18 หนังในความทรงจำ ดูซ้ำกี่รอบก็ไม่เบื่อ !!

           เชื่อว่าหลายคนต้องมีหนังสักเรื่องอยู่ในความทรงจำที่ไม่ว่านึกถึงเมื่อไรก็อยากจะกลับไปดูอีกสักครั้ง หลาย ๆ เรื่องกลายเป็นหนังคลาสสิกขึ้นหิ้งที่ทุกคนยังคงหยิบมาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะด้วยเนื้อหาที่สนุกสนาน ฉากแอ็คชั่นที่ประทับใจ เรียกได้ว่าเป็นหนังที่อยู่เหนือกาลเวลานั่นเอง และยิ่งช่วงที่การออกไปนอกบ้านเป็นเรื่องยากเพราะการระบาดของโคโรนาไวรัส หรือ COVID-19 วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำเสนอหนังที่ยังติดอยู่ในความทรงจำ ไม่แน่ว่าพอเอ่ยชื่อเรื่องขึ้นมาอาจจะทำให้คิดถึงและอยากกลับไปดูอีกสักครั้งก็เป็นได้ ส่วนจะมีเรื่องไหนตรงใจใครบ้าง ตามมาดูกันเลย

             ถึงแม้ว่าภาพยนตร์ชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ จะจบไปหลายปีแล้ว แต่ความนิยมยังคงไม่เสื่อมคลาย ด้วยเรื่องราวที่เข้มข้นปนฉากแฟนตาซีเหนือจินตนาการ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถครองใจคนดูทุกเพศ ทุกวัยได้อย่างง่ายดาย โดย Harry Potter สร้างจากวรรณกรรมขายดีที่มียอดขายมากกว่า 500 ล้านเล่มทั่วโลก เป็นเรื่องราวการผจญภัยในโลกเวทมนตร์ของเหล่าพ่อมด แม่มด กับการเฝ้ามองการเติบโตของหนุ่มน้อยที่มีแผลเป็นบนหน้าผากจากการถูกปองร้ายโดยคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ซึ่งกว่าจะชนะได้พวกเขาก็ต้องผ่านอะไรมากมาย และในแต่ละภาคก็มีฉากที่ติดอยู่ในความทรงจำเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็น การต่อสู้หมากรุกยักษ์, การแข่งขันควิดดิช, การประลองเวทไตรภาคี แถมความสำเร็จที่มากับภาพยนตร์ชุดนี้ยังส่งให้ทั้งนักแสดง และผู้กำกับ เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งหนังทั้ง 7 ภาค (ภาคสุดท้ายแบ่งเป็น 2 ตอน) สามารถทำรายได้ไปมากกว่า 7,723 ล้านเหรียญสหรัฐ

           สำหรับ Resident Evil หรือที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันดีในชื่อ Biohazard เกมสยองขวัญเอาตัวรอดจากซอมบี้และสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ของค่าย Capcom ปล่อยขายครั้งแรกในปี 1996 แล้วโด่งดังฮอตฮิตขนาดถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างเป็นหนังสือการ์ตูน นิยาย และภาพยนตร์ โดยหนัง Resident Evil พูดถึงเรื่องราวของการแพร่กระจายไวรัสมรณะ ที่หลุดออกมาจากศูนย์วิจัยทางพันธุกรรม อัมเบรลล่า คอร์ปอเรชั่น โดย อลิซ ได้รับมอบหมายให้สกัดกั้นการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสภายในศูนย์วิจัย แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันเมื่อเธอถูกจับไปทดลองและติดเชื้อ หนทางที่จะออกมาได้คือต้องหาแอนตี้ไวรัสเพื่อยับยั้งไวรัสมรณะ ซึ่งก็นับเป็นภาพยนตร์แจ้งเกิดนักแสดงนำสาว มิลล่า โจโววิช ให้ดังไกลไปทั่วโลก การันตีด้วยการกวาดรายได้รวมทั้ง 6 ภาคสูงถึง 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ

          เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่อยู่ในใจใครหลายคน จากผลงานชิ้นเอกของ สตีเวน สปีลเบิร์ก ที่เนรมิตชีวิตให้กับเหล่าไดโนเสาร์ เปิดโลกแห่งจินตนาการให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเราจะได้เห็น ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ (Tyrannosaurus Rex), เวโลซิแร็พเตอร์ (Velociraptor) และแบรคิโอซอรัส (Brachiosaurus) เคลื่อนไหวอีกครั้งแม้จะเป็นโลกของภาพยนตร์ก็ตาม และหากพูดถึงฉากในความทรงจำ คงหนีไม่พ้นฉากไล่ล่าในห้องครัวของ เวโลซิแร็พเตอร์ กับเด็ก ๆ เรียกได้ว่ากลั้นหายใจตามกันเลยทีเดียว แน่นอนว่าความสำเร็จของแฟรนไชส์เรื่องนี้ส่งผลให้มีหนังตามมาอีก 3 ภาค The Lost World: Jurassic Park, Jurassic Park III และภาคแยกอีก 3 ภาค Jurassic World, Jurassic World: Fallen Kingdom ก่อนจะปิดท้ายด้วย Jurassic World: Dominion ที่กำลังถ่ายทำอยู่ในตอนนี้

           เรื่องราวต้นฉบับของ Jumanji เล่าถึงความลึกลับของเกมกระดาน จูแมนจี้ ที่ดูดเอาเด็กชายเบื่อโลกนามว่า อลัน หลุดเข้าไปอยู่ในโลกของเกมเป็นเวลาถึง 26 ปี และเมื่อเขากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ทุกสิ่งรอบตัวกลับเปลี่ยนไปพร้อมเรื่องวุ่น ๆ ที่เกิดขึ้นตามมานับไม่ถ้วน โดยหนังเวอร์ชั่นดังกล่าวนับเป็นผลงานขึ้นหิ้งของ โรบิน วิลเลียมส์ ซึ่งล่าสุดก็ถูกนำกลับมาขึ้นจออีกครั้งภายใต้การแสดงของ เดอะร็อค ดเวย์น จอห์นสัน ใน Jumanji: Welcome to the Jungle และ Jumanji: The Next Level พร้อมกับเตรียมต่อยอดความสำเร็จในภาค 3 อย่างแน่นอน

           ถ้าจะให้พูดถึงหนังแอ็คชั่น-ไซไฟสักเรื่องในความทรงจำ คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชื่อของหนัง Terminator คนเหล็ก 2029 จะเป็นเรื่องแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง กับเรื่องราวของหุ่นยนต์สังหารรุ่น T-800 ที่เดินทางย้อนเวลาเพื่อสังหารแม่ของ จอห์น คอนเนอร์ ผู้นำกลุ่มต่อต้าน ขณะที่่ฝ่ายมนุษย์ก็ส่งคนย้อนเวลาไปเพื่อขัดขวางหุ่นยนต์สังหารไม่ให้ทำงานได้สำเร็จเช่นกัน และประโยคที่จำกันได้ดีคงหนีไม่พ้น "I'll be back" ของหุ่นยนต์สังหาร T-800 ที่ อาร์โนลด์ ชวาร์ซเนกเกอร์ เป็นคนพูดไว้นั่นเอง ความนิยมของหนังเรื่องนี้ส่งผลให้มีภาคต่อตามมาถึง 6 ภาค ได้แก่ Terminator 2: Judgment Day, Terminator 3: Rise of the Machines, Terminator Salvation, Terminator Genisys และ Terminator: Dark Fate

