x close

10 เรื่องเบื้องหลัง The Shape of Water จากรักอมตะสู่หนังยอดเยี่ยมแห่งปี

The Shape of Water

The Shape of Water

The Shape of Water

The Shape of Water

          ชวนอ่าน 10 เกร็ดน่ารู้ The Shape of Water ตำนานรักอมตะ เจ้าของรางวัลหนังยอดเยี่ยมออสการ์ 2018 พ่วงผู้กำกับยอดเยี่ยม กิลเลอร์โม เดล โตโร

          ไม่พูดถึงไม่ได้แล้วในตอนนี้ สำหรับ The Shape of Water เจ้าของรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีรางวัลออสการ์ 2018 พ่วง 3 รางวัลใหญ่ ผู้กำกับยอดเยี่ยม ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าเป็นผลงานที่เกินความคาดหมายก็ว่าได้ ซึ่งก่อนหน้านี้หนัง The Shape of Water เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ถูกจับตามองมากที่สุดในปี 2017 และก่อนหน้านี้ก็ตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่แฟนหนังชาวไทยในเรื่องการเข้าฉายในโงภาพยนตร์ ถึงขั้นมีการเรียกร้องให้เพิ่มรอบฉายให้สมกับเป็นหนังตัวเต็งผู้เข้าชิงรางวัลจากทุกเวทีใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์

          แน่นอนว่าถึงตอนนี้หนัง The Shape of Water ก็กวาดรางวัลใหญ่มาเกือบทุกเวทีไม่ใช่แค่เพียงเวทีออสการ์ 2018 ร่วมถึง 3 สาขาจากเวที BAFTA Awards 2018, 2 สาขาจากเวที ลูกโลกทองคำ 2018, รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวที DGA Awards 2018 (Directors Guild of America) ฯลฯ
 
          วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยถือโอกาสหยิบข้อมูลจากเว็บไซต์ Buzzfeed และเว็บไซต์ Hello Giggles มาให้ทุกคนได้อ่านดับอารมณ์ร้อนกันด้วย 10 เรื่องเบื้องหลังน่ารู้ของรักละมุนใต้น้ำ The Shape of Water บอกได้คำเดียวเลยว่า กว่าจะเสร็จสมบูรณ์เป็นหนังยอดเยี่ยมอย่างทุกวันนี้ได้ มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ

          1. The Shape of Water คือภาพยนตร์ดราม่า-แฟนตาซี บอกเล่าเรื่องราวช่วงสงครามเย็นปี 1962 ในสถาบันวิจัยลับแห่งหนึ่ง ณ เมืองบัลติมอร์ จุดเริ่มต้นความรักต้องห้ามผิดธรรมชาติของภารโรงสาวใบ้ เอลิซ่า เอสโปซิโต เมื่อครั้งเธอได้พบกับ พรายน้ำหนุ่ม สิ่งมีชีวิตครึ่งบกครึ่งน้ำตัวทดลองสำคัญของรัฐบาล หลังจากได้เริ่มทำความรู้จักและสื่อสารกันได้อย่างเข้าใจโดยไม่ต้องใช้คำพูดใด ๆ ทำให้มิตรภาพดี ๆ ระหว่างทั้งสองเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นความรัก ตามมาด้วยภารกิจเสี่ยงตายเพื่อชิงตัวและปล่อยให้อมนุษย์ที่เธอรักสุดหัวใจได้เป็นอิสระ

The Shape of Water

          2. อ้างอิงจากเว็บไซต์ IMDb ล่าสุด The Shape of Water เดินหน้าทำสถิติ เข้าชิงรางวัลมากถึง 257 สาขาทั่วโลก และคว้าชัยชนะมาแล้วกว่า 84 รางวัลด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในรางวัลที่น่าภาคภูมิใจก็คือ รางวัลสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม จากเวทีลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 75 ทั้งยังติดโผรายชื่อผู้เข้าชิงในเวทีรางวัล BAFTA Awards 2018 กว่า 12 สาขา รวมถึงเป็นผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 90 มากถึง 13 สาขาเลยทีเดียว

The Shape of Water

          3. ถ่ายทอดความรักชวนฝันโดยผู้กำกับ กิลเลอร์โม เดล โตโร (Guillermo del Toro) ผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม ร่วมด้วย แซลลี่ ฮอว์กินส์ (Sally Hawkins) ผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และ ดั๊ก โจนส์ (Doug Jones) ผู้เคยร่วมงานแสดงเป็นสัตว์ประหลาดมากหน้าหลายตาในงานของ กิลเลอร์โม เดล โตโร อาทิ Mimic, Crimson Peak, Pan\'s Labyrinth และ Hellboy

The Shape of Water

          4. กิลเลอร์โม เดล โตโร เริ่มสร้าง The Shape of Water ตั้งแต่ปี 2011 จากไอเดียที่บังเอิญปิ๊งขึ้นมาระหว่างมื้อเช้ากับ แดเนียล เคราส์ (Daniel Kraus) นักเขียนผู้เคยร่วมงานเขียนหนังสือ Trollhunters ด้วยกัน โดยเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสยองขวัญสุดคลาสสิกเรื่องโปรด Creature from the Black Lagoon (1954)

