หากพูดถึงลุคของสาวแกร่งที่มีคาแรกเตอร์เท่ ๆ ชื่อของนางเอกสาว ชาร์ลิซ เธอรอน คงอยู่ในลำดับต้น ๆ ของใครหลายคน ซึ่งเธอคนนี้มีผลงานหลากหลายแนวให้แฟน ๆ ได้ติดตามกัน โดยชื่อของเธอเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากรับบทฆาตกรต่อเนื่องใน Monster (2003) และจากบทบาทนี้ทำให้เธอสามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ไปครอง หลังจากนั้นเธอก็มีผลงานอีกมากมายให้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Prometheus (2012), Mad Max: Fury Road (2015), Snow White and the Huntsman (2012) และล่าสุดก็กำลังมีผลงานหนังแอ็คชั่นอย่าง The Old Guard ที่ฉายใน Netflix ให้แฟน ๆ ได้ติดตามกัน และในวันนี้กระปุกดอทคอมจะขอพาคุณ ๆ ย้อนไปดูผลงานที่ผ่านมาบางส่วนของ ชาร์ลิซ เธอรอน กัน ส่วนจะมีเรื่องไหนและจะถูกใจคุณ ๆ รึเปล่ามาติดตามกัน
1. The Italian Job (2003)
เหล่าอาชญากรนักปล้นมืออาชีพที่เตรียมแผนการมาเป็นอย่างดีในการปล้นเซฟที่เต็มไปด้วยทองในบ้านของมหาเศรษฐีชาวอิตาลี แม้จะเต็มไปด้วยการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นก็ไม่สามารถเอาชนะแผนการที่ถูกคิดและวางแผนมาเป็นอย่างดีได้ แต่เมื่อมีเงินมหาศาลและผลประโยชน์อยู่ข้างหน้าการหักหลังจึงเกิดขึ้น เรียกว่าในหนังเรื่องนี้เราจะได้ชมครบทุกอย่าง ตั้งแต่แผนการเอาคืนชนิดแผนซ้อนแผน การหลอกล่อให้ตายใจ และการไล่ล่าสุดดุเดือดก็เริ่มต้นขึ้น ในเรื่องนี้ ชาร์ลิซ เธอรอน รับบท สเตลลา บริดเจอร์ นักเจาะรหัสที่เข้าทีมมาด้วยจุดประสงค์แอบแฝง
2. Monster (2003)
การสวมบทเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่มีตัวตนจริง ทำให้เธอต้องเพิ่มน้ำหนักกว่า 30 ปอนด์ โกนคิhว และสวมฟันปลอมขณะเข้าฉาก อย่างไรก็ตามความทุ่มเททั้งหมดนับว่าคุ้มค่า เพราะเธอสามารถคว้ารางวัลออสการ์ตัวแรกมาครองจากบทนี้ได้สำเร็จ โดยหนังเล่าเรื่องราวของ ไอลีน วูร์นอส หญิงสาววัย 33 ปี ฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ และเหตุจูงใจในครั้งนี้คือต้องการหาเงินมาเพื่อดูแลคู่รักสาวนั่นเอง
3. North Country (2005)
เรื่องราวของหญิงแกร่งที่ต่อสู้กับเพื่อนร่วมงาน หนังสร้างจากเหตุการณ์จริง โดยเรื่องนี้ ชาร์ลิซ เธอรอน รับบท โจซีย์ เอมเมส แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกสองคน หลังจากชีวิตแต่งงานสิ้นสุดเธอกลับมาตั้งหลักที่บ้านเกิดเพื่อเข้าทำงานในเหมืองเหล็ก และได้ตัดสินใจยืนหยัดสู้กับการละเมิดจากเพื่อนร่วมงานชาย
