เผยโฉม 10 นักแสดงแถวหน้าที่เกลียดหนังของตัวเองเป็นที่สุด มาดูกันว่าพวกเขาไม่ชอบเพราะอะไร
กว่าจะเป็นหนังให้เราได้ชมกันหนึ่งเรื่อง ต้องผ่านเบื้องหลังที่อาศัยความทุ่มเทมากมาย โดยเฉพาะหน้าที่นักแสดงที่ต้องใช้ความพยายามจนกว่าผลงานจะสมบูรณ์ที่สุด แต่เชื่อหรือเปล่าว่าเห็นเบื้องหน้าสวยงามแบบนี้ มีบางครั้งเหมือนกันที่เหล่าดาราแอบไม่พอใจผลงานของตัวเอง ดังเช่นข้อมูลที่เรารวบรวมจากเว็บไซต์ Cheatsheet ที่จะเปิดเผยโฉมหน้า 10 ดาราไม่ชอบหนังของตัวเองด้วยเหตุผลต่าง ๆ แม้หลายผลงานจะเป็นหนังเรื่องที่คุณชื่นชอบ แต่พวกเขาอาจไม่เห็นด้วยกับคุณก็ได้
2. อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger)
หลังโด่งดังจากเรื่อง The Terminator ได้ไม่ทันไร แต่พระเอกคนเหล็กกลับต้องปวดใจกับบทบาทกาลิดอร์ในหนังเรื่อง Red Sonja (1985) เพราะอันที่จริงเขาควรได้รับบท โคแนน ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่อง แต่ทำไปทำมาบทของเขาก็ถูกปรับจนกลายเป็นอย่างที่เห็น มีครั้งหนึ่งเขาถึงกับให้สัมภาษณ์ว่า "มันเป็นหนังที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเล่นมาเลย ตอนนี้ถ้าลูก ๆ ของผมทำอะไรผิด ผมจะจับขังในห้องแล้วบังคับให้ดู Red Sonja สัก 10 รอบ"
3. แบรด พิตต์ (Brad Pitt)
สาเหตุที่ทำให้ แบรด พิตต์ เกลียดบทบาทของตัวเองในหนังเรื่อง The Devil’s Own (1997) อาจมาจากความขัดแย้งระหว่างเขาและเพื่อนนักแสดงอย่าง แฮริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) จนทำให้เขาตัดสินใจถอนตัว แต่ก็ต้องฝืนทนต่อไปเพราะเกรงจะถูกฟ้องร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนหลายล้านดอลลาร์ อีกสาเหตุหนึ่งมาจากบทหนังที่ถูกแก้ไขอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เขารู้สึกไม่พอใจและกล่าวว่า "เป็นการสร้างหนังที่ไร้ความรับผิดชอบที่สุดเท่าที่ผมเคยพบ"
4. คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ (Christopher Plummer)
ใครจะเชื่อว่าหนังสุดคลาสสิกอย่าง The Sound of Music (1965) จะกลายเป็นผลงานที่ คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ ไม่รู้สึกภาคภูมิใจ โดยครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์กับ The Hollywood Reporter ว่าบทบาทของเขาท้าทายเพราะมันช่างน่าเกลียด อ่อนไหว และชวนแหวะ "คุณต้องพยายามอย่างมากในการใส่ความละเอียดอ่อนและอารมณ์ขันลงไปในตัวละครนี้" ร้ายไปกว่านั้นเขายังตั้งฉายาหนังเรื่องนี้ว่าเป็น The Sound of Mucus หรือเสียงของน้ำมูกเลยทีเดียว