The Shape of Water

          5. ก่อนหน้านี้ กิลเลอร์โม เดล โตโร เคยเสนอโปรเจคท์สร้างหนังภาคต่อของ Creature from the Black Lagoon หวังสานต่อเรื่องราวจากภาคต้นฉบับให้นางเอกและเจ้าสัตว์ประหลาดลงเอยกันด้วยดี แต่ก็ถูก ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ปฏิเสธทิ้งไปอย่างไม่ไยดี

The Shape of Water

          6. ในตอนแรก กิลเลอร์โม เดล โตโร ตั้งใจสร้าง The Shape of Water ให้เป็นภาพยนตร์ขาว-ดำ แต่สตูดิโอผู้ควบคุมการผลิต Fox Searchlight Pictures บอกเขาว่า ถ้าคุณจะทำหนังขาว-ดำ คุณจะได้ทุนสร้าง 16.5 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ถ้าสร้างหนังโทนสีปกติ คุณจะได้ทุนสร้าง 19.5 ล้านเหรียญสหรัฐ


The Shape of Water

          7. The Shape of Water คือโปรเจคท์หนังที่ กิลเลอร์โม เดล โตโร ทุ่มทุนทั้งแรงกายแรงใจ และด้วยงบที่จำกัดเขาจึงทุ่มแรงเงินส่วนตัวกว่า 200,000 เหรียญสหรัฐ สมทบทุนการสร้างอย่างไม่ลังเล นอกจากนี้ เขายังสละตำแหน่งผู้กำกับหนังแอ็คชั่น-ไซไฟอันโด่งดัง Pacific Rim: Uprising เพื่อเอาเวลาทั้งหมดในส่วนนั้นมาโฟกัสกับหนังรักพรายน้ำเรื่องนี้ (แต่สุดท้ายก็กลับไปดูแลงาน Pacific Rim: Uprising ในฐานะโปรดิวเซอร์อยู่ดี)

The Shape of Water

          8. ผู้อยู่เบื้องหลังก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นสองผู้กำกับเพื่อนซี้สัญชาติเดียวกันอย่าง อัลฟอนโซ่ คัวรอน (Alfonso Cuarón) จาก Gravity และ อเลฮานโดร กอนซาเลซ อินาริตู (Alejandro González Iñárritu) จาก The Revenant ที่สนับสนุนให้ กิลเลอร์โม เดล โตโร เดินหน้าลุยโปรเจคท์ The Shape of Water อย่างเต็มที่ แถมยังพาเขาไปแนะนำให้รู้จักกับ แซลลี่ ฮอว์กินส์ อีกด้วย

The Shape of Water


          9. ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตที่ แซลลี่ ฮอว์กิน เคยแต่งนิยายเล่น ๆ เกี่ยวกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่รู้ตัวว่าเธอเคยเป็นนางเงือกมาก่อน ซึ่ง กิลเลอร์โม เดล โตโร ก็แอบขอหยิบไอเดียจากเรื่องราวของเธอ อย่างเช่น รอยแผลเป็นบริเวณคอของนางเอก และการใส่เกลือจำนวนมหาศาลลงอ่างในห้องน้ำให้เป็นที่อยู่ใหม่ของเงือกสาว มาใส่ใน The Shape of Water นั่นหมายความว่า แซลลี่ ฮอว์กินส์ ก็มีส่วนร่วมสำคัญในการสร้างพล็อตเรื่องเช่นกัน

The Shape of Water

          10. ดั๊ก โจนส์ ใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงด้วยกันสำหรับการสวมชุดพรายน้ำเพื่อเข้าฉากในแต่ละครั้ง เริ่มต้นจากทีมงานสี่คนต้องช่วยนักแสดงหนุ่มสวมชุดรัดรูปขนาดพอดีตัวที่ทำมาจากยางชนิดหนึ่ง เสร็จแล้วค่อยติดส่วนถุงมือพังผืดด้วยกาว ปิดท้ายด้วยการสวมหมวกคลุมช่วงศีรษะจนถึงลำคอที่ติดตั้งระบบกลไกเอาไว้ให้ทีมงานบังคับควบคุมให้ส่วนครีบของมันขยับได้ขณะถ่ายทำ

          หวังว่าเกร็ด 10 ข้อที่เรารวบรวมมาให้วันนี้จะทำให้ทุกคนรู้จัก The Shape of Water หนังยอดเยี่ยม 2018 เรื่องนี้กันมากขึ้น และสำหรับใครที่พลาดชมหนังเรื่องนี้ไปก่อนหน้านี้ ลองเช็กรอบฉายกับโรงภายนตร์ในเครือ Major Cineplex และ SF Cinema ดู เนื่องจากหนังจะเข้าฉายเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองรางวัลออสการ์

The Shape of Water

The Shape of Water

The Shape of Water

The Shape of Water

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 เรื่องเบื้องหลัง The Shape of Water จากรักอมตะสู่หนังยอดเยี่ยมแห่งปี อัปเดตล่าสุด 7 มีนาคม 2561 เวลา 15:00:02 9,239 อ่าน
TOP