Fast & Furious หนังแอ็คชั่นสุดมันส์ที่มาพร้อมกับความเร็ว พาผู้ชมไปซิ่งมาแล้วทั้งหมด 7 ภาค และตอนนี้แฟน ๆ กำลังตื่นเต้นกับการถึงของภาค 8 อย่าง The Fate of the Furious ซึ่งเพื่อเป็นการต้อนรับหนังภาคใหม่ที่เข้าฉายอยู่ตอนนี้ เราได้รวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ Digital Spy มาเป็น 15 เรื่องน่าสนใจจากหนังชุด Fast & Furious ที่คุณอาจไม่เคยทราบมาก่อน มาดูกันว่าเบื้องหลังความสนุกของแต่ละภาค มีเรื่องเด็ด ๆ อะไรซ่อนอยู่บ้าง
2. พอล วอล์คเกอร์ (Paul Walker) ไม่ใช่ตัวเลือกแรกสำหรับบท ไบรอัน โอ คอนเนอร์ เพราะก่อนหน้านั้นมีนักแสดงหลายคนที่ถูกพิจารณา เช่น เอมิเน็ม (Eminem), คริสเตียน เบล (Christian Bale) รวมถึง มาร์ค วอห์ลเบิร์ก (Mark Wahlberg)
3. วิน ดีเซล ปฏิเสธข้อเสนอจาก Universal Studios เป็นมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะไม่อยากกลับมาเล่นหนังภาค 2 โดยเขาเปิดใจเมื่อปี 2015 ว่าทางสตูดิโอไม่สนใจว่า 2 Fast 2 Furious จะต่อเนื่องจากภาคแรกหรือไม่ พวกเขาแค่เขียนเรื่องออกมาแล้วแปะชื่อ Fast & Furious ทับไปเท่านั้นเอง
4. Universal Studios เตรียมบทสำหรับภาค 2 Fast 2 Furious เอาไว้ 2 ชุด ชุดแรกมีบทของ วิน ดีเซล ส่วนอีกชุดสำรองไว้เผื่อ วิน ดีเซล ไม่ยอมกลับมา ซึ่งผลสุดท้าย วิน ดีเซล ก็ไม่กลับมาร่วมแสดงจริง ๆ
5. หนังภาค 3 ที่ชื่อว่า Tokyo Drift ไม่ค่อยประสบความสำเร็จจากการฉายรอบทดลอง ดังนั้น Universal ได้ขอให้ วิน ดีเซล กลับมาร่วมแสดงรับเชิญในช่วงท้าย เพื่อเป็นแม่เหล็กดูดรายได้บน Box Office แต่ถึงอย่างนั้น วิน ดีเซล ยื่นขอเสนอว่าเขาจะกลับมาภายใต้ 1 เงื่อนไขคือ Universal ต้องมอบสิทธิ์สร้างหนัง Riddick ให้กับเขา ซึ่งทางค่ายก็ตอบตกลง ส่วนเขาก็ได้สร้างหนัง Riddick เวอร์ชั่นของตัวเองในปี 2013
6. ผู้กำกับ จอห์น ซิลเกิลตัน (John Singleton) อยากได้แร็พเปอร์หนุ่ม จา รูล (Ja Rule) กลับมารับบท เอ็ดวิน ในหนังภาค 2 แต่เขาขอปฏิเสธเพราะอยากเล่นหนังเรื่องอื่นมากกว่า ซึ่งภายหลังตัวละครดังกล่าวถูกแทนที่โดย เทจ ปาร์คเกอร์ คาแรคเตอร์ใหม่ซึ่งรับบทโดยแร็พเปอร์อีกคนอย่าง ลูดาคริส (Ludacris) ที่ยังมีบทบาทจนถึงทุกวันนี้
7. จัสติน ลิน (Justin Lin) คว้าตัวนักแสดงเชื้อสายเกาหลี ซุง กัง (Sung Kang) มาสวมบทเป็น ฮาน ในภาค Tokyo Drift และหลังจากนั้นอีก 3 ภาค อย่างไรก็ตามเขาเคยสวมบทเป็นตัวละครชื่อ ฮาน มาแล้วในหนังเรื่อง Better Luck Tomorrow ซึ่งเป็นหนังของผู้กำกับ จัสติน ลิน เช่นกัน แน่นอนว่าทั้งสองตัวละครไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด
8. โฉมหน้าของสองวายร้าย เวจห์ กับ เดวิด ชอว์ เกือบไม่ใช่อย่างที่เราเห็นในหนัง เพราะก่อนหน้านั้นนักร้องสาวชาวอังกฤษ ซาราห์ ฮาร์ดิง (Sarah Harding) จากวง Girls Aloud เคยถูกวางตัวให้รับบทนักฆ่าสาว เวจห์ ก่อนที่บทดังกล่าวจะตกเป็นของ คลาร่า พาเก็ต (Clara Paget) ขณะที่ เดวิด เทนนันต์ (David Tennant) จากซีรีส์ Doctor Who เคยถูกทาบให้รับบทวายร้าย โอเว่น ชอว์ แต่กลับกลายเป็น ลุค อีแวนส์ (Luke Evans) ที่สวมบทนี้แทน
9. หลังจาก พอล วอล์คเกอร์ เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทีมงานต้องแก้ปัญหาให้ได้ว่าจะนำเขากลับมาเล่นหนังภาค 7 ต่อให้จบได้อย่างไร ซึ่งคำตอบคือการนำใบหน้าและเสียงจากภาคก่อนของพอล มาผสานกับการสร้างภาพด้วยวิชวลเอฟเฟกต์ จากนั้นจึงนำใบหน้าที่ได้ไปใส่บนร่างกายของน้องชายแท้ ๆ อย่าง โคดี้ วอล์คกอร์ (Coby Walker) และเคเลบ วอล์คเกอร์ (Caleb Walker) ที่ขอรับหน้าที่สแตนอินแทนพี่ชายนั่นเอง
11. ช่วงท้ายของหนังภาค 6 ในฉากที่ ฮอบส์ เดินเข้ามาในงานปาร์ตี้ของ ดอม เราได้ยินฮอบส์เล่นมุขเกี่ยวกับหน้าผากของ โรมัน ซึ่งฉากนี้ เดอะร็อค ด้นสดขึ้นมาเอง ซึ่งสิ่งที่ยอดเยี่ยมคือการที่คนถูกแซวอย่าง ไทรีส กิ๊บสัน (Tyrese Gibson) ยังคงเนียนเล่นบทของตัวเองต่อไป ทำให้ฉากนี้ออกมาตลกหน้าตายที่สุด
12. แม้จะเป็นตัวละครเด่นด้วยกันทั้งคู่ แต่ไม่น่าเชื่อว่า ไบรอัน กับ เล็ตตี้ ไม่เคยมีบทสนทนากันจนกระทั่งถึงภาค 6
13. จีเซล ตัวละครของ กัล กาดอท (Gal Gadot) เสียชีวิตไปตั้งแต่ภาค 6 แต่เธอก็ถ่ายทำฉากสำหรับภาค 7 เตรียมไว้เรียบร้อย โดยฉากดังกล่าวเป็นฉากย้อนความทรงจำของเล็ตตี้ ที่นึกถึงจีเซลว่าเป็นคนนำเธอมาส่งที่โรงพยาบาล ซึ่งน่าเสียดายที่ฉากดังกล่าวถูกตัดออกจากหนัง
14. วินซ์ เพื่อนซี้คนเก่าของดอม กลับมาอีกครั้งในหนังภาค 5 หลังจากหายหน้าไปถึง 4 ภาค ซึ่งการกลับครั้งนี้ทีมงานก็ไม่ลืมสานต่อรายละเอียดเล็ก ๆ ด้วยการสร้างรอยแผลเป็นที่แขนของเขา เป็นผลจากการที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส จากเหตุการณ์ปล้นรถบรรทุกในภาคแรก
15. Furious 7 พาเราไปพบกับฉากที่ ฮอบส์ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งเขากำลังชมการแข่งขันรักบี้ระดับมหาวิทยาลัยอยู่ในห้อง โดยฉากนี้หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า เกมที่เขากำลังชมอยู่คือเกมที่เดอะร็อคลงแข่งจริง ๆ ให้กับมหาวิทยาลัยไมอามี่ ซึ่งตอนนั้นเขาสวมเสื้อหมายเลข 94
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Fast & Furious