           เป็นหนังสยองขวัญเรื่องแรก ๆ เลยก็ว่าได้ที่จบหักมุมคนดูหงายเงิบกันไปเป็นแถว ๆ โดยเฉพาะประโยค "I see dead people." ที่มัลคอล์มกล่าวกับโคลในตอนต้นเรื่อง กลายเป็นไฮไลต์ของหนังเรื่องนี้ทันทีเมื่อเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว สำหรับคนที่ได้ชมแล้วคงนึกกันออกว่าเรื่องราวไปทางไหน ตัวหนังทำเงินไปสูงถึง 672.8 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 40 ล้านเหรียญเท่านั้น และความโด่งดังของหนังเรื่องนี้ทำให้ชื่อของผู้กำกับ เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน เป็นที่รู้จักมากขึ้น

          หนังฟอร์มยักษ์ผลงานการกำกับของ ปีเตอร์ แจ็คสัน ที่นำนิยายมหากาพย์ไตรภาค "ของรักของข้า" มานำเสนอ ซึ่งเป็นเรื่องราวของการนำแหวน "เอกธำมรงค์" ไปทำลายเพื่อไม่ให้อำนาจของจอมมารเซารอนกลับคืนมา ตัวละครหลักของเรื่องประกอบด้วย ฮอบบิทหนุ่ม โฟรโด แบ็กกิ้นส์ พร้อมด้วยผู้ร่วมทางคับคั่ง ทั้งมนุษย์, เอลฟ์ (หรือ พราย ในฉบับแปลภาษาไทย), คนแคระ, พ่อมด และออร์ค นอกเหนือจากเนื้อหาที่เข้มข้นและการแสดงที่ยอดเยี่ยมแล้ว หนังเรื่องนี้ยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามอลังการ จนทำให้ครองใจผู้ชมได้ไม่ยาก โดยตัวหนังมีทั้งหมด 3 ภาค คือ The Fellowship of the Ring, The Two Towers และ The Return of the King รวมแล้วทำเงินสูงถึงเกือบ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกวาดรางวัลมากมายหลายเวที แถมยังมีภาคแยกของเหล่าฮอบบิทออกมาให้ได้ชมกันต่อใน The Hobbit: An Unexpected Journey, The Desolation of Smaug และ The Battle of the Five Armies ด้วย

          ที่สุดของมหากาพย์แห่งสงครามดวงดาว หนัง Star Wars ที่ยืนยงอยู่คู่กับคอหนังไซไฟมาอย่างยาวนานมากกว่า 43 ปี โดยภาคแรกฉายเมื่อปี 1977 กับตอน Star Wars Episode IV: A New Hope และในปี 2019 ภาคสุดท้ายของตำนานเจไดนี้ก็ได้จบลงใน Star Wars: The Rise of Skywalker ปิดฉากสงครามอวกาศได้อย่างสมบูรณ์ หากพูดถึงภาพจำของหนังนอกจากประโยคสุดฮิตอย่าง "May the Force Be with You" หรือ "ขอพลังจงสถิตอยู่กับท่าน" ก็คงเป็นเพลงธีมในตอนเริ่มต้นหนังพร้อมกับการเริ่มเล่าเรื่อง "A long time ago in a galaxy far, far away" หรือ "กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ณ กาแลกซี อันไกลแสนไกล" และฉากที่หลายคนประทับใจคงหนีไม่พ้นการดวลดาบไลท์เซเบอร์อย่างดุเดือดระหว่าง ลุค สกายวอล์คเกอร์ กับ ดาร์ธ เวเดอร์ นั่นเอง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของหนังเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าอย่างน้อยชื่อของ Star Wars ก็คงเป็นที่รู้จักสำหรับใครหลายคน

