ชวนดู 6 หนังคุณภาพจากฝีมือการกำกับของ บงจุนโฮ ไม่ใช่ดีเพราะแค่ว่ามีรางวัลการันตี
จากความสำเร็จของ Parasite ที่กวาด 4 รางวัลให้ของเวทีออสการ์ 2020 ประกอบไปด้วย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ส่งผลให้ชื่อของผู้กำกับ บงจุนโฮ (Bong Joon-ho) และผลงานของเขาถูกค้นหาเป็นจำนวนมาก คอหนังหลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยกันดีกับหนังอสุรกายที่เคยสร้างความฮือฮาในเกาหลีกันมาแล้วอย่าง The Host (2006) แต่อาจจะมีบางคนไม่ทราบว่าหนังเรื่องนี้เป็นผลงานของ บงจุนโฮ รวมถึงหนังชื่อดังอย่าง Snowpiercer และ Okja ด้วย ฉะนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมจึงรวบรวมผลงานของผู้กำกับมากความสามารถคนนี้มาฝาก บอกเลยแต่ละเรื่องสนุกเข้มข้น แถมเสียดสีและสะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดีเลย
1. Memories of Murder ฆาตกรรม ความตาย และสายฝน (2003)
ถือเป็นหนังแจ้งเกิดของ บงจุนโฮ อย่างแท้จริง สำหรับ Memories of Murder หนังแนวระทึกขวัญ-อาชญากรรม ที่หยิบเอาเรื่องจริงจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในเขตฮวาซอง จังหวัดคยองกี ประเทศเกาหลี ในช่วงปี 1986-1991 มีจำนวนเหยื่อสูงถึง 10 คน และผู้เสียชีวิตมีอายุระหว่าง 71 ถึง 13 ปี ถูกข่มขืนและฆ่าอย่างไร้ความปรานี มีการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจโดยสองนักสืบ Park Doo-Man และ Jo Young-Goo นำทีมสืบสวน มีผู้ต้องสงสัยกว่า 3,000 นายถูกสอบปากคำ และมีตำรวจอย่างน้อย 300,000 คนเข้าร่วมในการสอบสวนครั้งนี้ แต่ไม่มีสักคนที่ถูกตั้งข้อหา
2. The Host อสูรนรกกลายพันธุ์ (2006)
ถ้า Memories of Murder เป็นหนังแจ้งเกิดของบงจุนโฮ The Host อสูรนรกกลายพันธุ์ ก็เปรียบเสมือนใบเบิกทางที่ทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักกับฝีมือของผู้กำกับชาวเกาหลีคนนี้ขึ้นไปอีก เพราะหนังเรื่องนี้ได้ไปฉายเปิดตัวในเทศกาลหนังเมืองคานส์ และได้รับคำชื่นชมอย่างมากมายจากนักวิจารณ์ ดูเผิน ๆ The Host เหมือนเป็นหนังวิ่งหนีสัตว์ประหลาด-อสุรกายทั่วไป แต่เมื่อมองดูให้ชัดจะเห็นว่าผู้กำกับต้องการเสียดสีการเมืองและระบบสาธารณูปโภคของประเทศเกาหลี พร้อมโจมตีสหรัฐอเมริกา ในประเด็นการปล่อยสารเคมี Formaldehyde หรือที่รูจักกันดีในนาม ฟอร์มาลินที่ใช้ในการดองศพ ทำให้เกิดการปนเปื้อนในแม่น้ำ จนเป็นสาเหตุให้เกิดสัตว์กลายพันธุ์ขึ้นมาไล่ล่าผู้คน เรียกได้ว่าเป็นหนังที่จุดกระแสสังคมเพื่อชี้ให้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
3. Mother (2009)
บงจุนโฮ กลับมาอีกครั้งกับผลงานดราม่าหนักหน่วงอย่าง Mother เรื่องราวของแม่ผู้ทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ลูก ซึ่ง Mother ก็สามารถคว้ารางวัลใหญ่จาก Asian Film Awards มาครองได้ ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
โดจุน ลูกชายวัย 27 ปีที่มีความพิการทางสมองถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร เนื่องจากเขาเป็นคนสุดท้ายที่ได้เจอเด็กสาวผู้เสียชีวิตระหว่างทางกลับบ้าน โดยคดีนี้ถูกพิจารณาอย่างรวดเร็ว และด้วยฐานะที่ยากจน ทำให้การจ้างทนายที่เก่งเป็นเรื่องยาก ส่งผลให้ลูกของเธอไม่สามารถรอดพ้นจากข้อกล่าวหานี้ได้ แต่แม่ผู้ที่ไม่เชื่อว่าลูกตัวเองเป็นฆาตกรก็ไม่ยอมแพ้ ออกตามหาความจริงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับลูกชาย จนนำไปสู่ความสับสนและความจริงที่แสนเจ็บปวด
4. Snowpiercer ยึดด่วน วันสิ้นโลก (2013)
ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของผู้กำกับบงจุนโฮ ที่กระโดดไปร่วมงานกับฝั่งฮอลลีวูด ใน Snowpiercer หนังที่เต็มไปด้วยนักแสดงชื่อดังไม่ว่าจะเป็น คริส อีแวนส์, ทิลดา สวินตัน, เอ็ด แฮริส โดยตัวหนังเล่าถึงช่วงเวลาในปีคริสตศักราช 2031 เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอย่างแท้จริง การใช้ชีวิตก็ยากขึ้น ผู้คนเลยต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดบนรถไฟที่ออกเดินทางรอบโลกอย่างไร้จุดหมาย ซึ่งในจุดที่ยากลำบากที่สุด ก็ยังมีความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้น ทำให้เกิดกลุ่มอภิสิทธิ์ชนและการแบ่งชั้นวรรณะ ถ้าพูดให้เห็นภาพรถไฟขบวนนี้ก็เปรียบเสมือนเรือโนอาห์ดี ๆ นี่เอง ผู้กำกับบงจุนโฮ ยังคงลายเซ็นของตัวเองไว้อย่างชัดเจนในหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเสียดสีในเรื่องการแบ่งชนชั้น ความเท่าเทียม และสังคมทุนนิยม นั่นเอง
5. Okja (2017)
ถือเป็นมิติใหม่ของวงการภาพยนตร์เลยก็ว่าได้ สำหรับการมาของ Netflix บริการสตรีมมิ่งหนังชื่อดังที่ตอนนี้มีผู้ใช้งานไปทั่วโลก ซึ่ง Okja ก็ถือเป็นหนังเรื่องหนึ่งในนั้น โดยในหนังเล่าความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสาวอย่าง มิจา กับเพื่อนรัก โอคจา หมูยักษ์ที่อยู่ในโปรเจกต์ของบริษัทอุตสาหกรรมอาหาร มิรานโด โดยเป็น 1 ในหมู 26 ตัวที่เข้าร่วมโครงการแข่งขันซูเปอร์หมู ซึ่งโอคจาก็เป็นหมูตัวที่ชนะ ทว่าเมื่อถึงเวลาถูกเรียกตัวกลับ มิจา ไม่ยอมสูญเสียเพื่อนที่เธอรักไป เธอจึงทำทุกทางเพื่อพาเพื่อนของเธอกลับบ้าน
ซึ่งต้องบอกเลยว่านอกจากจะเสียดสีประเด็นสังคมเรื่องการดัดแปลงพันธุกรรมในอาหารที่กำลังเติบโต ระบบทุนนิยม และค่านิยมการบริโภคอาหารของมนุษย์แล้ว ผู้กำกับบงจุนโฮ ยังแสดงให้เห็นถึงเบื้องหลังของวงการอาหารว่ามันมีอะไรมากกว่าที่ทุกคนจะนึกถึง โดยหนังได้นักแสดงตัวท็อปจากฝั่งฮอลลีวูดอย่าง ทิลดา สวินตัน, พอล ดาโน, ลิลี่ คอลลินส์ และเจค จิลเลนฮาล มาร่วมงานด้วย
6. Parasite (2019)
และผลงานล่าสุดที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์และสามารถคว้ารางวัล ออสการ์ 2020 มาถึง 4 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ยังไม่รวมถึงรางวัลในเวทีระดับโลกต่าง ๆ อย่าง ลูกโลกทองคํา, ปาล์มทองคำ, BAFTA Award, BIFA Award, Critics' Choice Award และอีกมากมาย กับเรื่องราวเสียดสีสังคมของครอบครัวยากจนครอบครัวหนึ่งที่หาทางพาตัวเองเข้าไปอยู่ในบ้านของคนรวย พร้อมทั้งสืบค้นจนรู้ถึงสิ่งที่พวกเขามีและไม่มี แล้วก็สรรหาคำโกหกมาหลอกลวงอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือ หนังนำเสนอเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งยังทำให้หลายคนรู้สึกเอาใจช่วยหรือเห็นอกเห็นใจกลุ่มคนที่หลอกลวงได้อีกต่างหาก จนเรียกได้ว่า Parasite ถือเป็นคำตอบของหนังสไตล์ผู้กำกับ จีน เรอนัวร์ ที่ว่า "สิ่งที่น่ากลัวในชีวิตก็คือเราทุกคนล้วนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง" นั่นเอง
