อุ่นเครื่องก่อนดูหนัง Doctor Strange ไปกับเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับฮีโร่จอมเวทย์ของค่าย Marvel ตัวละครที่จะทำให้จักรวาล Marvel กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น
ภาพจาก Marvel
ภาพจาก Marvel
การมาถึงของ Doctor Strange ถือเป็นความแปลกใหม่ที่แฟน ๆ ของค่าย Marvel รอคอยอยู่ไม่น้อย เพราะถือเป็นหนังเรื่องแรกที่มีตัวละครเอกเป็นฮีโร่สายพ่อมดมนตร์ดำ แถมตัวอย่างที่ออกมาก็ดูล้ำหลุดโลก ไม่เหมือนกับเรื่องไหน ๆ ที่เราเคยเห็น ซึ่งไม่ว่าจะในภาค 1 หรือภาค 2 ก็ล้วนได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ในวันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับ "ดร.สเตรนจ์ ฮีโร่พลังเวทย์" คนนี้ กับ 11 เรื่องที่คุณต้องรู้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมก่อนดูหนัง Doctor Strange มาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
1. ดอกเตอร์สเตรนจ์ มีกี่ภาค
ปัจจุบัน ดอกเตอร์สเตรนจ์ มีทั้งหมด 2 ภาค ดังนี้
Doctor Strange 1 : Doctor Strange จอมเวทย์มหากาฬ
ภาพจาก Marvel
Doctor Strange 1 Trailer
Doctor Strange 2 : Doctor Strange in the Multiverse of Madness
ภาพจาก Marvel
Doctor Strange 2 Trailer
2. ประวัติดอกเตอร์สเตรนจ์
ภาพจาก Marvel
3. พลังของดอกเตอร์สเตรนจ์
ดร.สเตรนจ์ คือตัวละครแนวพ่อมดหมอผีที่ทรงพลังที่สุดคนหนึ่งของ Marvel พลังพิเศษของเขาได้แรงบันดาลใจจากตำนานเรื่องเวทมนตร์คาถา มีความสามารถตั้งแต่การสะกดจิต การสร้างภาพลวงตา การปล่อยพลังเวทมนตร์โจมตี ไปจนถึงการถอดจิตเดินทางข้ามมิติและเวลา ซึ่งเขาได้รับพลังจากเทพ 3 องค์ที่เรียกรวมกันว่า Vichanti
ภาพจาก Marvel
ภาพจาก Marvel
4. กองทัพของวิเศษ ดอกเตอร์สเตรนจ์
แม้เป็นจอมเวทย์ที่ทรงพลังอยู่แล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ทำให้ ดร.สเตรนจ์ เหนือกว่าคนอื่น ๆ คือบรรดาของวิเศษที่เสริมให้เขากลายเป็นตัวพ่อ ไม่ว่าจะเป็น
• เสื้อคลุม Cloak of Levitation ที่ทำให้เขาเหาะเหินเดินอากาศได้
• Eye of Agamotto (ดวงตาแห่งอกามอตโต้) ที่ทำให้ผู้ใส่มองเห็นความจริงที่เกิดจากภาพลวงตา แถมยังสามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้แม้กระทั่งเวลาอีกด้วย ซึ่งจัดว่าเป็นของวิเศษอันตรายหากไปอยู่ในมือคนผิด
ไม่ต่างจาก ไอรอนแมน ที่มีฐานปฏิบัติการของตัวเอง ทางด้านของ ดร.สเตรนจ์ ก็มีพื้นที่ส่วนตัวที่ชื่อว่า แซงทัม แซงทอรัม (Sanctum Sanctorum) แมนชั่นความสูง 3 ชั้น ในนิวยอร์ก ที่ถูกปกคลุมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ และมีขนาดภายในกว้างกว่าที่เห็นจากภายนอกหลายเท่า โดยสถานที่แห่งนี้ ดร.สเตรนจ์ ใช้สำหรับศึกษาเวทมนตร์และเก็บของวิเศษต่าง ๆ ให้ปลอดภัยจากโลกภายนอก