          หนังแจ้งเกิดของนักแสดงเด็ก แม็กเคาเลย์ คัลกิน เจ้าของบทหนูน้อยตัวแสบจาก Home Alone โดดเดี่ยวผู้น่ารัก กับเรื่องราววุ่น ๆ เมื่อเด็กชายตัวน้อยถูกครอบครัวลืมไว้ที่บ้านตามลำพังในช่วงเทศกาลคริสต์มาส หนำซ้ำขโมยก็ดันจะมาขึ้นบ้านในเวลานั้น แผนการร้อยแปดถูกเจ้าหนูคิดขึ้นเพื่อจัดการกับ 2 โจรสุดแสบได้อย่างเหลือเชื่อ แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมาถึง 30 ปี ความสนุก ความประทับใจของหนังเรื่องนี้ก็ไม่ลดน้อยลงเลย

           หนังรักอมตะนิรันดร์กาลของ เจมส์ คาเมรอน ที่พูดถึงเรื่องความรักของชายหนุ่ม-หญิงสาวต่างชนชั้น ที่มาพบรักกันบนเรือเดินสมุทรยักษ์ R.M.S. Titanic หนังสามารถเก็บรายละเอียดของเรือได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อรวมกับเคมีของนักแสดงนำทั้งสองอย่าง ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และเคต วินเสลท ที่เข้ากัน ทำให้หนังเรื่องนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น หลายฉากที่อยู่ในความทรงจำของผู้ชมไม่ว่าจะเป็นฉากเต้นรำในปาร์ตี้ชั้นประหยัด ฉากยืนกางแขนอยู่บนหัวเรือของสองพระนาง หรือฉากที่แจ็ควาดรูปโรสพร้อมสร้อยหัวใจแห่งมหาสมุทร ก็สร้างความประทับใจได้ไม่ลืม ท่ามกลางจุดจบที่แสนเศร้าก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่ในใจคนดูจนถึงทุกวันนี้คือเพลงประกอบภาพยนตร์ My Heart will go on โดยเสียงร้องของ เซลีน ดิออน ที่ส่งผลให้กลายเป็นเพลงรักอมตะตามหนังไปติด ๆ และหากใครยังไม่เคยชมหนังเรื่องนี้แล้วละก็เราขอแนะนำให้ลองชมดูสักครั้ง

             ถ้าจะมีหนังรักในความทรงจำสักเรื่องชื่อของหนัง Love Actually คงต้องมีอยู่ในลิสต์ของใครหลาย ๆ คน หนังประกอบด้วยเรื่องย่อย 9 เรื่องที่ทั้งน่ารัก ซึ้ง และเศร้า เคล้ากันไป แต่ฉากหนึ่งที่ใครได้ชมต่างก็จำได้ดี นั่นคือฉากที่ชายหนุ่มยืนหน้าประตูและค่อย ๆ เปิดแผ่นกระดาษทีละแผ่น เมื่อรวมเป็นประโยคแล้วคือการบอกรักแทนการพูดนั่นเอง

          หวานฉ่ำไปกับรักชวนฝัน.. เรื่องราวความรักของซุปตาร์สาวและหนุ่มขี้อายเจ้าของร้านหนังสือ หนังโทนเย็น ๆ ที่ทำให้เราเห็นความเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยมนตร์เสน่ห์แห่งเมืองน็อตติ้งฮิลล์ ด้วยวีถีชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดินความรักของทั้งคู่จะลงเอยกันได้อย่างไร ต้องลองติดตามกันดู ส่วนเพลงประกอบภาพยนตร์อย่าง When You Say Nothing At All ของ โรแนน คีทติ้ง ก็ฮิตติดลมบนจนถึทุกวันนี้

