


ในที่สุด "พันท้ายนรสิงห์" หนังไทยย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล จะมีโอกาสได้ชมเป็นที่แน่นอนแล้วด้วยความยาวอย่างจุใจ 3 ชั่วโมงเต็ม
โดย "พันท้ายนรสิงห์" บอกเล่าเรื่องราวในปีพุทธศักราช 2231 หลัง "สมเด็จพระนารายณ์มหาราช" (สุเชาว์ พงษ์วิไล) เสด็จสวรรคต "พระเพทราชา" (สมภพ เบญจาธิกุล) ได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา และทรงแต่งตั้ง "พระเจ้าเสือ" (พันโทวันชนะ สวัสดี) ผู้เป็นพระราชโอรสบุญธรรมขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล มีอำนาจหน้าที่ในการเก็บภาษีอากร แต่เพราะผู้ดำเนินการเก็บภาษีอย่าง "พระยาราชสงคราม" (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ชอบแอบอ้างชื่อพระเจ้าเสือในการรีดนาทาเร้นราษฎรจนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า "พระพิชัย" (สรพงษ์ ชาตรี) เจ้าเมืองวิเศษชัยชาญ อดีตราชองครักษ์ของสมเด็จพระนารายณ์ฯ จึงซ่องสุมผู้คนซึ่งนำโดย ไอ้สิน (เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์) ออกปล้นทรัพย์คืนจากกองทหารหลวง เมื่อความทราบถึง พระเจ้าเสือ พระองค์จึงทรงปลอมเป็น "ทิดเดื่อ" ชาวบ้านต่างเมืองออกสืบความจริง ณ แขวงวิเศษชัยชาญ พร้อมกับ "ทองอ่อน" (เสนาลิง)


ครั้นเมื่อพระเจ้าเสือเสด็จประพาสทางชลมารค พันท้ายนรสิงห์ ได้ล่วงรู้ถึงแผนการลอบปลงพระชนม์ของพระยาพิชัย เขาจึงต้องเลือกระหว่าง "เจ้าเหนือหัว" ที่เขามอบความจงรักภักดีให้แบบหมดหัวใจ หรือเลือกฝั่ง "พระพิชัย" ผู้มีพระคุณและเพื่อนพ้องชาววิเศษชัยชาญ และระหว่างการเอาตัวรอดเพื่อความรักหรือการพลีชีพเพื่อถือคำสัตย์ในหน้าที่ความรับผิดชอบ
เตรียมพบภาพยนตร์ไทยแอ็คชั่น-โรแมนติก อิงประวัติศาสตร์ที่ได้รับการเล่าขานและเทิดทูนมาจนปัจจุบันถึงนายท้ายผู้ซื่อสัตย์และเต็มเปี่ยมด้วยความจงรักภักดี ยอมสละได้แม้แต่ศีรษะและชีวิตตัวเองเพื่อความถูกต้อง และกษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง ได้ยืนหยัดปกครองราษฎรในแผ่นดินด้วยความร่มเย็น "พันท้ายนรสิงห์" 30 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

ภาพจาก สหมงคลฟิล์ม