ฮัลลี เบอร์รี ประวัติและผลงาน นักแสดงหญิงผิวดำคนแรกผู้สร้างประวัติศาสตร์บนเวทีออสการ์ ด้วยการคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จ เธอคนนี้เป็นผู้สร้างตำนานในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเป็นนักแสดงสาวผิวดำคนแรกที่คว้าออสการ์ เป็นบอนด์เกิร์ล สาวคู่หูขวัญใจของ เจมส์ บอนด์ ที่ทุกคนยังจดจำกันได้ดี แถมยังเป็นซูเปอร์ฮีโร่ทั้งของฝั่ง DC Comics กับบทบาท แคทวูแมน ในเเรื่อง Catwoman และฝั่ง Marvel กับบทบาท สตอร์ม จาก X-Men แน่นอนว่าเธอคนนี้ยังมีผลงานอีกมากมาย วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ ฮัลลี เบอร์รี นักแสดงสาวคุณภาพของฮอลลีวูดคนนี้กัน ฮัลลี เบอร์รี (Halle Berry) มีชื่อจริงเต็ม ๆ ว่า ฮัลลี มาเรีย เบอร์รี (Halle Maria Berry) นางแบบและนักแสดงหญิงชาวอเมริกัน เกิดวันที่ 14 สิงหาคม 1966 ปัจจุบันอายุ 58 ปี (ข้อมูล ณ วันที่ 18 กันยายน 2024) ในช่วงยุค 80 เธอได้เข้าร่วมการประกวดความงามหลายครั้ง ก่อนจะชนะการประกวด Miss Teen All American และได้เป็นตัวแทนของรัฐโอไฮโอ เข้าประกวด Miss USA 1986 โดยฮัลลีสามารถคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 มาครอง หลังจากนั้นเธอก็มาเป็นนางแบบ และได้ก้าวเข้าสู่วงการโทรทัศน์ โดยได้ร่วมแสดงในซีรีส์ Living Dolls (1989) ฮัลลี เบอร์รี (Halle Berry) เริ่มต้นอาชีพการแสดงด้วยบทเล็ก ๆ ในหนังเรื่อง Jungle Fever (1991) และในปีเดียวกันก็มีผลงานแสดงอีกครั้งในหนัง Strictly Business ต่อจากนั้นเธอก็ได้แสดงในภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง เช่น Boomerang (1992) ซึ่งได้แสดงร่วมกับ เอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์ และยังได้ร่วมงานกับ ชารอน สโตน ใน The Flintstones (1994) อีกด้วย ฮัลลี เบอร์รี ประสบความสำเร็จอย่างมากในหนังซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel เรื่อง X-Men โดยเธอรับบทเป็น สตอร์ม มนุษย์กลายพันธุ์ที่มีความสามารถในการควบคุมสภาพอากาศ ซึ่งหลังจากนั้นเธอก็ได้รับบทนี้ในหนังภาคต่อของ X-Men (2000-2014) อีกหลายครั้ง และในปี 2001 การแสดงที่เฉียบขาดของเธอในหนัง Monster's Ball ส่งให้เธอคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และกลายเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ การแสดงของฮัลลีทำให้เธอได้รับรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จาก SAG, รางวัล Silver Bear จากเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน และรางวัลจาก National Board of Review นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลเอมมี่ รางวัลลูกโลกทองคำ รางวัล SAG และรางวัล NAACP Image Award จากบทบาทการแสดงที่ยอดเยี่ยมในภาพยนตร์ที่ออกฉายทาง HBO เรื่อง Introducing Dorothy Dandridge ซึ่งเธอนั่งแท่นผู้สร้างด้วย ฮัลลียังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขา "นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม" จากบทบาทในเรื่อง Frankie and Alice (2010) เส้นทางอาชีพของฮัลลีนั้นยาวนานร่วม 3 ทศวรรษ โดยมีผลงานการแสดงมาแล้วมากมาย อาทิ Die Another Day (2002), Jungle Fever (1991), Losing Isaiah (1995), Bulworth (1998), Monster's Ball (2001) และ John Wick: Chapter 3 - Parabellum (2019) ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังที่สร้างเรื่องให้เธอคนนี้มากที่สุดเลยก็ว่าได้สำหรับ Monster's Ball ที่เรื่องนี้ ฮัลลี เบอร์รี รับบทสาวผิวดำที่มีสัมพันธ์ต้องห้ามกับพัสดีผู้คุมนักโทษ โดยหนังบอกเล่าเรื่องราวการสูญเสียของคนสองคน พัสดีผู้คุมนักโทษผู้เสียลูกชาย และ เลทีเซีย สาวผิวดำภรรยาของนักโทษประหาร ความโศกเศร้าและสิ้นหวังดึงดูดทั้งคู่เข้าหากัน หาทางปลอบโยนซึ่งกันและกัน จนก่อเกิดเรื่องราวสุดเข้มข้น ซึ่งหนังเรื่องนี้เองที่ทำให้ ฮัลลี เบอร์รี สามารถคว้ารางวัล Academy Award (Oscar) สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยม มาได้ โดยการเข้าชิงรางวัลเพียงแค่ครั้งเดียว นอกจากความสำเร็จของตัวหนังที่ทำให้เธอได้รับรางวัลยอดเยี่ยมแล้ว หนังเรื่องนี้ยังจุดประเด็นเรื่องข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับความสมจริงของฉากร่วมรักระหว่าง ฮัลลี เบอร์รี และ บิลลี่ เธอร์ตัน (ซึ่งว่ากันว่ามีการสอดใส่กันจริง ๆ) อีกด้วย อีกหนึ่งบทบาทที่ทำให้ ฮัลลี เบอร์รี กลายเป็นที่จดจำของคอหนังหลาย ๆ คน กับบทบาท จิงซ์ สาวบอนด์ในหนัง 007 ภาคพยัคฆ์ร้ายท้ามรณะ ที่เปิดตัวด้วยการเดินขึ้นจากทะเลในชุดบิกินี่สีส้ม เรียกว่าสวยสะกดทุกสายตาเลยทีเดียว หนังเล่าถึงเรื่องราวภารกิจของ เจมส์ บอนด์ ที่ไล่ล่าตัวคนทรยศไปจนกระทั่งถึงเหมืองมหาภัยในเขตปลอดทหาร ซึ่งแบ่งแยกดินแดนระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ ระหว่างทางเขาได้พบกับ จิงซ์ และ มิแรนด้า ฟรอสต์ 2 สาวซึ่งมีบทบาทสำคัญกับการผจญภัยของเขา เพื่อตามหาจอมวายร้ายแห่งมหานครอย่าง กุสตาฟ เกรฟส์ และมือขวาผู้ป่าเถื่อนของเขา เซโอ บอนด์ต้องเดินทางบุกเข้าไปยังไอซ์แลนด์ รังของเหล่าวายร้ายซึ่งทำด้วยน้ำแข็งล้วน ๆ ที่ซึ่งเขาได้สัมผัสกับพลานุภาพแห่งอาวุธชนิดใหม่เป็นครั้งแรก ในท้ายที่สุดทุกอย่างก็นำพาเขาไปพบกับการเผชิญหน้าอันร้อนแรงดังระเบิดปะทุ และผลสรุปที่ยากจะลืมเลือน ย้อนกลับไปยังเกาหลีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด หนังแนวซูเปอร์ฮีโร่จาก Marvel ที่ว่าด้วยเรื่องราวการรวมตัวกันของเหล่าผู้มีพลังพิเศษ โดย ฮัลลี เบอร์รี รับบท โอโรโร่ มันโร (Ororo Munroe) หรือที่รู้จักกันในชื่อ สตอร์ม (Storm) หนึ่งในสมาชิก X-Men ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในพลังพิเศษของตัวเอง เป็นทั้งหนึ่งในมนุษย์กลายพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก และผู้นำที่ชาญฉลาดและไว้วางใจได้ของทีม พร้อมด้วยความสามารถในการควบคุมและจัดการรูปแบบสภาพอากาศ โดยบทบาทของเธอปรากฏตัวในหนังหลายภาคตั้งแต่ปี 2000-2014 ซึ่งฉากเด็ด ๆ ในการปล่อยพลังของสตอร์มก็มีให้คนดูได้เห็นในทุกภาค ไม่ว่าจะเป็นฉากระเบิดสายฟ้าเผาเจ้าคางคกทอดด์จนไหม้เกรียมใน X-Men ภาคแรก หรือฉากที่เธอต้องขับเครื่องบินเจ็ตไปพร้อม ๆ กับควบคุมสภาพอากาศที่แปรปรวนเพื่อพาพวก X-Men รอดในภารกิจต่าง ๆ หนังแนวระทึกขวัญอาชญากรรมที่ว่าด้วยเรื่องราวของ จอร์แดน เทอร์เนอร์ พนักงานรับแจ้งความทางโทรศัพท์ของ 911 มากประสบการณ์ จนเมื่อสาวน้อยวัยรุ่นคนหนึ่งถูกคนร้ายจับตัวไปขังไว้ในกระโปรงท้ายรถ จึงโทร. หา 911 โดยเธอเป็นผู้รับสายและให้คอยช่วยเหลือ แต่แล้วเธอก็พบว่าคนร้ายที่จับตัวไปคือคนเดียวกันกับที่เคยทำให้เธอไม่อาจช่วยชีวิตเหยื่อคนก่อนได้ คราวนี้จึงเป็นหน้าที่ส่วนตัวที่ต้องสะสาง ซึ่งในเรื่องนี้ ฮัลลี เบอร์รี ต้องรับบทเป็น จอร์แดน เทอร์เนอร์ พนักงานรับแจ้งเหตุที่ถูกดึงเข้ามาพัวพันกับการช่วยหญิงสาวที่ถูกลักพาตัวนั่นเอง มาที่หนังไล่ล่าสุดระทึกกันบ้าง ในเรื่องนี้ ฮัลลี เบอร์รี รับบท คาร์ล่า ไดสัน แม่เลี้ยงเดี่ยวที่สู้สุดชีวิต เมื่อลูกชายของเธอถูกลักพาตัวไป โดยหนัง Kidnap บอกเล่าเรื่องราวของ คาร์ล่า คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเผชิญกับปัญหาครอบครัวที่สามีพยายามจะฟ้องร้องเพื่อแย่งสิทธิในการเลี้ยงดูลูกชายวัย 8 ขวบ ในขณะที่เธอพาลูกชายออกไปเที่ยว คาร์ล่าออกไปรับโทรศัพท์ ไม่กี่นาทีที่คลาดสายตาจากลูกชายก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อคนร้ายพาลูกชายของเธอขึ้นรถขับหนีไป ทันใดนั้นเองการติดตามคนร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น คิงส์แมน หน่วยงานอิสระลงมือด้านปฏิบัติการลับเพื่อสืบหาข่าวกรองที่มีความรอบคอบระดับสูงสุดระหว่างประเทศ เป้าหมายสำคัญคือเพื่อปกป้องโลกให้อยู่ในความสงบ พวกเขาต้องพบกับความท้าทายครั้งใหม่ เมื่อกองบัญชาการของพวกเขาถูกทำลายลงและโลกต้องตกเป็นตัวประกัน การผจญภัยของพวกเขาได้นำไปสู่การค้นพบกลุ่มสายลับที่เป็นพันธมิตรในสหรัฐอเมริกา ชื่อว่า สเตทส์แมน ซึ่งเป็นการหวนกลับไปหาวันที่ทั้งคู่ได้รับการก่อตั้งขึ้นมา การผจญภัยครั้งนี้จะมีการทดสอบความแข็งแกร่งและไหวพริบปฏิภาณของสายลับอย่างสุดกำลัง ทั้งสองสุดยอดองค์กรลับจะต้องร่วมมือกันกำจัดศัตรูตัวร้ายเพื่อปกป้องโลกและเป็นสิ่งที่กลายเป็นนิสัยของ เอ็กซี่ ไปแล้ว ในเรื่องนี้ ฮัลลี เบอร์รี รับบท จิงเจอร์ เอล ฝ่ายเทคนิคของสเตทส์แมน นั่นเอง มีอยู่ 2 เหตุผลด้วยกันที่ทำให้ จอห์น วิค ต้องหนีเอาตัวรอด ข้อแรก เขาถูกตามล่าจากนักฆ่าทั่วโลกด้วยเงินค่าหัวสูงถึง 14 ล้านเหรียญ ข้อสอง เขาทำลายกฎในโรงแรม The Continental ด้วยการลงมือฆ่าสมาชิกของสภาสูง High Table ที่สั่งตามล่าตัวเขาเอง ด้วยเหตุนี้ จอห์น วิค จึงต้องถูกลงโทษในทันที เพียงแต่ว่า วินสตัน ผู้จัดการและผู้คุมกฎของโรงแรม กลับต่อเวลาให้จอห์นอีก 1 ชั่วโมง ก่อนเขาจะถูกคว่ำบาตร ตัดขาดออกจากสมาชิกอื่นทั้งหมด ดังนั้น ด้วยเวลาที่เหลืออยู่ จอห์น วิค จึงต้องลุยต่อสู้ ฆ่าทุกชีวิตที่ขวางหน้าเพื่อเอาตัวรอดจากนครนิวยอร์ก ซึ่งในเรื่องนี้ ฮัลลี เบอร์รี รับบท โซเฟีย หนังบอกเล่าเรื่องราวของทีมมนุษย์อวกาศที่ถูกส่งไปกู้วิกฤตหลังจากที่ดวงจันทร์ถูกดาวเคราะห์น้อยชน จนวิถีโคจรมุ่งตรงมายังโลกและทำลายล้างทุกชีวิต เมื่อเวลาของมนุษยชาติเริ่มนับถอยหลัง โจ ฟาวเลอร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ NASA และอดีตมนุษย์อวกาศ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอดของมวลมนุษย์ แต่ทว่ามีแค่เพียง ไบรอัน ฮาร์เปอร์ มนุษย์อวกาศที่เคยร่วมงานกับเธอ และ เค.