10 หนังน่าดู สร้างจากวรรณกรรมเยาวชนที่คุณไม่ควรพลาด

            สร้างจากชุดวรรณกรรมเยาวชนของ พี.แอล. เทรเวอร์ส มีทั้งหมด 8 เล่มด้วยกัน แต่ถูกหยิบมาสร้างเป็นหนังแค่ 2 ภาค คือ Marry Poppins และ  Mary Poppins Returns โดยว่าด้วยเรื่องราวสุดอัศจรรย์ของ แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ พี่เลี้ยงสาวเจ้าของเวทมนตร์วิเศษ ที่คอยดูแลเด็ก ๆ ครอบครัวแบงค์ส โดยภาคแรกถูกสร้างในปี 1964 นำแสดงโดย จูลี่ แอนดรูว์ส และ ดิก แวน ไดท์ มารับบทนำ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและสามารถคว้ารางวัลออสการ์ไปถึง 5 สาขาด้วยกัน (ดารานำหญิงยอดเยี่ยม, ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, เพลงบรรเลงยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม และเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม) และภาค 2 Mary Poppins Returns ในปี 2018 กับเรื่องราว 25 ปีให้หลังจากภาคแรก ได้ เอมิลี่ บลันท์ มารับบท แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ ที่กลับมาหาความสุขให้กับ เจน แบงส์ และ ไมเคิล แบงส์ ที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่

          The Jungle Book สร้างจากหนังสือสุดอมตะของ รัดยาร์ด คิปลิงส์ หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ เมาคลีลูกหมาป่า เล่าการผจญภัยของ เมาคลี เด็กน้อยที่ถูกเลี้ยงโดยครอบครัวของหมาป่า แต่เมื่อเขาพบว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้อนรับในป่าแห่งนี้อีกต่อไป เขาจึงออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวเองในการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งค่ายดิสนีย์นำมาดัดแปลงในรูปแบบแอนิเมชั่นในปี 1967 และถูกนำกลับมาสร้างอีกครั้งในฉบับไลฟ์-แอ็คชั่นผสมแอนิเมชั่น ที่ทำให้เราได้เห็นถึงความสมจริงของตัวละครมากยิ่งขึ้น และมีข่าวว่าดิสนีย์ปล่อยไฟเขียวสร้างหนังภาคต่อ The Jungle Book 2 อีกด้วย

           The NeverEnding Story สร้างจากวรรณกรรมแฟนตาซีขายดีของ มิชาเอล เอนเด้ เล่าเรื่องราวของเด็กชายที่หลีกหนีความเจ็บปวดในโรงเรียน จนนำตัวเองเข้าไปสู่โลกเหนือจินตนาการที่เขาพบว่ามันถูกซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มเก่า ณ โลกแห่งนั้น เขาได้กลายเป็นฮีโร่ของอาณาจักรสุดอัศจรรย์ดังกล่าวไปโดยปริยาย สำหรับเรื่องรายได้ หนังเรื่องนี้สามารถกวาดรายได้ไปกว่า 20.1 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีภาคต่อตามมาอีก 3 ครั้ง ได้แก่ The NeverEnding Story II: The Next Chapter ในปี 1990 และ The NeverEnding Story III ในปี 1994 อีกทั้งยังมีการผลิตออกมาในรูปแบบแอนิเมชั่นซีรีส์ ในปี 1996 อีกด้วย

          Babe หมูน้อยหัวใจเทวดา วรรณกรรมเยาวชนขายดีของ ดิก คิง สมิธ นักเขียนชาวอังกฤษ เล่าถึงเรื่องราว เบ๊บ หมูที่เชื่อว่าตัวเองเป็นสุนัขต้อนแกะ และต้องพิสูจน์ให้สัตว์ตัวอื่นเห็นว่ามันมีดีพอที่จะทำหน้าที่นั้น ดังนั้น เบ๊บ ต้องพยายามหาวิธีมาเพื่อให้แกะทั้งฝูงเชื่อใจเขาให้ได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในปี 1995 และสามารถคว้ารางวัลออสการ์ สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยมไปได้ โดยในหนังเราจะได้เห็นการพูดคุยกันของเหล่าสัตว์ โดยใช้เทคนิคพิเศษในการขยับปากแบบมนุษย์นั่นเอง เชื่อไหมว่ามีหมูถึง 48 ตัวผลัดเปลี่ยนมาสวมบท เบ๊บ ตลอดทั้งเรื่องเชียวนะ

