x close

เป็นเอก ใช้ กรรไกร อะไร ตัด Director's Cut ?

เป็นเอก รัตนเรือง

เป็นเอก รัตนเรือง



เป็นเอก ใช้ กรรไกร อะไร ตัด Director\'s Cut ? (กรุงเทพธุรกิจ)

          เป็นเอก รัตนเรือง ยืนยันหนัง นางไม้ เวอร์ชั่นเข้าโรงเมืองไทยเจ๋งกว่าฉายโชว์ที่งานหนังเมืองคานน์ เชื่อหรือไม่ ? เป็นเอก ดูถูกคนไทยหรือเปล่า ?

          การเดินทางของ "นางไม้" ในป่าลึกนั้น ย่อมเป็นคนละการเดินทางกับหนังเรื่องใหม่ของ "เป็นเอก รัตนเรือง" ในFilm Festival ที่คานน์ ปีล่าสุด (ได้เลือกฉายในสาย Un Certain Regard) นี่คือ "สถานีปลายทาง" แล้วหรือ ? ที่หนึ่งในหัวหอกของ new wave ของหนังไทยยุคใหม่ อยากจะไปเริ่มต้นใหม่กับชุมทางใหม่ๆ

          แต่ก่อนจะถึงชานชาลาใหม่..."นางไม้" ของเขา มีคำถามให้ตอบอยู่หลายข้อ มิใช่ข้อสงสัยในเชิงภูตผี (nymph) แต่เป็นเรื่องทวงถาม "ทางวิธีคิด"

          วิธีคิดที่ความต้องการให้คนดูได้ชมแค่ "นางไม้" เวอร์ชั่นใหม่ director\'s cut ที่เขาเพิ่งตัดเสร็จ สดๆ ร้อนๆ

          ...ทำไมไม่ฉายเวอร์ชั่นคานส์ฯ ที่จอมยุทธ์ในบู๊ลิ้ม ชื่นชม ? ...ทำไมต้องเป็นฉบับ director\'s cut ? ...เขาดูแคลนวิธีการดูหนังของคนไทยหรือ ? คำทวงถามมาพร้อมกับข้อท้วงติง เพราะคนดูมีความเห็นแตกต่างกัน

          อย่างไรก็ดี, ในบ่ายอันร้อนรน ของวันพุธที่ 24 มิถุนายน หลังจาก "เป็นเอก" ตัดหนังเสร็จไม่กี่ชั่วโมง เขาโทรมาหาผมพร้อมคำชวน ไปดู "นางไม้" สองเวอร์ชั่น (ต่อกัน) ในคำเชิญชวนนั้น ยังมีเวลาว่าง 3-4 ชั่วโมงหลังจากดูหนัง ให้เราซักถามได้เต็มที่ ..ผมบอกเป็นเอก ว่า พี่ช่วยวางกรรไกรที่เพิ่งตัดหนังฉบับ director\'s cut เสร็จ ไว้กับพื้นก่อน (ด้วยเกรงว่าจะบาดแทงมาถึง)

          หลังดูหนังสองเวอร์ชั่นเสร็จ ผมตั้งใจจะนัดเขาไปคุยในป่าลึก แต่เกรงว่า "นางไม้" จะได้ยิน...เช่นนี้เอง ร้านกาแฟ สตาร์บัคส์ ทองหล่อ (ในป่าคอนกรีต) จึงเป็นอาศรมถามตอบของ "จุดประกาย" กับ เขา

ระยะหลังๆ ทำไมตัวละครหญิงในหนังของคุณ ถึงเติบโตขึ้นทางอารมณ์ เพราะวัยของผู้กำกับด้วยหรือเปล่า ?