          แอนิเมชั่นสุดประทับใจจาก Disney และ Pixar ที่รักษามาตรฐานได้คงเส้นคงวา เล่าถึงความวุ่นวายต่าง ๆ เมื่อของเล่นที่เราคุ้นเคยมีชีวิตขึ้นมา โดยมีตัวละครเอกอย่าง วู้ดดี้ และบัซไลท์เยียร์ เป็นหัวโจกในการนำกองทัพของเล่นออกผจญภัย โดยหนังภาคแรกเข้าฉายเมื่อปี 1995 ตามมาด้วยภาค 2 และ 3 ในปี 1999 ความยอดเยี่ยมของแอนิเมชั่นเรื่องนี้คือการรวมเอาความรู้สึกจากใจของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไว้ในเรื่องเดียวกัน หนังทำให้เห็นถึงการเติบโตและการจากลา ฉากที่เรียกน้ำตาได้มากที่สุดคงเป็นฉากที่บัซไลท์เยียร์รู้ความจริงว่าตัวเองเป็นแค่ตุ๊กตา และในปี 2019 การจากลาที่แท้จริงของเหล่าของเล่นกับแอนดี้ใน Toy Story 4 ก็มาถึง แต่การจากลาก็เป็นจุดเริ่มต้นในการมอบความสุขให้กับเจ้าของคนใหม่ กลายเป็นการปิดฉากเรื่องราวได้อย่างอบอุ่นหัวใจ

           ผลงานของผู้กำกับสองพี่น้องวาโชสกี้ ที่แฝงไปด้วยแนวคิดทางปรัชญาและศาสนา มีเนื้อหาเกิดขึ้นในโลกอนาคตที่มนุษย์และเครื่องจักรต้องทำสงครามกัน ซึ่งนอกจากเนื้อหาที่ล้ำไปไกลแล้ว สิ่งที่หนังชุด The Matrix ได้รับคำชมคือการทิ้งคำถามให้ผู้ชมตีความได้อย่างหลากหลาย แน่นอนว่าฉากที่ทุกคนจำได้คงหนีไม่พ้นฉากต่อสู้กันระหว่าง นีโอ (คีอานู รีฟส์) และเอเจนต์สมิธ ฉากเลือกยาที่นีโอต้องเลือกระหว่างสีฟ้าและสีแดง รวมไปถึงฉากหลบห่ากระสุนสุดเท่ โดยหนังภาคแรกเข้าฉายเมื่อปี 1999 ตามมาด้วย The Matrix Reloaded ในปี 2003 ปิดท้ายด้วย The Matrix Revolutions ในปีเดียวกัน การันตีคุณภาพด้วยรายได้จากทั่วโลกรวม 3 ภาคสูงถึง 1,633 ล้านเหรียญสหรัฐ และเร็ว ๆ นี้เราอาจจะได้ชม The Matrix 4 ซึ่งจะได้นักแสดงชุดเดิมกลับมาเกือบครบ

           ความรัก การเสียสละ และภารกิจเพื่อชาติ ทำให้หนัง Armageddon แตกต่างจากหนังภัยพิบัติทั่วไป แน่นอนว่าเราจะได้เห็นทั้งความพินาศจากเศษอุกกาบาตที่ร่วงลงสู่พื้นโลก พร้อมกับความรักของพ่อที่มีต่อลูกสาวและเพื่อนร่วมงาน และฉากที่ซึ้งกินใจที่สุดคงหนีไม่พ้น ตอนที่ผู้เป็นพ่อตัดสินใจเลือกเสียสละแทนคนรักของลูก ทั้ง ๆ ที่เขาคัดค้านเรื่องหนุ่มคนนี้มาตลอด จนลูกสาวที่เคยแข็งกร้าวพรั่งพรูคำสารภาพออกมา ว่าเธอรักพ่อมากขนาดไหน ทำให้คนดูน้ำตาซึมไปตาม ๆ กัน นอกจากนี้เพลงประกอบภาพยนตร์อย่าง  Don't Want To Miss A Thing ของวง แอโรสมิธ ยังดังพลุแตกพร้อม ๆ กับหนังเรื่องนี้เลยทีเดียว