           วรรณกรรมเยาวชที่อยู่ในใจใครหลายคน กับผลงานการเขียนของ เจ. เอ็ม. แบร์รี่ เล่าเรื่องราวของเด็กชายที่ไม่มีวันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และออกผจญภัยไปยังดินแดนมหัศจรรย์นามว่า เนเวอร์แลนด์ โดยในปี 1953 ค่าย Disney หยิบตำนานเรื่องนี้มาสร้างเป็นแอนิเมชั่นครั้งแรก ส่วนเวอร์ชั่นอื่น ๆ มีทั้งหนังเรื่อง Hook เมื่อปี 1991, หนังคนแสดง Peter Pan เมื่อปี 2003 รวมถึงฉบับล่าสุดอย่าง Pan ของค่าย Warner Bros. ที่เข้าฉายเมื่อปี 2015

           วรรณกรรมแฟนตาซีสุดคลาสสิกของ ซี.เอส. ลูอิส มีความยาวทั้งสิ้น 7 เล่ม ซึ่งถูกหยิบนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วทั้งสิ้น 3 ภาค คือ The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe (2005), Prince Caspian (2008) และ The Voyage of the Dawn Treader (2010) เนื้อหาว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยของ 4 พี่น้องตระกูลพีเวนชีที่สามารถข้ามมิติไปสู่ดินแดนนาร์เนีย ดินแดนเทพนิยายมหัศจรรย์ ผ่านตู้เสื้อผ้าลึกลับที่พวกเขาเจอที่บ้าน และได้ช่วยกอบกู้ดินแดนแห่งนี้คืนจากแม่มดขาว ซึ่งในภาคแรกที่เข้าฉายได้รับกระแสตอบรับและคำวิจารณ์ในแง่บวก แถมยังมีรางวัลออสการ์ในสาขาแต่งหน้ายอดเยี่ยมการันตีความสนุกของวรรณกรรมชุดนี้อีกด้วย ส่วนในภาค Prince Caspian เล่าถึงเรื่องราวที่เวลาในดินแดนนาร์เนียได้ผ่านไปแล้วกว่า 1,300 ปี ทั้ง 4 คนถูกเรียกตัวกลับมานาร์เนียอีกครั้งเพื่อตามหาทายาทบัลลังก์เทลมารีน และกู้คืนความสวยงามให้กับดินแดนนี้

            สร้างจากวรรณกรรมขายดีที่มียอดขายมากกว่า 500 ล้านเล่ม ที่ถูกแปลมากกว่า 67 ภาษาทั่วโลก ผลงานการเขียนของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง (J.K. Rowling) กับเรื่องราวที่เข้มข้นปนฉากแฟนตาซีเหนือจินตนาการกับการผจญภัยในโลกเวทมนตร์ของเหล่าพ่อมด แม่มด กับการเฝ้ามองการเติบโตของหนุ่มน้อยที่มีแผลเป็นบนหน้าผากจากการถูกปองร้ายโดยคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ซึ่งกว่าจะชนะได้พวกเขาก็ต้องผ่านอะไรมากมาย ทั้งนี้เรื่องราวจะมีความเข้มข้นและน่าสนใจเพิ่มขึ้นตามวัยที่เติบโตของแฮร์รี่และเพื่อน ๆ และในแต่ละภาคก็มีฉากที่ติดอยู่ในความทรงจำเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็น การต่อสู้หมากรุกยักษ์, การแข่งขันควิดดิช, การประลองเวทไตรภาคี แถมความสำเร็จที่มากับภาพยนตร์ชุดนี้ยังส่งให้ทั้งนักแสดง และผู้กำกับ เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งหนังทั้ง 7 ภาค (ภาคสุดท้ายแบ่งเป็น 2 ตอน) สามารถทำรายได้ไปมากกว่า 7,723 ล้านเหรียญสหรัฐ