          เป็นเอก : อาจจะเกี่ยวกับวัยเราด้วยมั้ง แต่จริงๆ แล้วมันก็ใช่นะ อีกเหตุผลหนึ่ง เราคิดว่าตัวละครเพศหญิงในหนังของเรา มันก็มีที่มาจากตัวของเราเองด้วย มาจากคนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา มาจากคนที่เคยหักอกเรา (หัวเราะ) คนที่หลงผิดมาเป็นแฟนกับเรา พอเราโตขึ้น อายุมากขึ้น เราว่ามันมีที่มาจากคนเหล่านั้น และไม่ได้เอามาใช้เล็กน้อยด้วย เอามาใช้ในหนังเยอะเลย เพราะบางคนแม้จะไม่ได้คบกันแบบแฟนแล้ว แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกัน บางคนก็ทำงานด้วยกัน

อย่างนั้น ตัวละครหญิงทุกเรื่อง ถ้าเลือกได้คนเดียว บทของใครอยู่กับคุณได้ตลอดชีวิต คือจะเดินไปด้วยกันได้

          เป็นเอก : ถ้าถามเรานะ เรารู้สึกว่า บทของ สายป่าน (อภิญญา เจริญสกุลชัย) ใน "พลอย" น่าสนใจมาก แต่ไม่ได้หมายถึงตัวของเขานะ เราหมายถึงตัวละครที่เขาเล่นในหนัง คือมันมีส่วนผสมที่น่าสนใจ คือหน้าใสสวย แต่ดูดบุหรี่ตัวต่อตัว และก็เด็กมากอีก ที่สำคัญมันสามารถนั่งคุยกับผู้ใหญ่ได้ โดยที่มันไม่ได้รู้สึกว่า มันเด็กกว่า หรือเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า จำฉากที่มันนั่งคุยตอนรอแม่ที่สนามบินได้ใช่ไหม คือมันไม่ได้ด้อยกว่า

บทของ "สายป่าน" ใน "พลอย" เกิดจากเขียนบทแต่แรกเลย..

          เป็นเอก : ไม่ เกิดจากการที่เราไปเจอนักแสดงน้องคนนี้ ไปเจอ สายป่าน แล้วเริ่มถ่ายหนัง พอถ่ายหนังไป มันก็มีอะไรเข้ามาในหนังเรา

คุณเป็น spontaneous (โดยสัญชาตญาณ, เป็นไปเอง) ไหม แบบ "ท่านมุ้ย" หรือ หว่องคาร์-ไว แบบ ถ่ายไปด้นสดไป ถ่ายไปคิดใหม่ไป 

          เป็นเอก : ไม่ เรามีสคริปต์ของเราอยู่

หนังสองเรื่องหลัง (พลอย, นางไม้) ดูคุณมีความสุขกับการทำหนังมาก

          เป็นเอก : (หัวเราะ) จริง (พูดลากเสียง ยิ้มๆ)

ความสุขเยอะถึงขนาดไปแสดงออกด้วยการกระโดดเตะท่าเฉินหลง ในเมืองคานส์ (ระหว่างจะให้สัมภาษณ์สื่อที่นั่น)

          เป็นเอก : (คราวนี้ขำตัวเองแบบฮาครืน) เราว่าคงเป็นเพราะสองเรื่องหลัง เราไม่ซีเรียสกับการทำหนังแล้ว ไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้คาดหวังมาก หนัง 5 เรื่องแรกนั้น ความเครียดมันสูงมาก ความคาดหวังจากตัวเรามันมาก พอมาสองเรื่องหลัง มันสบายใจ ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น

หนัง 5 เรื่องแรกที่ว่าเครียดๆ เรื่องไหน เครียดที่สุด

          เป็นเอก : last life in the universe มันมีการต้องต่อสู้กันเยอะมาก คริสโตเฟอร์ ดอย์ล ไม่ยอมเรา เราก็ไม่ยอมมัน คือมันสู้กันตลอด แต่พลอยกับนางไม้ ไม่มีอารมณ์แบบนั้น สบายใจในการทำมากขึ้น ความคาดหวังกับตัวเองน้อยลง

คาดหวังน้อยลง เพราะได้ชื่อเสียงมามากพอสมควร ได้ไปถึงสถานีปลายทางที่ไม่คาดคิดมาก่อน

          เป็นเอก : ไม่ เพราะว่าอายุมากขึ้น

ก่อนจะดู "นางไม้" ได้ดูหนังคุณทุกเรื่อง ผมชอบ "69" กับ "พลอย" ตัวผู้กำกับชอบเรื่องไหนของตัวเอง

