เปิดม่านส่องความแซ่บ ! ชวนอ่าน 11 เกร็ดหนัง Fifty Shades Freed ก่อนพบบทสรุปรักโรแมนติก สุดดราม่า สุดเร่าร้อน ต้อนรับวาเลนไทน์ 2018 !
ถ้าพูดถึงบรรดาภาพยนตร์ที่กำลังจ่อคิวเข้าฉายในช่วงนี้ เชื่อเลยว่าหนึ่งในภาพยนตร์ที่แฟนหนังหลายคนตั้งตารอคอยกันมากที่สุดก็คือภาคต่อของ ภาพยนตร์ชุดรักดราม่า-อีโรติกชื่อกระฉ่อน Fifty Shades Freed ที่ภาคล่าสุดนี้คือบทสรุปมหากาพย์ความรักอันซับซ้อนซ่อนเงื่อนของเศรษฐีหนุ่มค้างฟ้า คริสเตียน เกรย์ และนักวรรณคดีสาวคนสวย อนาสตาเซีย สตีล นั่นเอง
1. ภาพยนตร์ไตรภาค Fifty Shades ดัดแปลงมาจากผลงานชุดนวนิยายชื่อเดียวกันของนักเขียน อี. แอล. เจมส์ (E. L. James) ที่นอกจากจะตีพิมพ์รวมนิยายไตรภาคหลัก อันได้แก่ Fifty Shades of Grey (2011), Fifty Shades Darker (2012) และ Fifty Shades Freed (2012) ยังมีการตีพิมพ์นวนิยายชุดต่อยอดความสำเร็จ Grey (2015) และ Darker (2017) บอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมดในโลก Fifty Shades ด้วยมุมมองของ คริสเตียน เกรย์ พระเอกมาดหล่อของเรื่อง
2. ด้วยความฮอตฮิตติดอันดับหนังสือขายดีตลอดกาลในอเมริกา ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ก็ไม่รอช้า รีบจับมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ไตรภาคบนจอยักษ์ถ่ายทอดเรื่องราวหวานซึ้งระคนตื่นเต้นไปแล้วสองภาคด้วยกันคือ Fifty Shades of Grey (2015) และ Fifty Shades Darker (2017) นับว่าเป็นการต่อยอดความสำเร็จของนวนิยายชื่อดังไปได้อย่างสวยงาม เพราะภาพยนตร์ทั้งสองภาคประสบความสำเร็จติดกระแสและสามารถกวาดเงินจากทั่วโลกรวมกันได้สูงถึง 951 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้างแค่เพียง 95 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
3. ปัจจุบันภาพยนตร์ชุด Fifty Shades เดินทางมาถึงภาพยนตร์ลำดับสุดท้าย Fifty Shades Freed ซึ่งจะต่อเนื่องมาจากภาคก่อนหน้า Fifty Shades Darker เล่าเรื่องราวระหว่างทริปฮันนีมูนครั้งแรกในฐานะสามี-ภรรยาของพระเอก คริสเตียน เกรย์ และนางเอก อนาสตาเซีย สตีล ที่ดูท่าว่าชีวิตข้าวใหม่ปลามันจะไม่ราบรื่นและแฮปปี้อย่างที่คิด เพราะอุปสรรคการขัดขวางจากคนรอบข้างที่เต็มไปด้วยความแค้น ความเกลียดชัง และความริษยา
5. Fifty Shades Freed มีระยะเวลาการฉายอยู่ที่ 110 นาที (1 ชั่วโมง 50 นาที) นับเป็นภาคต่อที่มีความยาวน้อยที่สุดในบรรดาหนังชุด Fifty Shades อย่างภาคต่อ Fifty Shades Darker ที่มีระยะเวลาฉายอยู่ที่ 118 นาที (1 ชั่วโมง 58 นาที) และภาคแรก Fifty Shades of Grey ที่มีระยะเวลาฉายยาวนานที่สุดอยู่ที่ 129 นาที (2 ชั่วโมง 9 นาที)
6. นอกจาก ดาโกตา จอห์นสัน (Dakota Johnson) และเจมี่ ดอร์แนน (Jamie Dornan) หนังยังได้ตัวสองนักแสดงจากภาคก่อนกลับมารับบทเดิมเช่นเดียวกันคือ ริต้า โอร่า (Rita Ora) ในบท ไมอา เกรย์, คิม บาซิงเกอร์ (Kim Basinger) ในบทแฟนเก่าพระเอก เอเลน่า ลินคอล์น ที่จะกลับมาปั่นป่วนให้ชีวิตคู่ของทั้งสองต้องวุ่นวายอีกครั้ง
7. เท่านี้ยังไม่พอ เพราะหนังยังเสริมทัพตัวละครหน้าใหม่มาเสริมความเร่าร้อนอีกเพียบ เริ่มตั้งแต่ แอเรียล เคบเบล (Arielle Kebbel) ในบท ไกอา แมตโต สถาปนิกสาวผู้หวังเคลมมิสเตอร์เกรย์ ร่วมด้วย เอริค จอห์นสัน (Eric Johnson) ในบทเพื่อนร่วมงานของนางเอก, ไทเลอร์ เฮอคลิน (Tyler Hoechlin) ในบทอดีตเพื่อนร่วมห้องของนางเอก ปิดท้ายด้วย เบลล่า เฮธโคท (Bella Heathcote) ผู้ที่จะมารับบทเป็นหนึ่งในทาสของมิสเตอร์เกรย์ในอดีต
8. เชย์ คันลิฟฟ์ (Shay Cunliffe) ฝ่ายคอสตูมดีไซเนอร์ของหนังได้ขอตัวผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบชุดเจ้าสาวและชุดงานราตรี โมนีค ลุยเลียร์ (Monique Lhuillier) เพื่อกลับมาออกแบบและตัดชุดเจ้าสาวให้กับตัวละครอนาสตาเซีย สตีล ในฉากแต่งงาน หลังจากอวดฝีมือการออกแบบชุดขนนกเรียบหรูดูแพงที่นางเอกสวมใส่ในวันปาร์ตี้หน้ากากได้อย่างน่าประทับใจในภาค Fifty Shades Darkers
11. ปิดท้ายด้วยข่าวดีสำหรับแฟน ๆ ที่ติดตามมาตั้งแต่เป็นหนังสือนิยายว่า เรื่องราวและบทสรุปในตอนท้ายของภาพยนตร์ภาคจบ Fifty Shades Freed จะอิงตามในหนังสือมากพอสมควร เพราะฉะนั้นสบายใจกันได้เลยว่า ตำนานรักสุดสยิวของมิสเตอร์เกรย์และอนาสตาเซียจะไม่ถูกปรับเปลี่ยนจนเสียอรรถรสทุกคนอย่างแน่นอน
ภาพจาก Fifty Shades, เฟซบุ๊ก Fifty Shades, เว็บไซต์ทางการ Fifty Shades