ด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์จากการผสมผสานความเป็นชนเผ่าพื้นเมืองให้เข้ากับความล้ำสมัยได้อย่างลงตัว ทั้งมัน ทั้งฮา และดราม่า ครบรส จากทีมนักแสดงมากฝีมือ การันตีคุณภาพด้วยการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งอันดับหนึ่งของหนังทำเงินสัปดาห์เปิดตัวสูงสุดตลอดกาลประจำเดือนกุมภาพันธ์ บนศึกสังเวียน Box Office เชื่อเลยว่าวินาทีนี้ใคร ๆ ก็ต้องตกเป็นทั้งทาสทั้งสนมของราชาเสือดำ ที ชัลล่า แล้วติดแฮชแท็ก #ทีมฝ่าบาท พร้อมตะโกน "วากานดาจงเจริญ (Wakanda Forever)" กันถ้วนหน้าเลยทีเดียว
ทั้งนี้ เราขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า เนื้อหาหลังจากนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับชมภาพยนตร์เพราะจะมีการพูดถึงเรื่องราวในหนัง Black Panther อยู่พอสมควร แต่หากใครมีภูมิคุ้มกันการสปอยล์สูงและตีตั๋วเยี่ยมชมเมืองวากานดามาแล้ว ก็เชิญไปพบกับ 11 ไข่อีสเตอร์กันได้เลย
1. เทพีบาสต์ (Bast goddess) เทพีเสือดำแห่งวากานดาและเทพีแมวแห่งอียิปต์โบราณ
จากตอนต้นที่หนังพาย้อนกลับไปยังประวัติศาสตร์ประเทศวากานดามีการอ้างถึง "เทพีบาสต์" เทพีเสือดำผู้ชี้นำแหล่งกำเนิดของสมุนไพรรูปหัวใจ อันเป็นที่มาของพลังวิเศษให้กับ บาเชนก้า (Bashenga) แบล็ค แพนเธอร์ คนแรกของวากานดา ในขณะที่เทพีบาสต์ในความเป็นจริง คือเทพเจ้าแห่งความรักและความอุดมสมบูรณ์ มีกายเป็นมนุษย์และมีหัวเป็นแมวตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณผู้นับถือแมวเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ช่วยกำจัดหนูร้ายประจำบ้านเรือนนั่นเอง
2. ดีจาเลีย (Djalia) ดินแดนแห่งความทรงจำ
ทุ่งหญ้ากว้างประดับด้วยแสงออโรร่าสีม่วงสลับน้ำเงินอันสวยงามที่ฝ่าบาท ที ชัลล่า ได้ย้อนกลับไปพบเจอกับเหล่าบรรพบุรุษ คือสถานที่ที่เรียกว่า "ดีจาเลีย" ดินแดนลึกลับในอีกห้วงมิติหนึ่งอันเป็นจุดรวบรวมความทรงจำของชาววากานดาในฉบับคอมมิค ทั้งยังเป็นที่ที่ ชูรี ได้รับการฝึกฝนและเรียนรู้วิชาจากดวงวิญญาณของพระมารดาโรแมนด้าหลังถูกวายร้ายคาบาลคร่าชีวิต ซึ่ง ที ชัลล่า จะเดินทางมาพร้อมกับสหายผู้ช่วยชุบชีวิตให้กับเธอในภายหลัง
3. ที่มาของหน้ากากคิลมอนเกอร์ (Killmonger)
หากพูดถึงหน้ากากที่แฟน ๆ ลงความเห็นว่าเท่และคูลที่สุดในหนัง แน่นอนว่าต้องเป็นหน้ากากชนเผ่าโบราณของ อีริค คิลมอนเกอร์ และเหมือนว่าทีมงานฝ่ายคอสตูมจะได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากหน้ากากในฉบับคอมมิคสองแบบด้วยกันคือ หน้ากากที่อีริคใส่ในระหว่างการต่อสู้กับที ชัลล่า ในตอนต้นของหนังสือการ์ตูน Black Panther Vol.37 และหน้ากากของ เมฟิสโต (Mephisto) หนึ่งในตัวละครปีศาจร้ายของมาร์เวล ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน Silver Sufer Vol.3 เมื่อปี 1968
4. มนุษย์วานรแมน-เอป (Man-Ape) ในร่าง เอ็ม บากู (M\'Baku)
หัวหน้าเผ่าจาบารี เอ็ม บากู ในฉบับคอมมิคคือชายร่างยักษ์ผู้สวมชุดขนสัตว์ของเทพเจ้ากอริลลาเผือก เคอเกร้ (Ghekre) จึงได้รับสมญานามเป็นที่เรียกขานของทุกคนว่า "มนุษย์วานร หรือ แมน-เอป" หากแต่เอ็ม บากู ฉบับภาพยนตร์ถูกแปลงโฉมให้เข้ากับยุคสมัยและผู้คนของวากานดาในปัจจุบันมากขึ้นและไม่มีการเอ่ยถึงชื่อ แมน-เอป หรือเทพเจ้าลิงเผือกแม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรก็ดี ผู้กำกับไรอัน คูเกลอร์ ก็ยังรักษาคาแรคเตอร์ตัวละครฉบับคอมมิคเอาไว้โดยการให้เอ็ม บากู ใส่หน้ากากวานร เรียกตัวเองว่าเป็นหนุมาน และอาศัยอยู่ในถ้ำที่มีรูปสัญลักษณ์ของวานรยักษ์ตระหง่านอยู่อย่างชัดเจน
ภาพจาก Marvel
5. อาวุธจาก คลอว์ (Klaw) ฉบับคอมมิคสู่ คลอว์ (Klaue) ฉบับภาพยนตร์
ในฉบับคอมมิค ยูลีเซส คลอว์ ถือเป็นวายร้ายตัวเป้งอีกตัวทั้งในจักรวาลมาร์เวล เพราะนอกจากจะเป็นผู้สังหารชีวิตกษัตริย์ที ชาก้า และได้สู้รบตบมือกับ ที ชัลล่า อยู่หลายครั้ง ภายหลังเขายังกลายร่างเป็นมนุษย์เสียง โซลิด ซาวด์ (Solid Sound) พร้อมอาวุธแขนจักรกลที่สามารถโจมตีศัตรูด้วยคลื่นเสียงขนาด 170 เดซิเบล (พลังทำลายล้างเท่ากับระเบิด TNT จำนวน 1.3 ตัน) แถมยังไม่จำเป็นต้องกินต้องนอนและยากที่จะโดนโจมตีให้ได้รับรอยขีดข่วนบาดเจ็บใด ๆ อีกด้วย
แต่ในฉบับภาพยนตร์ เรากลับไม่ได้เห็นฝีมือชาญฉกาจจากวีรกรรมกระฉ่อนโลกอย่างฉากบุกเข้าชิงแร่ไวเบรเนียมในวากานดา หรือฉากปะทะต่อสู้กับที ชัลล่า แถมชีวิตของตัวร้าย ยูลีเซส คลอว์ ยังถูกปิดฉากลงง่าย ๆ หลงเหลือแต่เพียงแขนจักรกลชิ้นใหม่เพียงเท่านั้นที่ถูกอิงมาจากคาแรคเตอร์ฉบับคอมมิค
"แบบในหนังอเมริกันเก่า ๆ ที่ท่านพ่อเคยดู" คือประโยคที่ ชูรี ใช้อธิบายรองเท้าคู่ใหม่ของฝ่าบาทที ชัลล่า ซึ่งหนังอเมริกันเก่า ๆ เรื่องนั้นก็คือภาพยนตร์ผจญภัย-ไซไฟเรื่อง Back to the Future 2 สุดโด่งดังของสตีเฟ่น สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ออกฉายเมื่อปี 1989 เกี่ยวกับการใช้ไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปแก้ไขปัญหาในอดีตของเด็กหนุ่มคนหนึ่งด้วยการช่วยเหลือของเพื่อนนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องต่างวัย ที่ชูรีหยิบไอเดียเกี่ยวกับระบบผูกเชือกรองเท้าอัตโนมัติจากรองเท้า Nike Mag ของตัวเอกมาดัดแปลงเป็นรองเท้า เจ้าตีนแมว ระบบสวมใส่อัตโนมัติอย่างที่เราได้เห็นกัน
7. จากหนังออสการ์ Moonlight สู่หนังยอดฮิต Black Panther