          เป็นเอก : ชอบสองเรื่องหลัง เพราะผมมีความสุขมากขึ้นกับการทำ พลอยกับนางไม

ได้ข่าวว่า หนังคานส์ปีนี้มีอะไรเกี่ยวกับ "ต้นไม้" เยอะ นางไม้ก็ดันมีต้นไม้อีก แต่มีบางคนในวงการหนังบอกว่า ดูนางไม้แล้วรักต้นไม้มากขึ้น

          เป็นเอก : (หัวเราะ) โคตรเยอะเลย ต้นไม้ แต่ไม่ได้อยู่สายเดียวกัน หนังบางเรื่องอยู่สาย competition

เราพากันมาถึง "คานส์" แล้ว ดูเหมือนในตอนแรก "นางไม้" ก็ไม่ได้คิดว่าจะไปคานส์

          เป็นเอก : ตอนนั้น Wouter Barendrecht โปรดิวเซอร์หนังของผมตาย หัวกบาลเราแม่ง..คิดอะไรไม่ออกเลย รีบจัดการงานศพ เพราะสนิทกันมาก แต่กรรมการคนหนึ่งซึ่งเป็นคนเลือกหนังที่คานส์ เขาได้ดูหนังเราแล้วเขาชอบ เขาก็อีเมล์มาหาเรา คือทาง fortissimo เขาส่งกันไปเอง เรากำลังวุ่นๆ กับงานศพ Wouter อยู่

ทำไมหลังๆ โปรดิวเซอร์หนังตายบ่อย มันเป็นเทรนด์หรือเปล่า 

          เป็นเอก : (ยิ้มๆ) เราว่าแบบนี้ว่ะ เราว่า Wouter มันเดินทางบ่อย คือมันบินบ่อยมาก เดี๋ยวไปโตรอนโตเลี้ยงวันเกิดเพื่อน 1 วัน แล้วกลับมาจีน ก่อนไปโตรอนโต ก็บินไปจากเมืองไทย บินบ่อยๆ หลอดเลือดมันขยายขึ้นๆ ลงๆ บินบ่อยๆ นี่ น่าจะตายเร็ว แล้วตอนมันตาย ก่อนตายไม่กี่ชั่วโมงยังคุยกันอยู่เลย เราชวนมันกินเหล้า แต่อยู่เขาใหญ่กลับมาไม่ทัน

Wouter Barendrecht เดินทางโดยจิตวิญญาณแล้ว "นางไม้" เดินทางไปคานส์ได้อย่างไร

          เป็นเอก : บอกตามตรง ตอนนั้นผมไม่แฮปปี้หรอก เพราะมันรีบมาก แต่ไม่ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะเขาล็อกห้องแล้ว มันต้องไปแล้ว รีบกันทุกอย่างให้ไปให้ทัน

ความที่มันไม่มีเวลา มันรวมด้วยไหมว่า เวอร์ชั่นคานส์ไม่ค่อยมี score อะไรมาก เมื่อดูเปรียบเทียบกันกับ director\'s cut

          เป็นเอก : เอาล่ะ เราจะอธิบายแบบนี้ เราว่าการที่หนังมันเงียบๆ มันไม่ใช่จุดอ่อนในความคิดของเรา

เปล่า ผมจะบอกว่า ผมชอบเวอร์ชั่นคานส์ ที่มันเงียบๆ มากกว่า

          เป็นเอก : เข้าใจๆ แต่สิ่งที่เป็นจุดอ่อนจริงๆ ที่ผมยอมรับได้เลยของหนังนางไม้เวอร์ชั่นคานส์ ก็คือ structure ของมัน ผมว่ามันอ้วน มันยังดูเทอะทะ อ้วน

คุณว่าไขมันเยอะ แต่เวอร์ชั่นนั้น ก็เป็นเวอร์ชั่นที่ปูซาน โตรอนโต หรือเบอร์ลินซื้อ ถ้าจำไม่ผิด

          เป็นเอก : แต่ความรู้สึกเรามันไม่แก๊กไง คือมันไม่ได้เรื่อง mood เทียบกับตอนที่ "พลอย" ไปคานส์นั้น โห.. mood เราดีมาก มีความสุขมาก ขณะที่นางไม้เทียบกันแล้ว mood เราไม่ได้เลย แล้วยังไง ตอนพลอยฉาย วันรุ่งขึ้น variety ด่าตั้งแต่บรรทัดแรกยันบรรทัดสุดท้าย (เขาทำนิ้วชี้ตามบนโต๊ะ) แล้วมีคนชอบครึ่ง เกลียดครึ่ง แต่ผมมีความสุขกับพลอยมาก

