่ละเทคไม่เหมือนกันเลย นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนทึ่ง และเมื่อเขาเลือกเทคที่เหมาะสมมาตัดต่อรวมกันจนออกมาเป็นภาพยนตร์ภาคนี้ สำหรับเขามันเป็นสิ่งที่พิเศษมาก
ขณะเดียวกัน มูเชตติ กล่าวถึงการตัดสินใจ ใช้ตัวละคร เบเวอร์ลีย์ มาร์ช เด็กสาวหนึ่งเดียวใน Losers Club รับบทเป็นผู้นำกลุ่ม ซึ่งถือเป็นการฉีกจากนิยายเล็กน้อย โดยให้เหตุผลว่า ตัวละครนี้ผ่านเรื่องร้าย ๆ ในชีวิตมามาก ดังนั้นจึงทำให้เธอมีความกล้าหาญกว่าทุกคน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจคนดูก็ได้ แต่ถ้าดูตามเหตุผล เบเวอร์ลีย์ มีแนวโน้มในความเป็นผู้นำมากที่สุดแล้ว
เกี่ยวกับเนื้อเรื่องภาคต่อนั้น มูเชตติ แย้มว่า จะเป็นอะไรที่แตกต่าง เพราะมันจะเป็นเรื่องที่น่ากลัว ไม่มีอะไรที่ชวนหัวเราะ ซึ่งสิ่งที่ Losers Club ต้องทำนั้น คือหวนกลับไปคิดถึงอดีตอันน่ากลัว เพื่อนึกให้ออกว่าเมื่อครั้งที่เคยเจอกับ เพนนีไวซ์ พวกเขารับมือกับมันได้อย่างไร
ส่วนความคืบหน้าของ IT 2 ค่ายหนังได้ให้ไฟเขียวเต็มที่ หากไม่มีอะไรผิดพลาด มูเชตติ ก็จะมานั่งแท่นกำกับเหมือนเดิม โดยมี แกรี่ เดาเบอร์แมน (Gary Dauberman) ทำหน้าที่เขียนบท ด้านนักแสดงนั้น บิล ซาร์สการ์ด จะยังเป็น เพนนีไวซ์ ต่อไป ส่วนตัวละครกลุ่ม Losers Club มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเปลี่ยนยกชุด เพราะในภาค 2 ในนิยายเป็นเรื่องที่ห่างกันถึง 27 ปี ซึ่งยังต้องรอการยืนยันต่อไป ขณะที่กำหนดฉายนั้นถูกวางไว้ในปี 2019