ในตัวอย่างหนัง Doctor Strange เราได้เห็นตัวละครหัวโล้นที่รับบทโดย ทิลด้า สวินตัน (Tilda Swinton) ซึ่งนั่นคือ ดิ เอนเชียน วัน (The Ancient One) ผู้มีบทบาทในฐานะครูฝึกของ ดร.สเตรนจ์ โดยในฉบับหนังสือการ์ตูน ดิ เอนเชียน วัน เป็นตัวละครเพศชายเชื้อสายเอเชีย ที่ต้องการปั้นให้ ดร.สเตรนจ์ สืบทอดตำแหน่งจอมเวทย์สูงสุด ผู้ปกป้องมวลมนุษย์จากภัยคุกคามเหนือธรรมชาติ
ในฉบับหนังสือการ์ตูน บารอน มอร์โด คืออดีตเพื่อนรักของ ดร.สเตรนจ์ ที่ถูกด้านมืดครอบงำเพราะความกระหายอำนาจ โดยเขาต้องการสังหาร ดิ เอนเชียน วัน ที่เป็นอาจารย์ของตัวเอง ซึ่งในเวอร์ชั่นหนัง ชิวีเทล เอจิโอฟอร์ (Chiwetel Ejiofor) จะรับบทเป็น บารอน มอร์โด และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นพันธมิตรกับ ดร.สเตรนจ์ ในช่วงแรกเริ่ม
ภาพจาก Marvel
ภาพจาก Marvel
ภาพจาก Marvel
มือขวาคนสำคัญของ ดร.สเตรนจ์ คือคาแรกเตอร์ที่ชื่อว่า หว่อง ซึ่งรับบทโดย เบเนดิกต์ หว่อง (Benedict Wong) ที่ได้รับมอบหมายจาก ดิ เอนเชียน วัน ให้เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแล ดร.สเตรนจ์ และถึงแม้เขาจะไม่มีความสามารถด้านการใช้เวทมนตร์ แต่เขาเป็นคนมีความรู้ในศาสตร์ลึกลับ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ไม่แพ้ใคร
แม้นี่เป็นครั้งแรกที่ ดร.สเตรนจ์ จะได้ปรากฏตัวในจักรวาลมาร์เวล แต่เบาะแสของเขาซ่อนตัวอยู่ในหนังเรื่องต่าง ๆ มาแล้วหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ในหนังเรื่อง Thor เราได้เห็น The Orb of Agamotto ของวิเศษประจำกาย ดร.สเตรนจ์ อยู่ในกรุสมบัติของโอดิน หรือในเรื่อง Thor: The Dark World ก็มีคำว่า The Crossroads สถานที่สำคัญใน Doctor Strange เขียนอยู่บนกระดานดำของเซลวิก ส่วนในเรื่อง Captain America: The Winter Soldier ชื่อของ ดร.สเตรนจ์ ก็ถูกพูดถึงว่าถูกหมายหัวจากกลุ่มไฮดร้า
เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ (Benedict Cumberbatch) เกือบไม่ได้รับบท ดร.สเตรนจ์ เพราะเขาต้องแสดงละครเวทีเรื่อง Hamlet ในลอนดอน แต่เมื่อตารางเข้าฉายของ Doctor Strange ถูกเลื่อนจากเดือนกรกฎาคม 2016 ออกไปเป็นพฤศจิกายน 2016 โอกาสของเขาจึงกลับมาอีกครั้ง ซึ่งความจริง เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ คือตัวเลือกเดียวที่ Marvel คิดว่าใช่ และยอมเลื่อนกำหนดการเพื่อดึงเขามาร่วมงานโดยเฉพาะ