สื่อในฝ่ายที่ชอบ "พลอย" เขาว่ายังไง

          เป็นเอก : เขาบอกหนังดี เขาชอบ น่าจะไปอยู่ในสาย competition

จริงๆ โดยส่วนตัว คิดว่า พลอยกับนางไม้ มี message และ structure  ที่ไม่หนีกันเลย คุณมองแนวทางการทำงานของคุณอย่างไรในช่วงนี้

          เป็นเอก : ผมว่าผมคลี่คลายแล้ว อย่างเมื่อกี้ที่คุณบอกว่า คาแรคเตอร์ในหนังผมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นส่วนหนึ่งของการมองอะไรคลี่คลาย อย่างสองเรื่องหลัง ใครจะชอบจะไม่ชอบ มันเป็นเรื่องปรกติ แต่ว่าเรามีความสุขกับมันมาก

คืนก่อน "นางไม้" ฉายในคานส์ คิดอะไรอยู่

          เป็นเอก : คิดว่า ไม่มั่นใจเลย คิดว่ากูจะตัดใหม่ดีไหม เพราะเรารู้ไงว่า มันยังไม่ balance  มันเทอะทะ

ตัวอย่างของ "ความอ้วนในหนัง" ที่ไม่ชอบ

          เป็นเอก : อย่างตอนต้นของหนัง แค่จะบอกว่าตัวละครมันมี affair มันมีอะไรซ่อนอยู่ เราใช้หลายฉากเกินไป แต่พอเราตัดใหม่ มันกระชับมากขึ้น สิ่งที่จะบอกมันมาแค่วิธีการสั้นๆ แต่เราไม่ได้จะบอกนะว่า เวอร์ชั่นคานส์นั้น มันเป็นหนังที่แย่ มันไม่ใช่แบบนั้น !

เป็นเอก รัตนเรือง

เป็นเอก รัตนเรือง



ผมแฮปปี้กับ director\'s cut ผมไม่แฮปปี้กับเวอร์ชั่นคานส์ !

          เป็นเอก : ผมชอบเวอร์ชั่นคานส์มากกว่า director\'s cut แต่ผมเข้าใจได้ว่า director\'s cut จะอยู่กับแมสได้มากกว่าเวอร์ชั่นคานส์

หลายคนเขาก็บอกว่า เขาชอบความเงียบในหนัง ความน่าสะพรึงกลัวในหนัง แต่เรายังไม่แฮปปี้กับมันตอนนั้น ทีนี้ พอมาเป็น director\'s เราก็คิดว่ามันลงตัวแล้ว มันไม่อ้วนแล้ว เราเลยบอกว่าเราพอใจกับ director\'s cut มากกว่า

          เป็นเอก : ไฟว์สตาร์บอกผมว่า คุณไม่อยากให้เวอร์ชั่นคานส์ ออกมาป้วนเปี้ยนตามโรงหนังอีกแล้ว

ใช่ เราว่ามันน่าจะจบไปเลย เอาแบบนี้ เราว่าเราไม่แฮปปี้กับเวอร์ชั่นที่ไปคานส์ เราแค่แฮปปี้ถึงจุดๆ หนึ่ง เราแฮปปี้ 70-80 %

          เป็นเอก : แล้วยังไงต่อ..

จากตรงนี้ เราจะบอกว่า เมื่อเราทำหนังเรื่องหนึ่ง เราอยากรู้สึกสบายใจกับหนังที่ออกมา สบายใจหมายความว่า เราจะต้องปกป้องหนังได้ คำว่าปกป้องไม่ใช่ใครห้ามแตะหนังกู ไม่ใช่แบบนั้น แต่หมายความว่า ทำไมเราถึงทำหนังด้วยวิธีการแบบนี้ ทำไมหนังมันต้องออกมาแบบนี้ เดินไปแบบนี้ เพราะว่าอะไร นี่คือ “ปกป้อง” คือรู้สึกและอธิบาย เข้าใจในสิ่งที่หนังมันเป็น ส่วนคนจะชอบกับไม่ชอบ อันนั้นมันเป็นเรื่องปรกติของหนังแบบนี้

ขณะที่เวอร์ชั่นคานส์...

