7 หนังก่อการร้าย เหตุระทึกที่สร้างจากเรื่องจริง

          7 หนังก่อการร้าย ระทึกใจด้วยเนื้อหาที่สร้างจากเหตุการณ์จริง เปิดเบื้องหน้าเบื้องหลังเหตุการณ์ช็อกโลก
 
          ความรุนแรงจากเหตุก่อการร้ายรูปแบบใดก็ตาม มักติดอยู่ในความทรงจำของคนที่เฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยความรู้สึกเห็นใจและหวาดกลัว ที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่ถูกหยิบมาพูดถึงซ้ำ ๆ และถูกสร้างเป็นหนังโดยดัดแปลงจากเรื่องจริง ตัวอย่างเช่นหนังดัง 7 เรื่อง ที่พูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายได้อย่างสมจริง ระทึกใจ เหมือนยกเหตุการณ์นั้นมาอยู่ตรงหน้า มาดูเลยว่ามีเหตุการณ์ไหนถูกพูดถึงบนจอเงินมาแล้วบ้าง
1. Munich (2005)

          การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 1972 ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เกิดเหตุการณ์ช็อกโลกเมื่อกลุ่มชาวปาเลสไตน์หัวรุนแรง แบล็กเซปเทมเบอร์ หรือ กันยาทมิฬ บุกสังหารสมาชิกชาติอิสราเอลถึงในหมู่บ้านนักกีฬา และจับนักกีฬารวมถึงเจ้าหน้าที่เป็นตัวประกันเอาไว้อีก 9 คน แลกกับการที่อิสราเอลต้องปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ 234 คน และอีก 2 คนที่ถูกคุมขังอยู่ในเยอรมนี โดยหนังเรื่อง Munich เป็นผลงานของผู้กำกับ สตีเว่น สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) นำแสดงโดย อีริค บานา (Eric Bana) และแดเนียล เคร็ก (Daniel Craig)


2. United 93 (2006)
 
          เหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 นับเป็นเหตุก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งนอกจากเหตุเครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์กแล้ว ยังมีความพยายามจี้เครื่องบินชนตึกเพนตากอนและอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ โดยหนังเรื่อง United 93 หยิบเรื่องราวผ่านผู้โดยสารสายการบิน United Airlines เที่ยวบินที่ 93 ที่ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายจี้ โดยมีเป้าหมายชนอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งผู้โดยสารบนเที่ยวบินลำดังกล่าวพยายามต่อสู้เพื่อยึดเครื่องบินคืน จนทำให้เครื่องบินตกในรัฐเพนซิลเวเนีย และพลาดเป้าหมายที่อาคารรัฐสภาไปอย่างหวุดหวิด แต่ก็ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตทั้งหมด


3. The Assault (2010)

          หนึ่งในเหตุก่อการร้ายที่สร้างความสะพรึงไปทั้งโลก คือเหตุจี้เครื่องบินของสายการบิน Air France เมื่อปี 1994 บนเที่ยวบิน 8969 ที่เดินทางจากประเทศฝรั่งเศสสู่แอลจีเรีย โดยสมาชิกกลุ่มอิสลามติดอาวุธ GIA ทั้งหมด 4 คน จี้เครื่องบินพร้อมผู้โดยสาร 227 คน พร้อมยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลแอลจีเรียปล่อยตัวนักโทษก่อการร้าย ซึ่งหนังเรื่อง The Assault ก็ถ่ายทอดเหตุการณ์ออกมาได้สมจริง กดดัน โดยเฉพาะช่วงที่หน่วยรบพิเศษบุกเข้าช่วยตัวประกันที่อยู่บนเครื่อง


4. Zero Dark Thirty (2012)

          แม้ไม่ใช่หนังที่พูดถึงเหตุก่อการร้ายโดยตรง แต่ความน่าสนใจของ Zero Dark Thirty คือการเล่าถึงนาทีล่าตัว อุซามะห์ บิน ลาดิน (Osama bin Laden) ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน โดยเผยให้เห็นเบื้องหลังการทำงานของเจ้าหน้าที่ CIA ท่ามกลางความกดดันและการจับจ้องจากผู้คนทั่วโลก หนังเรื่องนี้การันตีคุณภาพโดย แคธรีน บิเกโลว์ (Kathryn Bigelow) ผู้กำกับยอดเยี่ยมจากหนังสงคราม The Hurt Locker นำแสดงโดย เจสสิกา แชสเทน (Jessica Chastain) ในบทเจ้าหน้าที่ CIA ตัวชี้เป้าผู้ชำนาญในการตามล่าและสังหารผู้ก่อการร้าย


5. Captain Phillips (2013)

          นำแสดงโดย ทอม แฮงค์ส (Tom Hanks) ในบท ริชาร์ด ฟิลลิปส์ (Richard Phillips) กัปตันเรือบรรทุกสินค้า Maersk Alabama ที่ถูกโจรสลัดโซมาเลียบุกยึดเมื่อปี 2009 โดยตัวเขาและลูกเรือถูกจับเป็นตัวประกัน จนกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังเหตุการณ์จริงกลับดราม่ากว่านั้น เมื่อหนึ่งในลูกเรือตัดสินใจฟ้องกัปตันฟิลลิปส์ โดยบอกว่าเขารับรู้ถึงอันตรายบริเวณน่านน้ำโซมาเลียดีอยู่แล้ว แต่ยังดึงดันเข้าไปเพราะต้องการถึงที่หมายให้เร็วขึ้น


6. 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi (2016)

          ผลงานของผู้กำกับ ไมเคิล เบย์ (Michael Bay) ที่หยิบเรื่องจริงของเหตุโจมตีสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองเบงกาซี ประเทศลิเบีย เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2012 มาเล่าเป็นหนังดราม่า-แอ็คชั่น โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้สังหารเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ คริสโตเฟอร์ เจ. สตีเว่นส์ (Christopher J. Stevens) รวมถึงเจ้าหน้าที่อีก 3 คนจนเสียชีวิต เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 6 คน ต้องต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตของชาวอเมริกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

   
7. Patriots Day (2016)

          จากเหตุการณ์ระเบิดบอสตันมาราธอน ที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเดือนเมษายน 2013 ถูกนำมาเล่าเป็นหนังดราม่า-ทริลเลอร์ โดยฝีมือของผู้กำกับ ปีเตอร์ เบิร์ก (Peter Berg) จากเรื่อง Deepwater Horizon ในเรื่องนี้ มาร์ค วอห์ลเบิร์ก (Mark Wahlberg) รับบทเป็น ทอมมี่ ซาวน์เดอร์ส ตำรวจเมืองบอสตันที่ต้องร่วมมือกับผู้รอดชีวิต ชุดปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินเบื้องต้น และทีมสืบสวน ตามล่ามือวางระเบิดในการแข่งขันบอสตันมาราธอน ให้ทันเวลาก่อนที่เหตุร้ายจะเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้ง 


          ข้อดีของหนังเกี่ยวกับการก่อการร้าย ทำให้เราได้เห็นความกล้าหาญของบุคคลในสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนธรรมดาหรือเจ้าหน้าที่รัฐ และเป็นเครื่องเตือนใจกับเราเสมอว่า ความรุนแรงไม่เคยส่งผลดีกับใครทั้งสิ้น