ตั๊ก แอฟ ผู้พันเบิร์ด บุกเรื่องเล่าฯ ชวนดู บทสรุปตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม 
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram aff_taksaorn, sorrayuth9111

           (17 เมษายน 2557) ชวนดู ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ ภาค 5 ยุทธหัตถี ปิดตำนานมหากาพย์ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์

          เป็นมหากาพย์ภาพยนตร์ไทยเรื่องยิ่งใหญ่ สำหรับ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ที่ออกฉายไปแล้วถึง 4 ภาค และล่าสุดกับภาคที่ 5 ยุทธหัตถี ภาคสุดท้ายของตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ ก็เตรียมออกฉายให้แฟนภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ได้ชมกันแล้วในวันที่ 29 พฤษภาคม 2557 นี้

          แต่ก่อนที่ภาพยนตร์จะออกฉาย เหล่านักแสดงนำของเรื่องอย่าง พ.ท. วันชนะ สวัสดี หรือ ผู้พันเบิร์ด ที่รับบทเป็น "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช", ตั๊ก นภัสกร มิตรเอม ผู้รับบทเป็น "พระมหาอุปราชา", และ แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ผู้รับบทเป็น "มณีจันทร์" ก็เลยมาเยี่ยมรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่วงครอบครัวบันเทิง เมื่อเช้าวันที่ 17 เมษายน 2557 พูดคุยถึงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ซะหน่อย

          โดยถ้าใครได้ติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้มาตั้งแต่ภาคแรกที่ออกฉายเมื่อปี 2550 อาจจะคิดว่าที่มาถึงภาค 5 ในวันนี้ ก็ใช้เวลาไปกว่า 7 ปีแล้ว แต่รู้ไหมว่าถ้านับรวมเวลาช่วงเตรียมการก่อนถ่ายทำ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ ใช้เวลาสร้างมานานร่วม ๆ 12 ปีเข้าไปแล้ว นานขนาดที่นักแสดงนำทั้ง 3 คน เล่นมาตั้งแต่ยังโสดจนแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว

          สำหรับภาคที่ 5 ยุทธหัตถี ถือเป็นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นตอนที่ตอกย้ำความเป็นเอกราชของกรุงศรีอยุธยา โดยจากที่ปรากฏในประวัติศาสตร์นั้น สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ หลุดเข้าไปอยู่ในวงล้อมของพม่า พระองค์เล็งเห็นแล้วว่าเพลี่ยงพล้ำ จึงประกาศท้ารบยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา จากฝ่ายพม่า และเกิดการชนช้างกันขึ้น

          ผู้พันเบิร์ด เล่าถึงฉากนี้ให้ฟังว่า เฉพาะฉากชนช้างฉากเดียวถ่ายทำเป็นปี แต่มีภาพในหนังไม่น่าเกิน 10 นาที เพราะก่อนหน้านี้ ลองใช้ช้างจริงชนกันก็ไม่มันส์ จึงต้องใช้ภาพคอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามาช่วยด้วย เพื่อให้เป็นภาพที่ดูแล้วสมจริง

          ส่วนการอยู่บนหลังช้างนั้น จริง ๆ แล้วนักแสดงทุกคนต้องไปฝึกขี่ช้างขี่ม้าด้วย ฝึกมาตั้งแต่ปี 2545 แล้ว แม้แต่ แอฟ ก็ยังต้องฝึกขี่ช้างทั้งที่เธอเองก็กลัว รวมทั้งฝึกฟันดาบด้วย เพื่อให้คล่องแคล่ว เวลาถ่ายทำจะได้เร็ว หรือหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นจะได้เซฟได้

          และกว่าจะถ่ายทำออกมาเป็นภาค 5 ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์นั้น กองถ่ายก็ต้องเจอกับปัญหาใหญ่คือ อุทกภัยในปี 2554 และยังเจอปัญหาไฟไหม้ห้องตัดต่อ ทำให้ฟิล์มภาพยนตร์ที่ถ่ายทำไว้ รวมถึงส่วนที่เขียนคอมพิวเตอร์กราฟิกไว้แล้ว และเครื่องมือตัดต่อต่าง ๆ เสียหายจนหมด จึงต้องมาเริ่มทำกันใหม่ ทำให้เสียเวลาไปนานมาก

          ทั้งนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายแล้วที่ถ่ายทำด้วยฟิล์ม โดยทั้ง 5 ภาคนี้ ใช้ฟิล์มไปแล้ว 1,200 ม้วน ซึ่งที่ต้องใช้ฟิล์มเพราะเก็บแสงได้มากกว่า และภาพที่ออกมาจะสวยและคมชัดมากกว่าการถ่ายทำด้วยดิจิตอลนั่นเอง

          ส่วนบรรยากาศการถ่ายทำนั้น ผู้พันเบิร์ดเล่าว่า กว่า 12 ปีที่ได้ถ่ายทำอยู่ที่โรงถ่ายกาญจนบุรี นักแสดงได้เรียนรู้หลายเรื่อง อย่างเช่นในช่วงเดือนเมษายนจะถ่ายทำฉากใหญ่ หรือฉากระดมพลไม่ได้ เพราะชาวบ้านจะไปตัดอ้อยกัน นักแสดงตัวประกอบเลยน้อย ก็ต้องถ่ายฉากเล็ก ๆ แทน พูดแล้วก็ทำเอานักแสดงหัวเราะขำกันใหญ่
          ฟาก แอฟ ในบทมณีจันทร์ ก็เล่าว่า ในภาคนี้ก็มีฉากที่ต้องถวายตัว หลังจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ราชาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัติรย์ ซึ่งก็เป็นฉากน่าดูที่หลายคนรอชม เช่นเดียวกับเรื่องราวของพระสุพรรณกัลยา ที่ภาคนี้ก็ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้เสียสละที่ช่วยให้สมเด็จพระนเรศวร และกรุงศรีอยุธยาปลอดภัย 

          ในตอนท้าย เหล่านักแสดงยังได้ชวนทุกคนไปร่วมชมภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 ยุทธหัตถี ซึ่งเป็นภาคจบ เพื่อร่วมปลูกจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ และสำนึกในความเสียสละของบรรพบุรุษไทย เพราะฉะนั้น ห้ามพลาดภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตอน ยุทธหัตถี เข้าโรงวันแรก 29 พฤษภาคม 2557 นี้