          เป็นเอก : อันนั้นเราปกป้องมันไม่ได้เลย เราเอาความรู้สึกเราเป็นตัววัด แต่พอเป็นเวอร์ชั่น director\'s cut เราแฮปปี้พันเปอร์เซ็นต์เลย นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราถึงอยากคุยกับเกี๊ยง (ผู้สัมภาษณ์) เรายังบอกไฟว์สตาร์เลยว่า ถ้าจะให้มีรอบเวอร์ชั่นคานส์บ้าง เราอยากให้เกี๊ยงมาดูหนังเรา คุยกับเรา มันจะได้สื่อสารกัน

มีเรื่องตลกท่ามกลางบรรยากาศไม่แฮปปี้กับหนังเวอร์ชั่นแรกมั้ย

          เป็นเอก : มี ตอนตัดหนังเสร็จ คุณเชน เสี่ยเชน ไฟว์สตาร์ โทรมาบอกว่า นี่เป็นเอกมันคงร้องไห้ไปหลายยก เพราะเขารู้ว่าเวอร์ชั่น director’s มันค่อนข้าง commercial มีเสียง มีเพลง แต่ไม่ใช่ เรากลับแฮปปี้ เราอยากจะบอกว่า เวอร์ชั่นคานส์ ทำให้เรามาเจอเวอร์ชั่นนี้

แต่บางอย่างของเวอร์ชั่นแรก (คานส์) น่าสนใจมาก

          เป็นเอก : ใช่ๆ

งั้นเอาแบบนี้ "จุดประกาย-ภาพยนตร์" จะจัดรอบพิเศษ วันพุธที่ 15 ก.ค. ที่พารากอน รอบเดียว ฉายเวอร์ชั่นคานส์ แล้วให้คุณ Q&A กับคนดู ใครมีอะไรจะซักฟอก ก็ถามได้

          เป็นเอก : เอาดิ น่าจะสนุก

อย่างเวอร์ชั่นคานส์ ตอนผมดู ผมรู้สึกว่า นพไม่ได้กลับบ้านเลยจริงๆ แต่พอดู director’s cut กลับรู้สึกว่า เออ นพมันกลับบ้าน 

          เป็นเอก : อืมม์ๆ เข้าใจๆ แต่ผมว่ามันพูดสิ่งที่ไม่จำเป็นมากไปหน่อย มันมี element เยอะไปหน่อย มันมีอะไรที่ไม่จำเป็นต้องมีเยอะไปหน่อย

นิดหนึ่ง ผมชอบตอนที่กิ๊บซี่พูดในรถ ตอนไปป่ากับสามี มันมี function อย่างวิธีการพูด พวก diction อะไร กิ๊บซี่สุดยอด และเรารู้เลยว่า relationship คู่นี้ไม่ดี

          เป็นเอก : การพูดของกิ๊บซี่นี่ แม่งมีแต่คนชม แต่มันมีส่วนที่ผมจะบอกว่าทำไมมันเทอะทะ เช่น ตอนที่นพไปป่า มันต้องออกไปถ่ายรูป กลับมาที่พัก เอาอาหารใส่ไมโครเวฟ แล้วออกไปร้านถ่ายรูป ไปล้างฟิล์ม แล้วมันก็คุยกันว่า มันจะเข้าป่าเพราะอะไร คือมันเยอะ

ใช้หลายซีนเพื่อ message เดียว

          เป็นเอก : เออ และมันมีอีก ในส่วนของ affair คือเรารู้สึกว่า กว่ามันจะเคลื่อนไปข้างหน้า มันใช้เวลาเยอะมาก อย่างมันจะไปป่ากัน หนังเวอร์ชั่นแรก มันต้องบอกอะไรเยอะ กว่าจะบอกหมด ในฐานะคนทำ เราคิดว่ามันเทอะทะไป

