เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Surachai Thiangtam
ทีมงานแฉกลับ ผู้สร้างหนัง ศรีธนญชัย 555+ จะโดดตึกแจ้ง PR ทำไม ชี้งบสร้างหนังน้อย อย่าพูดว่าขาดทุน 40 ล้าน
จากกรณีที่ภาพยนตร์เรื่อง ศรีธนญชัย 555+ กลายเป็นประเด็นทางสังคมเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจาก ว่าที่ พ.ต.นพพร อินทรสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสร้าง คิดสั้นจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงจากตึกชั้นที่ 6 เพราะหนังขาดทุนรวมกว่า 40 ล้านบาท ตามที่ได้รายงานข่าวไปนั้น
ล่าสุด (16 มิถุนายน 2557) นายสุรชัย เที่ยงธรรม ผู้จัดการฝ่ายผลิต (Production Manager: PM) ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Surachai Thiangtam ถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า...
ภาคแรก
ต้องอ่านให้จบนะครับ.....จะพูดถึงหนังเรื่องหนึ่งที่กำลังมีปัญหา ณ ขณะนี้ เพราะมันมีปัญหาที่ต้องตอบคำถามกับสังคม เพื่อนฝูง และผู้ใหญ่หลายคน....
1. เขาทำหนังแล้วเจ๊งไป 40 ล้าน ...!!??
ขอตอบว่า ยังไงมันก็ไปถึงครับ ตัวเลข 80 เปอร์เซ็นต์ ผมเห็นหมดนับสามรอบก็ไม่ถึง..
สิ่งที่ต้องมาพูดเพราะเรื่องจริงแล้ว ด้วยค่าตัวอันน้อยนิดแต่ผมทำด้วยใจจริง ๆ คุณตัดสินใจทำกันก่อน ก่อนที่ผมจะเข้ามา...หนังเล็ก ๆ งบ 5 ล้านโพสต์สัก 2 ล้าน..แม่เจ้าบทหนัง 160 ฉาก ถ่าย 25 วัน..ทั้งนายทุนและผู้กำกับก็รู้
ผมบอกให้ปรับบท ลดคิวถ่ายก็ไม่เอา..เงินที่ไหนมันจะพอ พอเงินจะหมดก็เอาทรัพย์สินไปจำนอง..เอาเงินมาทำหนัง..มูลค่าทรัพย์อาจจะสูงแต่คุณไม่ได้ขายเอาเงินมาลงทั้งหมดเพราะฉะนั้นอย่า...มาพูดว่าเจ๊ง 40 ล้าน
2. ไม่มีใครโกงครับ
ผัวเป็นผู้กำกับ เมียเป็นบัญชี น้องเมียเป็นนายทุน ผัวน้องเมียเป็นประธานบริษัท แล้วใครจะมาโกง ผมแค่ทำตัวเลขส่งไม่เคยจะมีเงินผ่านมือทีมงานนอกจากค่าตัว....เพราะฉะนั้นเวลาพูดอย่าอ้างทีมงาน..ไม่ใช่คนอย่างพวกคุณที่คิดแต่จะมากอบโกยพอเจ๊งแล้วโวยวาย..เข้าใจตรงกันนะเดียวอ่านต่อภาค 2
ภาคสอง
บอกแล้วนะว่าให้แก้ข่าว เพราะเล่นแบบนี้มันไม่ดีต่อหนังของตัวเองและทีมงาน..จะกระโดดแต่ไม่โดด....แล้วมี prไป และนักข่าวมา (คนจะกระโดดตึกเ-ือกโทรหาpr) จนนักข่าวมาจึงลงเหมือนจัดฉาก.....