แม้ถูกสร้างเป็นหนังในปี 2016 แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า Doctor Strange ถูกวางแผนสร้างเป็นหนังมาตั้งแต่ต้นยุค 90 โดยในปี 1992 เวส คราเวน (Wes Craven) จากเรื่อง Scream ถูกวางตัวให้นั่งแท่นกำกับ ต่อมาในปี 2001 เดวิด เอส. กอเยอร์ (David S. Goyer) ผู้เขียนบทจากเรื่อง The Dark Knight ถูกวางตัวให้กำกับและเขียนบท ต่อมา กิลเลอร์โม เดล โตโร (Guillermo del Toro) ก็ถูกหมายตาเมื่อปี 2008 จนในที่สุดเก้าอี้ผู้กำกับก็ตกเป็นของ สก็อตต์ เดอร์ริคสัน (Scott Derrickson) จากหนังสยองขวัญ Sinister และ Deliver Us from Evil
ซึ่งความยุ่งเหยิงที่เกิดจากการบิดเบี้ยวมัลติเวิร์สของดอกเตอร์สเตรนจ์ ที่เป็นผลกระทบมาจาก Spider-Man: No Way Home, ซีรีส์ WandaVision และซีรีส์ Loki กำลังจะส่งผลให้เห็นใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness ที่จะเข้าฉายในเมืองไทย 5 พฤษภาคม 2022 แน่นอนว่ามีการเชื่อมโยงเข้าสู่เรื่องราวมากมาย ทั้งยังมีการคาดเดาว่าเราอาจจะได้เห็นเหล่ากลุ่มผู้นำอิลลูมินาติ (Illuminati) ปรากฏตัวในหนังเรื่องนี้ก็เป็นได้ ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องมาติดตามพร้อมกันตอนที่หนังเข้าฉาย
ภาพจาก Marvel
5. ฐานปฏิบัติการ ดอกเตอร์สเตรนจ์
ภาพจาก Marvel
6. ครูฝึกของดอกเตอร์สเตรนจ์
ในตัวอย่างหนัง Doctor Strange เราได้เห็นตัวละครหัวโล้นที่รับบทโดย ทิลด้า สวินตัน (Tilda Swinton) ซึ่งนั่นคือ ดิ เอนเชียน วัน (The Ancient One) ผู้มีบทบาทในฐานะครูฝึกของ ดร.สเตรนจ์ โดยในฉบับหนังสือการ์ตูน ดิ เอนเชียน วัน เป็นตัวละครเพศชายเชื้อสายเอเชีย ที่ต้องการปั้นให้ ดร.สเตรนจ์ สืบทอดตำแหน่งจอมเวทย์สูงสุด ผู้ปกป้องมวลมนุษย์จากภัยคุกคามเหนือธรรมชาติ
ภาพจาก Marvel
7. บารอน มอร์โด ศัตรูของด็อกเตอร์สเตรนจ์
ในฉบับหนังสือการ์ตูน บารอน มอร์โด คืออดีตเพื่อนรักของ ดร.สเตรนจ์ ที่ถูกด้านมืดครอบงำเพราะความกระหายอำนาจ โดยเขาต้องการสังหาร ดิ เอนเชียน วัน ที่เป็นอาจารย์ของตัวเอง ซึ่งในเวอร์ชั่นหนัง ชิวีเทล เอจิโอฟอร์ (Chiwetel Ejiofor) จะรับบทเป็น บารอน มอร์โด และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นพันธมิตรกับ ดร.สเตรนจ์ ในช่วงแรกเริ่ม
ภาพจาก Marvel
ภาพจาก Marvel
ภาพจาก Marvel
8. หว่อง มือขวาของดอกเตอร์สเตรนจ์
มือขวาคนสำคัญของ ดร.สเตรนจ์ คือคาแรกเตอร์ที่ชื่อว่า หว่อง ซึ่งรับบทโดย เบเนดิกต์ หว่อง (Benedict Wong) ที่ได้รับมอบหมายจาก ดิ เอนเชียน วัน ให้เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแล ดร.สเตรนจ์ และถึงแม้เขาจะไม่มีความสามารถด้านการใช้เวทมนตร์ แต่เขาเป็นคนมีความรู้ในศาสตร์ลึกลับ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ไม่แพ้ใคร
ภาพจาก Marvel
9. ดอกเตอร์สเตรนจ์ ไม่ใช่คนแปลกหน้า