มันมีซีนหนึ่ง ที่ถ้าเป็นคนอื่นทำ บทอาจจะไม่ออกมาแบบนี้  ตอน เมย์ สารภาพบาป แล้วผัวมันมี action ง่ายๆ (ต้องไปดูเอาเอง ไม่ขอเล่า)

          เป็นเอก : ก็มันเข้าใจชีวิตไง มันรู้ว่าทุกอย่างมันมีโอกาสหลุด

เมื่อหนังมีความลับ ผู้ชายกับผู้หญิง เพศไหนเก็บความลับได้ดีกว่ากัน

          เป็นเอก : เราว่าผู้หญิง (ผมบอกเขาว่า ผมว่าผู้ชาย - ฮา)

วิเคราะห์ตัวละครกันหน่อย คู่สามีภรรยา "แดง" กับ "วิทย์" (รับบทโดย ลลิตา ปัญโญภาส กับ พรวุฒิ สารสิน) ใน "พลอย" กับคู่ "เมย์-นพ" ใน "นางไม้" ใครมีวุฒิภาวะ หรือพร้อมจะถูกล่อลวงโดยสถานการณ์ได้มากกว่ากัน

          เป็นเอก : เราว่า เมย์กับนพ มันเด็ก อืมม์ ตัวแดงกับวิทย์ในพลอยนี่ เขาโตแล้ว เมย์กับนพอาจจะไม่เด็ก แต่อายุไม่มาก เมย์ นี่ดูเด็กเลยนะ ส่วนผัวมัน ไอ้นพนี่ อายุก็ดูห่างกันเยอะด้วย เราว่าความมั่นคงของบทหมิว ในพลอย มีความหนักแน่นกว่านะ แดงโตกว่าเมย์ เราว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อธิบายไม่ได้

แต่ผู้หญิงเขาก็ว่าผู้ชายว่า เป็นสัตว์โลกที่เข้าใจยาก..

          เป็นเอก : บางที มันก็มีคนไปเลือกผู้ชายแบบกรณ์นะ

แต่ผู้ชายติสต์ๆ แบบนพ น่าจะมีเสน่ห์กับเพศหญิงมากกว่าหรือเปล่า ? แม้จะดูไม่อยู่ในร่องในรอย

          เป็นเอก : อ้าว ก็นั่นไง (ตอนทันที) ไอ้เมย์มันถึงมาแต่งงานด้วยไง แล้วผัวมัน แม่งก็เสือกมีโลกส่วนตัว มี space ของตัวเอง

กลับมาที่การมีสองเวอร์ชั่นของ "นางไม้" คือ cannes และ director’s cut คุณกังวลความเข้าใจของคนดูไหม

          เป็นเอก : เราอยากจะบอกว่า เราไม่มีเจตนาอะไรเลย ไม่อยากให้ใครไปมองว่า อ๋อ คานส์ เป็นเวอร์ชั่นหนึ่ง แล้วเมืองไทยมีอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง เราก็เลยตัดอีกเวอร์ชั่นมีฉายเมืองไทย มันไม่ใช่  คือคนจัดจำหน่ายหนัง เขาอาจจะคิดว่า เวอร์ชั่นคานส์น่ากลัวว่ะ ถ้าฉายเวอร์ชั่นนี้ เจ๊งตายแน่ (หัวเราะ) อันนี้ ทางไฟว์สตาร์ เขาคิดก่อนไปคานส์ด้วย และเขาก็บอกว่า เออ เดี๋ยวกลับมาจากคานส์แล้ว ช่วยทำอะไรให้หน่อยได้ไหม อาจจะให้มันตื่นเต้นขึ้นมาหน่อย ให้มันเร็วขึ้นมาหน่อยได้ไหม

แต่สำหรับคุณล่ะ..