มีใครคิดให้หรือเปล่าผมไม่ทราบ (คุณกบเป็นคนนิสัยดีจริง ๆ)...โดยเฉพาะ "ทีมงาน" คือผู้เข้ามาทำงานโดยได้ค่าตัวหรือค่าแรง โดยเพราะหนัง ทีมงานจะได้ค่าตัวกันไม่มาก....แต่คุณทะเลาะกับใครก็พูดชื่อกันตรง ๆ อย่าเอาทีมงานเข้าไปเกี่ยวข้อง....ทีมงานหนังจริง ๆ แล้วคือกรรมกร แบ่งเป็นแผนก ๆ ไป เจ้านายสั่งให้ผสมปูน ก่อ ฉาบมันก็ทำ.....ซึ่งคุณบอกว่าทีมพี่เชียร ๆ ผมไม่ใช่ทีมพี่เชียร (ผกก.) เพราะผมเพิ่งรู้จักเขาปีกว่า ๆ และก็รู้จักคุณ (นายทุน) เป็นคนต่อไป
ผมไม่เคยร่วมงานกันกับคุณวิเชียร เรื่องนี้จึงเป็นเรื่อกแรก....หลังจากนั้นก็เข้าออฟฟิส.....แต่ที่ต้องพูดเรื่องทั้งหมดก็คือคุณโทษแต่ทีมงาน ๆ ๆ ๆ เป็นแบบนี่ต่อไปจะมีใครจ้างผมไหม !!!??? "ใครจะจ้างทีมที่ทำหนังเจ๊งและมีข่าวเรื่องโกงหรือหลอกนายทุนมาทำ..." ตัวละครจริงในเรื่องนี้มีแค่ 2 ตัว คือ "นายทุนและผกก." ซึ่งไม่ค่อยจะมีใครเห็นหน้า ?!!
คนที่จะกระโดดตึก คือ สามีนายทุน คนที่ชูป้ายเสื้อดำตัวเล็กคือคนรับใช้ เสื้อขาวเหมือนคุณนาย คือ แม่นักแสดง แต่ดันไปนั่งออกสื่ออออ... ส่วนใครหลอกใครผมไม่รู้ "รู้แต่รวมหัวกันทั้งคู่ ว่าจะสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา"..
ประเด็นที่ 1 สำหรับนายทุน จะทำอะไรก็ต้องศึกษาให้ถ่องแท้เพราะมันเป็น ธุรกิจ มันเล่นกับเงิน....แม้กระทั่งการขาย "ก๋วยเตี๋ยว" ก็ต้องรู้ตั้งแต่ซื้อวัตถุดิบ หั่นผักลวกเส้น ใส่หมูใส่ไก้ให้น่ากิน จนถึงติดป้ายร้าน ล้างจาน และทำอย่างไรจะให้คนมากิน ก๋วยเตี๋ยวร้านคุณ....ไม่ใช่ "เหงียนอยากจะทำก็ทำ"
ประเด็นที่ 2 สำหรับ ผกก. ทำอะไรอย่าหมกเม็ดต้องยอมรับความจริง..จะทำหนังต้องพูดให้หมด อย่าสร้างวิมานในอากาศให้นายทุนเคลิ้มจนควักเงินมาลง ต้องชี้แจงตัวเลขให้ชัดเจน มีความเป็นลูกผู้ชายแต่ถ้า "ใจจิ๋มมด" อย่ามาเป็น ผกก. เลย !!!....?? จริง ๆ ๆ แล้วคุณต้องบอกกับนายทุนก่อนที่จะสร้างว่า "หนังเรื่องนี้ถ้าจะทำมันต้องเจ๊งแน่ ๆ สัก 10 ล้าน แต่ถ้าให้ผมกำกับผมจะทำสุดความสามารถให้เจ๊งน้อยที่สุด.!!!!!.. ถ้าเจ๊งสัก 8 ล้านพอไหม ถ้านายทุนพยักหน้าว่าฉันยอมเจ๊งเพื่อชื่อเสียงมันก็จบ...! พรุ่งนี้ถ่ายทำเลย5555"
ถ้าพูดแบบนี้ก็ไม่ต้องมาทะเลาะกันไม่เหนื่อยคนอื่นเพราะรู้ตัวเจ๊งแน่ ๆ ทั้งคู่ก่อนที่จะสร้างหนัง.......แต่ตอนนี้ปิดไลน์ปิดเฟซบุ๊กไม่ค่อยรับโทรศัพท์ ปัดทุกอย่างออกจากตัว "ไม่รับผิดชอบ ไม่แก้เรื่อง ๆ ที่คุณผูกขึ้นมาตั้งแต่ต้น" ...ด้วยความเคารพ...