แม้นี่เป็นครั้งแรกที่ ดร.สเตรนจ์ จะได้ปรากฏตัวในจักรวาลมาร์เวล แต่เบาะแสของเขาซ่อนตัวอยู่ในหนังเรื่องต่าง ๆ มาแล้วหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ในหนังเรื่อง Thor เราได้เห็น The Orb of Agamotto ของวิเศษประจำกาย ดร.สเตรนจ์ อยู่ในกรุสมบัติของโอดิน หรือในเรื่อง Thor: The Dark World ก็มีคำว่า The Crossroads สถานที่สำคัญใน Doctor Strange เขียนอยู่บนกระดานดำของเซลวิก ส่วนในเรื่อง Captain America: The Winter Soldier ชื่อของ ดร.สเตรนจ์ ก็ถูกพูดถึงว่าถูกหมายหัวจากกลุ่มไฮดร้า
ภาพจาก The Orb of Agamotto
10. เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ เกือบไม่ใช่ดอกเตอร์สเตรนจ์
เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ (Benedict Cumberbatch) เกือบไม่ได้รับบท ดร.สเตรนจ์ เพราะเขาต้องแสดงละครเวทีเรื่อง Hamlet ในลอนดอน แต่เมื่อตารางเข้าฉายของ Doctor Strange ถูกเลื่อนจากเดือนกรกฎาคม 2016 ออกไปเป็นพฤศจิกายน 2016 โอกาสของเขาจึงกลับมาอีกครั้ง ซึ่งความจริง เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ คือตัวเลือกเดียวที่ Marvel คิดว่าใช่ และยอมเลื่อนกำหนดการเพื่อดึงเขามาร่วมงานโดยเฉพาะ
ภาพจาก Marvel
11. Doctor Strange เกือบสร้างเป็นหนังหลายครั้งแล้ว
แม้ถูกสร้างเป็นหนังในปี 2016 แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า Doctor Strange ถูกวางแผนสร้างเป็นหนังมาตั้งแต่ต้นยุค 90 โดยในปี 1992 เวส คราเวน (Wes Craven) จากเรื่อง Scream ถูกวางตัวให้นั่งแท่นกำกับ ต่อมาในปี 2001 เดวิด เอส. กอเยอร์ (David S. Goyer) ผู้เขียนบทจากเรื่อง The Dark Knight ถูกวางตัวให้กำกับและเขียนบท ต่อมา กิลเลอร์โม เดล โตโร (Guillermo del Toro) ก็ถูกหมายตาเมื่อปี 2008 จนในที่สุดเก้าอี้ผู้กำกับก็ตกเป็นของ สก็อตต์ เดอร์ริคสัน (Scott Derrickson) จากหนังสยองขวัญ Sinister และ Deliver Us from Evil
ภาพ สก็อตต์ เดอร์ริคสัน ผู้กำกับ และ เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ ภาพจาก Marvel
ซึ่งความยุ่งเหยิงที่เกิดจากการบิดเบี้ยวมัลติเวิร์สของดอกเตอร์สเตรนจ์ ที่เป็นผลกระทบมาจาก Spider-Man: No Way Home, ซีรีส์ WandaVision และซีรีส์ Loki กำลังจะส่งผลให้เห็นใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness ที่จะเข้าฉายในเมืองไทย 5 พฤษภาคม 2022 แน่นอนว่ามีการเชื่อมโยงเข้าสู่เรื่องราวมากมาย ทั้งยังมีการคาดเดาว่าเราอาจจะได้เห็นเหล่ากลุ่มผู้นำอิลลูมินาติ (Illuminati) ปรากฏตัวในหนังเรื่องนี้ก็เป็นได้ ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องมาติดตามพร้อมกันตอนที่หนังเข้าฉาย
ขอบคุณข้อมูลจาก We Got This Covered, Moviepilot, IMDb
ขอบคุณภาพจาก Marvel.com