หลังโด่งดังจากเรื่อง The Terminator ได้ไม่ทันไร แต่พระเอกคนเหล็กกลับต้องปวดใจกับบทบาทกาลิดอร์ในหนังเรื่อง Red Sonja (1985) เพราะอันที่จริงเขาควรได้รับบท โคแนน ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่อง แต่ทำไปทำมาบทของเขาก็ถูกปรับจนกลายเป็นอย่างที่เห็น มีครั้งหนึ่งเขาถึงกับให้สัมภาษณ์ว่า "มันเป็นหนังที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเล่นมาเลย ตอนนี้ถ้าลูก ๆ ของผมทำอะไรผิด ผมจะจับขังในห้องแล้วบังคับให้ดู Red Sonja สัก 10 รอบ"
3. แบรด พิตต์ (Brad Pitt)
สาเหตุที่ทำให้ แบรด พิตต์ เกลียดบทบาทของตัวเองในหนังเรื่อง The Devil’s Own (1997) อาจมาจากความขัดแย้งระหว่างเขาและเพื่อนนักแสดงอย่าง แฮริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) จนทำให้เขาตัดสินใจถอนตัว แต่ก็ต้องฝืนทนต่อไปเพราะเกรงจะถูกฟ้องร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนหลายล้านดอลลาร์ อีกสาเหตุหนึ่งมาจากบทหนังที่ถูกแก้ไขอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เขารู้สึกไม่พอใจและกล่าวว่า "เป็นการสร้างหนังที่ไร้ความรับผิดชอบที่สุดเท่าที่ผมเคยพบ"
4. คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ (Christopher Plummer)
ใครจะเชื่อว่าหนังสุดคลาสสิกอย่าง The Sound of Music (1965) จะกลายเป็นผลงานที่ คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ ไม่รู้สึกภาคภูมิใจ โดยครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์กับ The Hollywood Reporter ว่าบทบาทของเขาท้าทายเพราะมันช่างน่าเกลียด อ่อนไหว และชวนแหวะ "คุณต้องพยายามอย่างมากในการใส่ความละเอียดอ่อนและอารมณ์ขันลงไปในตัวละครนี้" ร้ายไปกว่านั้นเขายังตั้งฉายาหนังเรื่องนี้ว่าเป็น The Sound of Mucus หรือเสียงของน้ำมูกเลยทีเดียว
5. แชนนิง เททัม (Channing Tatum)
ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง แชนนิง เททัม เผยความรู้สึกด้วยความซื่อสัตย์ต่อหนังเรื่อง GI Joe : The Rise of Cobra (2009) เอาไว้อย่างเจ็บแสบว่า "นี่พูดตรง ๆ เลยนะ ผมเกลียดหนังเรื่องนั้นมากเลย เกลียดมากจริง ๆ" พร้อมอธิบายว่าค่าย Paramount มัดมือชกให้เขาเล่นหนังเรื่องนี้ "หลังจากเล่นหนังเรื่อง Coach Carter เขาก็จับผมเซ็นสัญญาเล่นหนัง 3 เรื่อง ในฐานะนักแสดงเด็กผมก็เลยแบบ ดีอะ เล่นเลยแล้วกัน" ก่อนรู้ตัวภายหลังว่าบทไม่ค่อยโอเค แต่ก็สายเกินถอนตัวเสียแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก G.I. Joe
ดารานำจากซีรีส์ Grey’s Anatomy เข้ามารับบทนำในหนังเรื่อง Knocked Up (2007) แทนที่ แอนน์ แฮททาเวย์ (Anne Hathaway) ซึ่งขอถอนตัว แม้หลังเรื่องนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน แต่ในความเห็นของ แคทเธอรีน ไฮเกล กลับมองว่าหนังเรื่องนี้แฝงทัศนคติเหยียดเพศ "ช่างน่าเจ็บปวดเหลือเกินที่ผู้หญิงเป็นได้เพียงคนปากร้าย ไร้อารมณ์ขัน และตึงเครียด และช่างน่าเจ็บปวดเหลือเกินที่ผู้ชายได้เป็นคนน่ารัก ตลก และอบอุ่น" แม้การถ่ายทำจะเป็นไปอย่างราบรื่นทุกประการ แต่เธอก็ทำใจรักหนังเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดี
7. จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney)
ความทรงจำอันเลวร้ายของพระเอกรุ่นใหญ่ จอร์จ คลูนีย์ เห็นจะเป็นการสวมบทแบทแมนในหนังเรื่อง Batman & Robin (1997) ที่ถูกสับเละจากนักวิจารณ์เสียไม่ได้ผุดได้เกิด ซึ่งในฐานะนักแสดงที่เผชิญชะตากรรมอันเลวร้ายด้วยตัวเอง เขาเห็นตรงกับคำวิจารณ์เหล่านั้นทุกประการ "เมื่อเหตุการณ์ผ่านมาแล้วผมสามารถย้อนกลับไปมองได้ว่า โอ้ ! มันเป็นหนังที่แย่จริง ๆ แล้วผมก็ห่วยมากด้วย" เขากล่าว "หนังแบบนี้เล่นยังไงก็ไม่ดีหรอก"
8. ฮัลลี่ เบอร์รี่ (Halle Berry)
การแสดงในหนังเรื่อง Catwoman (2004) ทำให้นางเอกสาว ฮัลลี่ เบอร์รี่ ถูกสับเละจากผู้ชมและนักวิจารณ์เสียแทบตั้งตัวไม่รอด แถมเธอยังเห็นด้วยกับความเห็นเหล่านั้นเสียด้วย แต่จนแล้วจนรอดบทนางแมวสาวก็ส่งให้เธอคว้ารางวัลราซซี่ (รางวัลภาพยนตร์ยอดแย่) สาขานักแสดงนำหญิงยอดแย่ โดยเธอกล่าวในระหว่างขึ้นรับรางวัลว่า "ฉันขอขอบคุณ Warner Bros. ที่เลือกฉันร่วมแสดงในหนังขยะและห่วยแตกเรื่องนี้"
9. แมตต์ เดมอน (Matt Damon)
ไม่น่าเชื่อว่า แมตต์ เดมอน กล่าวโทษว่าเขาไม่พอใจหนังเรื่อง The Bourne Ultimatum (2007) เพราะบทที่เขียนโดย โทนี่ กิลรอย (Tony Gilroy) ที่ทำให้เขาไม่ปลื้ม มีครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าบทดังกล่าวเกือบทำให้เขาหมดอนาคตในอาชีพนักแสดงไปแล้ว "ผมไม่โทษเขาหรอกที่รับเงินมาตั้งเยอะเพื่อเขียนอะไรแบบนั้นออกมา มันเป็นสิ่งที่ทนอ่านไม่ได้เท่านั้นเอง" เขากล่าวอย่างเผ็ดร้อน "นั่นเป็นตัวดับอนาคตทางอาชีพได้เลยนะ มันแย่มากเลยคุณ น่าอับอายมากจริง ๆ เขาแค่รับเงินมาแล้วเดินจากไปเท่านั้นเอง"
10. มิเชล ไฟเฟอร์ (Michelle Pfeiffer)
แม้หนังมิวสิคัลภาคต่อ Grease 2 (1982) จะเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน แต่ในความเห็นของดารานำอย่าง มิเชล ไฟเฟอร์ กลับมองว่าหนังเรื่องนี้คือประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำ "ฉันเกลียดหนังเรื่องนี้เข้าไส้และไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ว่ามันจะแย่ได้ขนาดนั้น" โดยเธอกล่าวโทษตัวเองว่าในขณะนั้นยังเด็กและไร้เดียงสาเกินกว่าจะแยกแยะหนังดีหนังห่วย "ตอนนั้นฉันยังเด็กมากและยังไม่ประสีประสาอะไร"
เห็นหรือยังว่าถึงแม้เบื้องหน้าจะสวยงามขนาดไหน แต่เบื้องหลังอาจแลกมาด้วยความขมขื่นที่แม้แต่นักแสดงยังทนไม่ได้ อย่างไรก็ตามเราขอชื่นชมในสปิริตของแต่ละคนที่ยอมทำตามหน้าที่ อย่างนี้เขาเรียกว่ามืออาชีพของจริง