           ผลงานการเขียนของ จอห์น บอยน์ ที่ครองใจและเรียกน้ำตาคนทั่วโลกมาแล้วกับ The Boy in the Striped Pyjamas เด็กชายในชุดนอนลายทาง ที่เล่าผ่านความโหดร้ายของสงครามซึ่งเป็นสิ่งสากลที่กินใจคนทั่วโลกมานับศตวรรษ ดังเช่นเนื้อหาในเรื่อง The Boy in the Striped Pyjamas ที่เล่ามุมมองสงครามผ่านสายตาของเด็กชายวัย 8 ขวบ นามว่า บรูโน่ ลูกชายของผู้บังคับบัญชาค่ายกักกันในเยอรมนี ซึ่งความไร้เดียงสาทำให้เขาผูกมิตรกับเด็กชายชาวยิวโดยมีรั้วของค่ายเป็นเครื่องขวางกั้น และไม่รู้เลยว่ามิตรภาพครั้งนี้จะตามมาด้วยผลกระทบที่คาดไม่ถึง

           ผู้ที่ชื่นชอบในวรรณกรรมแนวแฟนตาซีคงไม่พลาดเรื่องนี้กันแน่ ๆ สำหรับ Percy Jackson มีทั้งสิ้น 2 ชุด คือ Percy Jackson & the Olympians มี 5 เล่ม และ The Heroes of Olympus อีก 5 เล่ม ซึ่งถูกหยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วทั้งสิ้น 2 ภาค คือ The Lightning Thief (2010) และ Sea of Monsters (2013) ในภาคแรกจะเป็นจุดเริ่มต้นของเด็กชายที่เพิ่งพบว่าตัวเองเป็นกึ่งเทพ แถมยังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ขโมยสายฟ้าแห่งซุส เพอร์ซีย์จึงต้องออกเดินทางตามหาสายฟ้าให้พบก่อนที่มหาเทพทั้งสามจะก่อสงคราม และในภาค 2 เล่าถึงเรื่องราวการผจญภัยของหนุ่มน้อยมนุษย์กึ่งเทพกับผองเพื่อน ที่ออกเดินทางเพื่อค้นหาขนแกะทองคำในตำนาน ต้องเสี่ยงอันตรายและต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด กองทัพผีดิบ และเจ้าแห่งปิศาจ เพื่อปกป้องดินแดนเทพไว้ให้ได้ เป็นที่น่าเสียดายที่หนังไม่สามารถครองใจคนดูได้เท่ากับหนังสือเพราะรายละเอียดสำคัญขาดหาย แต่หากใครอยากหยิบมาดูเพื่อเติมเต็มจินตนาการหลังจากอ่านหนังสือก็เป็นเรื่องที่เข้าท่าอยู่นะ

           หนังดัดแปลงมาจากวรรณกรรมเยาวชนติดอันดับ 1 New York Times Bestselle ผลงานการเขียนโดย อาร์.เจ. ปาลาซิโอ ถ่ายทอดชีวิตของเด็กชายวัย 10 ขวบ ออกัสต์ พูลล์แมน เด็กชายผู้ป่วยเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ตั้งแต่แรกเกิด เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้งเพื่อให้มีชีวิตรอด และผลจากการผ่าตัดคือทำให้เขามีแผลบนใบหน้า อ๊อกกี้ ใช้เวลาทั้งหมดอยู่แต่ในบ้าน แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งเขาต้องออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยการไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน มันไม่ง่ายเลยที่เด็กคนหนึ่งที่คิดว่าตัวเองแตกต่างจะต้องเข้าสังคม อ๊อกกี้ ต้องเอาชนะความกลัวของตัวเองและต่อสู้กับสิ่งที่คนภายนอกคิด ด้วยหัวใจที่อ่อนโยนแต่แข็งแกร่ง พร้อมแรงซัพพอร์ตของครอบครัว ส่งต่อให้คนรอบข้างเปลี่ยนมุมมองต่อการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี