นับตั้งแต่ภาพยนตร์ชุด The Twilight Saga สิ้นสุดลง พระเอกหนุ่มมากความสามารถอย่าง โรเบิร์ต แพททินสัน (Robert Pattinson) ก็มุ่งมั่นท้าทายตนเองในการสลัดภาพไอดอลขวัญใจวัยรุ่นมาสู่นักแสดงที่ขายฝีมืออย่างเต็มตัว เห็นได้จากการที่เขาร่วมงานกับผู้กำกับระดับตำนานอย่าง เดวิด โครเนนเบิร์ก (Cosmopolis, Map to the Stars) และแวร์เนอร์ แฮร์โซก (Queen of the Desert)
ล่าสุดเขากำลังพิสูจน์ฝีมือตนเองในหนังเรื่อง "Life เพื่อนผมชื่อเจมส์ ดีน" ผลงานกำกับของ อังตง กอร์เบจ์น (Control, The American) โดยเฉพาะการที่เขาปฏิเสธเสียงเรียกร้องของแฟน ๆ ที่อยากให้เขาสวมบทเป็น "เจมส์ ดีน" แล้วหันมากลายเป็นช่างภาพ "เดนนิส สต็อค" ผู้บันทึกภาพชีวิตของซูเปอร์สตาร์แห่งยุค 50 ให้กลายเป็นตำนานที่ทั่วโลกจดจำ โดย โรเบิร์ต แพททินสัน ได้พูดถึงบทบาทที่ได้รับในครั้งนี้ว่า "เป็นบทที่ผมใฝ่หา หลังจากอ่านบทแล้ว ผมลองจินตนาการก็รู้สึกถึงความว้าวุ่นภายในใจและเขาก็ไม่มั่นใจในตนเองเสียเลย ผมเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อตอนอายุ 20 ต้น ๆ ทั้งที่เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นพ่อที่ดีได้อย่างไร และมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะแปลกใหม่นะ"
ตอนดูหนังของเขาเรื่อง "East of Eden" ก็คิดว่า "เจมส์ ดีน" เจ๋งจริง ๆ เลยเกิดแรงฮึกเหิมให้กับเดนนิส มันเจ๋งไม่น้อยถ้าได้อยู่ร่วมกับใครสักคนที่สามารถเติมเต็มความมุ่งมั่นในการงาน อย่างความประทับใจในตัว เจมส์ ดีน ทำให้เดนนิสเชื่อมั่นในตนเองได้มากขึ้น บางครั้งคุณต้องการแค่ส่วนเล็ก ๆ ของกำลังใจในชีวิตของคุณ แล้วเมื่อเขาโชว์ผลงานภาพถ่ายให้เจมส์ ก็ได้รับคำชม ผมคิดว่าการที่เจมส์เห็นงานภาพถ่ายนี่แหละที่จุดประกายให้แก่เดนนิส และเขาก็ถือว่าเจมส์คือศิลปินขนานแท้ผู้มีอิทธิพลสำคัญในชีวิตของเขา
สำหรับหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เรียนรู้วิธีการถ่ายภาพ แต่อยากให้การถ่ายภาพคือส่วนหนึ่งที่สำคัญของตัวละคร ผมใช้ไลก้า M1 ที่แม้ไม่ใช่กล้องส่วนตัวของเดนนิส แต่รูปลักษณ์เหมือนกัน มันสวยมากทั้งตัวกล้องและเลนส์ แล้วผมก็เอาไปถ่ายภาพตอนเล่นหนังเรื่อง "Queen of the Desert" ด้วย สี่เดือนจากการฝึกถ่ายภาพทำให้ผมเข้าใจการทำงานของช่างภาพ การได้ถือกล้องไว้เหมือนกุมอำนาจไว้ในมือ และด้วยลักษณะของกล้อง คนที่เป็นมืออาชีพเท่านั้นที่สามารถถือเดินไปมาด้วยกันได้ อีกทั้งการถ่ายภาพเป็นศิลปะที่คุณสามารถปิดบังรูปโฉมของคุณได้ เดนนิสเองก็อยากจะโด่งดังแต่เขาไม่สามารถพังทลายหน้าต่างที่ปิดกั้นไว้ เพราะสิ่งที่ปิดกั้นมักยิ่งแข็งแกร่งกว่าเมื่อคุณถ่ายภาพคนดังสักคน… ผมพยายามหาบทบาทการแสดงที่ทำให้ผมเข้าใจตนเองมากขึ้นและได้พัฒนาตนเองไปด้วย ผมคิดว่าหนังเรื่อง Life มันก็คือเรื่องราวของความเชื่อมั่นในตนเองนั่นแหละ" พระเอกหนุ่มกล่าวปิดท้าย
ภาพจาก M Pictures