          อีกหนึ่งผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามของ นิโคลัส เคจ กับเรื่องราวของ คาเมรอน โพ นายทหารที่กำลังจะถูกปล่อยตัวกลับบ้าน หลังจากต้องโทษในศาลทหารคดีฆ่าคนตายแม้เป็นเพื่อการปกป้องภรรยาก็ตาม ระหว่างที่โดยสารเครื่องบินของเรือนจำซึ่งเป็นเครื่องบินขนนักโทษอุกฉกรรจ์เพื่อเดินทางกลับบ้าน ซึ่งในเที่ยวบินนั้นมี ไซรัส "เดอะ ไวรัส" กริสซั่ม หนึ่งในอาชญากรตัวเอ้ที่วางแผนยึดเครื่องบินมาเป็นอย่างดีก็เริ่มลงมือ แน่นอนว่าฉากต่อสู้สุดระทึก ฉากการไล่ล่าของเครื่องบินรบ และฉากเครื่องบินโดยสารแลนดิ้งลงกลางเมืองลาสเวกัส สร้างความประทับใจให้กับคอหนังแอ็คชั่นเป็นอย่างมาก แต่ที่ทำให้หลายคนน้ำตาซึมไปตาม ๆ กัน คงหนีไม่พ้นฉากที่พระเอกตั้งใจนำตุ๊กตามามอบให้กับลูกสาวหลังจากไม่ได้พบกันมานานหลายปี และเพลงประกอบหนังอย่าง How do i live ที่ร้องโดย ทริชา เยียร์วูด ที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครอย่างลึกซึ้ง ก็กลายมาเป็นเพลงฮิตเพลงหนึ่งที่ยังคงได้รับการพูดถึงมาจนบัดนี้

          ผลงานแอ็คชั่นสุดมันของผู้กำกับ ไมเคิล เบย์ ที่ได้รับคำชมว่าเป็นหนังที่ดีที่สุดในบรรดาหนังที่เขาสร้างมา ซึ่งได้นักแสดงฝีมือเก๋าอย่าง ฌอน คอนเนอรี่ มาประชันฝีมือกับ นิโคลัส เคจ และเอ็ด แฮร์ริส นอกจากฉากแอ็คชั่นสุดอลังการตามสไตล์ของ ไมเคิล เบย์ ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของการเสียสละ การแข่งกับเวลา และการพลิกไป-มาของเนื้อเรื่อง เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากระทึกสุดอลังการตั้งแต่ ระเบิดใต้คุกอัลคาทราซ การยิงถล่มกันระหว่างฝ่ายทหารกับอาชญากร และฉากสุดท้ายในการส่งสัญญาณปลอดภัยหยุดการถล่มคุกอัลคาทราซ ทั้งนี้หนังยังทิ้งประเด็นคำถามที่น่าสนใจว่าเรื่องนี้ทำไมวีรบุรุษถึงได้กลายมาเป็นอาชญากรไปได้อีกด้วย

          แม้จะออกฉายตั้งแต่ปี 1997 แต่หนังเรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจใครหลายคน เนื้อหาของหนังพูดถึงเรื่องราวของโลกในอนาคตที่ถูกคุกคามโดยภัยจากห้วงอวกาศ มีเพียงอาวุธที่ถูกขนานนามว่าธาตุที่ 5 เท่านั้นที่จะสามารถปกป้องมนุษยชาติจากภัยร้ายได้ ซึ่งธาตุที่ 5 จะปรากฏตัวเมื่อสามารถปลุกธาตุทั้ง 4 (ดิน, น้ำ, ลม,ไฟ) ก่อนได้แล้วเท่านั้น หนังได้พระเอกขาบู๊อย่าง บรูซ วิลลิส นำแสดง และยังเป็นหนังแจ้งเกิดของ มิลลา โจโววิช ก่อนที่จะก้าวมาโด่งดังในบทของ  อลิซ จากหนังแฟรนไชส์ Resident Evil ส่วนฉากประทับใจที่นอกจากการต่อสู้แล้ว ยังนึกถึงการร้องเพลงของ ดีวา พลาวาลากูน่า นักร้องโอเปร่าเอเลี่ยนสาว ผู้รักษาหินศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 นั่นเอง