          เป็นเอก : สำหรับเราเหรอ เราแม่งยังคิดว่า หนังที่ไปคานส์ยังไม่เสร็จด้วยซ้ำ แต่มันต้องไป พูดตามจริง มันเป็นประสบการณ์ที่การฉายในรอบที่คานส์ปีนี้ เราไม่เคยเหวอแดกแบบนี้มาก่อน และรู้มั้ย เราบอกเขาเลยว่า เราขอให้นางไม้ฉายช่วงท้ายของคานส์ เพราะแม่งไม่เสร็จไง แค่ยิงซับลงไปในพริ้นต์เป็นภาษาฝรั่งเศส ใช้เวลา 10 วัน !! โคตรเสียเวลาเลย

คนฝรั่งเศสมันขี้เกียจหรือเปล่าวะ

          เป็นเอก : น่าจะเป็นคนไทยนะ

คือพอหลังจากกลับมาจากคานส์ เราก็คิดว่าพอมี director’s cut และเราคิดว่า เราไม่อยากให้ฉายเวอร์ชั่นคานส์ ใครดู director’s cut แล้ว อาจจะชอบไม่ชอบ เราไม่สนตรงนั้น เพราะเราแฮปปี้กับเวอร์ชั่นที่เราตัด

เวอร์ชั่น director\'s cut  สั้นกว่าเวอร์ชั่นคานส์กี่นาที

          เป็นเอก : 8 นาที 

คุยกับไฟว์สตาร์ยังไงเกี่ยวกับชอยส์ของคานส์และ director\'s cut ?

          เป็นเอก : แต่เราจะพูดแบบนี้ เพื่อให้เข้าใจ จริงๆ โดยใจเรา เราไม่ต้องการให้มีเวอร์ชั่นคานส์อีกไม่ว่าที่ไหน แต่ทาง sfx CTW กับ เมเจอร์ฯ พารากอน เขาอยากได้สัก copy เราก็คุยกับไฟว์สตาร์ว่า เราคิดถึง นันทขว้าง ถ้ามี นันทขว้าง มาคุยกับเรา สื่อสารกันผ่านไปทางผู้อ่าน เราจะยินดีให้มี copy นี้ที่โรงหนัง อันนี้ เราประกาศแบบนี้ให้เรารับทราบกัน (ผู้เขียนทำหน้าภูมิใจสุดขีด คล้ายๆ เคอิโงะ ได้พบพ่อ) นี่ถ้าไม่มีการคุยกัน เราไม่ให้ฉายเวอร์ชั่นคานส์นะ เพราะเราอยากมันจบไปแล้ว ซึ่งทางไฟว์สตาร์ก็เข้าใจเรา

คนไทยที่ดูนางไม้ คงเข้าใจนางไม้ แต่ฝรั่งที่คานส์ ดูแล้ว งงๆ นางไม้มั้ย

          เป็นเอก : เขางงว่า อะไรวะ ทำไมฉี่ตามต้นไม้แล้วต้องยกมือไหว้ เราก็บอกคนไทยถือ เพราะมีนางไม้อยู่ แต่บางคนเขาชอบป่านะ เขาบอกว่าดูแล้วรักป่าขึ้นมาอีกเยอะ

คุณหาป่าอย่างไร ป่าเมืองไทยมีมากมายหลายแบบ

          เป็นเอก : ผมดูเยอะ จริงๆ ชอบป่าที่เหนือเหมือนกัน แต่มันสวยไป ป่าทางใต้ไม่ได้ไป แต่ป่าที่เขาใหญ่นี่ เรารู้สึกว่ามันสวย แต่มันมีด้านที่ดิบๆ dark dark และมันมี memory มากเป็นพันๆ ปี มันให้ความรู้สึก แค่คุณไปดูรากไม้ ต้องคิดแล้วว่า มันผ่านอะไรมาบ้าง

ในป่าในนางไม้ คนดูก็เห็นอะไรหลายอย่าง ผมสนใจว่า ทำไมคุณหันมาใช้ long shot ยาวๆ ซึ่งมีมากขึ้นในหนังระยะหลังๆ 

          เป็นเอก : เราคิดว่าเราอยากให้คนดูเห็นว่า ในป่ามีความทรงจำหลายอย่างมาก มีคนถูกข่มขืน แต่มันไม่ได้มีด้านเดียวไง มันอาจจะมีเสือเดินไปกินน้ำ มีนกบิน ปลาจะว่ายน้ำ มีคนทำอะไรกัน ส่วนการถ่ายแบบ long shot ยาวๆ เราก็คิดว่า เออ เรากลับมาชอบแบบนี้ คงเพราะว่าชีวิตเรา relax ขึ้น คลี่คลายขึ้น

ชีวิตที่คลี่คลายขึ้น relax ขึ้น อยากจะเป็นอะไรต่อ

          เป็นเอก : เป็นนักมวย ตอนนี้เริ่มซ้อมแล้ว.. จริงๆ นะ (เป็นคำตอบที่เขายืนยัน คอนเฟิร์มจริงจัง ที่กวน teen มาก - ขอบอก !)