ซี. เฮาส์แมน นักทฤษฎีสมคบคิด เท่านั้นที่เชื่อมั่นในตัวเธอ เหล่าคนกล้าต้องเดินทางออกไปยังอวกาศในภารกิจชี้เป็นชี้ตายเพื่อปกป้องคนที่พวกเขารักและทุกชีวิตบนโลก ในเรื่องนี้ ฮัลลี เบอร์รี รับบท โจ ฟาวเลอร์ Never Let Go เล่าเรื่องราวการเอาชีวิตรอดหลังโลกล่มสลายของแม่สุดแกร่งและลูกชายฝาแฝด เมื่อพวกเขาต้องรับมือกับอสุรกายร้ายที่แฝงตัวอยู่รอบบ้าน ทำให้ทั้งสามคนต้องผูกเชือกติดกันตลอดเวลา และห้ามปล่อยเชือกจากกันเด็ดขาด แต่ในขณะเดียวกันลูก ๆ ของเธอก็เริ่มสงสัยว่าสัตว์ประหลาดที่ทุกคนกำลังหวาดกลัวอยู่นั้นมีจริงหรือไม่ จนนำไปสู่การค้นหาคำตอบที่อาจต้องแลกด้วยชีวิต ในเรื่องนี้ ฮัลลี เบอร์รี รับบท แม่ ที่ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกแฝด Jungle Fever (1991) Strictly Business (1991) The Last Boy Scout (1991) Boomerang (1992) Father Hood (1993) The Program(1993) The Flintstones (1994) Losing Isaiah (1995) Executive Decision (1996) Race the Sun (1996) The Rich Man's Wife (1996) B*A*P*S (1997) Bulworth (1998) Why Do Fools Fall in Love (1998) X-Men (2000) Swordfish (2001) Monster's Ball (2001) Die Another Day (2002) X2 (2003) Gothika (2003) Catwoman (2004) Robots (2005) X-Men: The Last Stand (2006) Perfect Stranger (2007) Things We Lost in the Fire (2007) Frankie & Alice (2010) New Year's Eve (2011) Dark Tide (2012) Cloud Atlas (2012) Movie 43 (2013) The Call (2013) X-Men: Days of Future Past (2014) Kevin Hart: What Now ? (2016) Kidnap (2017) Kingsman: The Golden Circle (2017) Kings รับบท Millie Dunbar (2017) John Wick: Chapter 3 – Parabellum (2019) Bruised (2020) Moonfall (2022) The Mothership (2022) The Union (2024) Never Let Go (2024) ฮัลลี เบอร์รี สาวสวยที่มีความสามารถอันโดดเด่นอยู่ในระดับที่หาจับตัวได้ยาก และผ่านประสบการณ์ในวงการอุตสาหกรรมบันเทิงโลกมาแล้วอย่างโชกโชน ใครที่เป็นแฟนคลับของสาวคนนี้และอยากติดตามไลฟ์สไตล์หรือผลงานอื่น ๆ ของเธอ สามารถไปฟอลโลกันได้ที่ Instagram @halleberry Never Let Go ผูกเป็น หลุดตาย ลุ้นระทึกไปกับการเอาตัวรอดท่ามกลางดินแดนที่ล่มสลาย 10 ดาราสาวฮอลลีวูดผิวคล้ำ สวย เก่ง ปัง ถึงไม่ขาวแต่ออร่ามาเต็ม 10 นักแสดงเกลียดหนังตัวเอง แบบนี้ก็มีด้วย 10 นักแสดงที่ยอมลดค่าตัวเพื่อรับบทในฝัน ขอบคุณภาพจาก : อินสตราแกรม @halleberry, เว็บไซต์ Lionsgate.com, เฟซบุ๊ก Monster's Ball, เว็บไซต์ James Bond 007 (1), (2), เฟซบุ๊ก X-Men Movies, เว็บไซต์ 20th Century Studios, เฟซบุ๊ก The Call, เฟซบุ๊ก M Studio, เฟซบุ๊ก The King's Man, เฟซบุ๊ก John Wick, เฟซบุ๊ก Moonfall, เฟซบุ๊ก Mongkol Major
แสดงความคิดเห็น