ด้วยความที่ผู้กำกับไรอัน คูเกลอร์ ชื่นชมและชื่นชอบภาพยนตร์เรื่อง Moonlight เจ้าของรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2017 ผลงานจากเพื่อนผู้กำกับคนสนิท แบร์รี่ เจนกินส์ (Barry Jenkins) เป็นอย่างมาก เจ้าตัวก็เลยแอบยืมตัว อเล็กซ์ ฮิบเบิร์ต (Alex Hibert) นักแสดงเด็กผู้รับบทนำใน Moonlight มาร่วมแสดงในหนังของเขาด้วย โดย อเล็กซ์ ฮิบเบิร์ต คือตัวละครเด็กในสนามบาสเกตบอลที่เดินเข้ามาถามฝ่าบาทที ชัลล่า ว่า "คุณเป็นใคร" หลังจากเห็นยานอวกาศสุดล้ำสมัยนั่นเอง
ภาพจาก 24
สำหรับแฟน ๆ ที่เข้าไปส่องอินสตาแกรม atandwakani ของนักแสดง อาแทนดวา คานี (Atandwa Kani) ผู้รับบทเป็นกษัตริย์ที ชาก้า วัยหนุ่ม แล้วพบภาพเจ้าตัวถ่ายรูปกับ จอห์น คานี ผู้รับบทเป็นกษัตริย์ที ชาก้า วัยชราอย่างสนิทสนมมากมายหลายรูปก็ไม่ต้องแปลกใจกันไป เพราะนักแสดงทั้งสองคนนี้คือพ่อลูกสายเลือดเดียวกันแท้ ๆ ในชีวิตจริง
ภาพจาก อินสตาแกรม AtandwaKani
9. อาชญากรร้าย เฮลมัต ซีโม (Helmut Zemo)
ในฉากโทรทัศน์รายงานข่าวการเสด็จสวรรคตของกษัตริย์ที ชาก้า นอกจากจะใช้ตัวผู้ประกาศจริงจากช่อง BBC World ลูซี่ ฮอคคิงส์ (Lucy Jockings) ก็ยังมีรูปภาพประกาศจับของ เฮลมัต ซีโม คู่ปรับของกัปตันอเมริกาจาก Captain America: Civil War แอบร่วมฉากในฐานะผู้ต้องหาคดีสังหารกษัตริย์ที ชาก้า ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย อีกด้วย
10. ทำไมต้องโอ๊คแลนด์ แคลิฟอร์เนีย ?
สถานที่สำคัญนอกเหนือจากประเทศวากานดาก็คือ เมืองโอ๊คแลนด์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่พักอาศัยของเอ็น โจบู (N\' Jobu) พระอนุชาของกษัตริย์ที ชาก้า รวมถึงบ้านเกิดของอีริค คิลมองเกอร์ แต่รู้หรือไม่ว่า ไรอัน คูเกลอร์ ตั้งใจเจาะจงเลือกโอ๊คแลนด์เป็นสถานที่ถ่ายทำโดยเฉพาะเพราะนอกจากจะเป็นบ้านเกิดของผู้กำกับคนเก่งแล้ว ยังเป็นสถานที่ก่อตั้งพรรคการเมืองแบล็ค แพนเธอร์ เมื่อปี 1966 ที่ก่อตั้งหลังจากมาร์เวลเปิดตัวฝ่าบาทที ชัลล่า ในหนังสือการ์ตูน Fantastic Four Vol.52 เพียงไม่กี่สัปดาห์
11. คุณปู่สแตน ลี (Stan Lee) คนดีคนเดิม
ได้ฤกษ์เปิดตัวซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่อย่างยิ่งใหญ่ทั้งที มีหรือที่เจ้าพ่อการ์ตูนมาร์เวลจะไม่มาร่วมแสดงความยินดีกับฝ่าบาทที ชัลล่า ของเราด้วย โดยในคราวนี้คุณปู่สแตน ลี ของเราแอบโดดมาร่วมแจมในฉากบ่อนกาสิโนในเมืองปูซาน ประเทศเกาหลี ใต้ ด้วยบทบาทนักเล่นพนันที่ฮุบเหรียญของที ชัลล่า ไปเป็นของตัวเอง หลังจากที่ราชาเสือดำจบบทสนทนากับเจ้าหน้าที่ เอเวอร์เรตต์ รอส ที่โต๊ะพนันรูเล็ตต์
หวังว่าไข่อีสเตอร์ทั้ง 11 จะช่วยทำให้ทุกคนรู้ลึกเรื่องเบื้องหลังของจักรวาลราชาเสือดำกันมากขึ้น และสำหรับแฟน ๆ หน้าใหม่ที่ยังไม่ได้รับชมภาพยนตร์ บอกเลยว่าต้องรีบไปเข้าคิวตีตั๋ว Black Panther แล้วเข้าเฝ้าฝ่าบาทที ชัลล่า กันโดยด่วน เพราะถ้าคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง เราก็ไม่รู้ด้วยนะ !
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Black Panther, Marvel Entertainment