เกี่ยวกับ Un Certain Regard

          "เวอร์ชั่นคานส์" ในบทสนทนานั้น หมายถึง นางไม้ฉบับที่ได้ไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ครั้งที่ 62  ประเทศฝรั่งเศสเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2009 ในฐานะหนังที่ได้รับเลือก (official selection) ให้ไปฉายในสาย Un Certain regard หรือ สาย "หนังที่น่าจับตามอง" แต่ไม่ใช่หนังสายประกวดหลัก (In competition) ซึ่งปลายทางคือ รางวัลปาล์มทองคำ

          หนังที่น่าจับตามอง ในเวทีเทศกาลหนังเมืองน้ำหอมนั้น หมายถึง หนังที่มีความแตกต่าง โดดเด่น และกล้าทดลองในสิ่งใหม่ๆ แต่เมื่อเทียบโดยภาพรวมแล้ว ยังไม่เด่นหรือสมบูรณ์เพียงพอที่จะไปอยู่ในสายประกวดหลัก

          เป้าหมายของรางวัลนี้ นอกจากจะกระตุ้นและให้กำลังใจแล้ว ยังเปรียบได้กับการค้นหา "ช้างเผือก" เลือดใหม่ในหมู่นักทำหนังทั่วโลก และ เพื่อเป็นการย้ำว่า ภาพยนตร์คือศิลปะแขนงหนึ่ง และจุดนี้เองทำให้ เทศกาลหนังเมืองคานส์คือ เบอร์หนึ่งของโลก (แต่เก่าแก่เป็นอันดับ 2 รองจากเทศกาลหนังเวนิส) ในแง่ของการยอมรับและความนิยมจากสายศิลปะและสายอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทั้งยังสร้างตลาดซื้อขายหนัง (film market) ขนาดใหญ่สำหรับนักลงทุน ผู้สร้าง และ ผู้จัดจำหน่าย ฯลฯ 

          ทีมคัดหนังจะคัดเลือกจากหนังทั่วโลก ซึ่งปีนี้มีอยู่ 19 เรื่องที่ "น่าจับตามอง" และส่วนใหญ่จะเป็นหนังที่สด ใหม่ ไม่เคยฉายหรือผ่านเวทีใดๆ มาก่อน 

          นางไม้ เป็นหนังไทยเรื่องที่ 3 ที่ได้ไปฉายในกลุ่ม Un Certain Regard โดยเรื่องแรก คือ Tears of The Black Tiger หรือ ฟ้าทะลายโจร ของวิศิษฏ์  ศาสนเที่ยง ในปี 2001 ต่อด้วย Blissfully Yours หรือ สุดเสน่หา ของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล และคว้ารางวัล Prix Un Certain Regard ไปด้วยในปี 2002 

          อีกเรื่องที่อาจถูกนับอยู่ในหมวดนี้ คือ Re-cycle หรือ ผีอยากกลับมาเกิด ของสองพี่น้องแดนนี่-ออกไซด์ แปง ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างไทยและฮ่องกง ก็ได้รับการคัดเลือกให้ไปฉายในปี 2006 

          ในปีเดียวกัน อโนชา สุวิชากรพงษ์ กับ Graceland หนังสั้นไทยเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่ได้คัดเลือกเข้าประกวดในโครงการ The Cinefondation (หนังสั้นเฉพาะนักเรียนนักศึกษาภาพยนตร์)  

          ส่วน "พลอย" เคยได้เข้าร่วมในสาย Director\'s Forthnight สายเน้นเอกลักษณ์โดดเด่นของผู้กำกับ ในคานส์ ปี 2007


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เป็นเอก ใช้ กรรไกร อะไร ตัด Director's Cut ? โพสต์เมื่อ 4 กรกฎาคม 2552 เวลา 10:59:35 2,010 อ่าน
TOP