4. Prometheus (2012)
หนังบอกเล่าเรื่องราวของทีมนักวิทยาศาสตร์และผู้สำรวจบนยานโพรมีธีอุส ไม่มีจุดหมายใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการเดินทางไปหาคำตอบในข้อสงสัยเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่มีความลึกซึ้ง นักวิทยาศาสตร์หนุ่ม-สาวผู้อัจฉริยะทั้งสอง ชอว์ และ ฮอลโลเวย์ ซึ่งมีแรงจูงใจตรงกันข้ามกันเป็นผู้นำการเดินทาง ชอว์ เป็นผู้มีความศรัทธา เธออยากพบกับพระเจ้าในแบบที่ใกล้เคียงกับจินตนาการ ด้านศาสนาที่เก่าแก่ของเธอ ขณะที่ฮอลโลเวย์กำลังมองหาข้อหักล้างความคิดทางศาสนาพวกนี้ จากภารกิจของพวกเขาในฐานะของนักโบราณคดี พวกเขาได้พบกับร่องรอยพิกโตแกรมในถ้ำของอารยธรรมโบราณจากทั่วโลก ทั้งหมดเจาะจงไปที่สถานที่แห่งเดียวกันในจักรวาลอันไกลลับตา จึงมีการโน้มน้าวบริษัท Weyland Industries ให้มาจัดสรรทุนสำหรับภารกิจอันลึกลับบนอวกาศแห่งนี้ ในเรื่องนี้ ชาร์ลิซ เธอรอน รับบท เมเรดิธ วิคเกอร์ส ผู้สังเกตการณ์คณะเดินทางนั่นเอง
5. Snow White and the Huntsman (2012)
หนังดัดแปลงจากนิยายที่ทั่วโลกรู้จักดี บอกเล่าเรื่องราวของ สโนว์ไวท์ สาวน้อยที่กระจกวิเศษบอกว่าเธอสวยกว่าราชินีแห่งความชั่วร้าย ราเวนนา (ชาร์ลิซ เธอรอน) ดังนั้นการตามล่าทำลายล้างเจ้าหญิงสโนว์ไวท์จึงเกิดขึ้น หลังจากโดนยึดเมืองไป สโนว์ไวท์ก็ได้พบกับนายพรานป่า ที่ได้รับคำสั่งให้มาฆ่าเธอ แต่เขากลับมาฝึกให้เธอต่อสู้เพื่อทวงบัลลังก์กลับคืน
6. Dark Places (2015)
หนังเล่าเรื่องราวของครอบครัว ลิบบี้ เดย์ (ชาร์ลิซ เธอรอน) ที่เกิดคดีสะเทือนขวัญ แม่และพี่สาวของเธอถูกฆาตกรรมอย่างทารุณเมื่อ 25 ปีที่แล้ว เหตุการณ์ครั้งนั้นมีลิบบี้เป็นพยาน โดยให้การว่า เบน พี่ชายของเธอ เป็นฆาตกร จนเขาต้องไปชดใช้กรรมในคุก จนกระทั่งเธอเติบโตขึ้น ลิบบี้ ได้เข้าร่วมกลุ่มนักสืบ The Kill Club เพื่อสืบคดีนี้อีกครั้ง เธอก็พบเบื้องหลังที่ซับซ้อนกว่าที่คิด วินาทีรอดชีวิตในเหตุการณ์นั้นอาจเป็นเจตนาของใครบางคน สิ่งที่เธอเชื่อว่าถูกต้องมาตลอดอาจจะผิดมหันต์ แล้วชีวิตเธอต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายอีกครั้ง
7. Mad Max: Fury Road (2015)
หนังบอกเล่าเรื่องราวของ แมด แม็กซ์ ผู้ถูกหลอกหลอนด้วยอดีตอันสับสนปั่นป่วน เชื่อว่าหนทางที่ดีที่สุดในการอยู่รอดก็คือการท่องโลกไปตามลำพัง ทว่าเขากลับต้องเดินทางไปกับคนกลุ่มหนึ่งซึ่งตระเวนไปทั่วเวสต์แลนด์ในรถวอร์ริกที่ขับโดย อิมเพอเรเตอร์ ฟูริโอซา คนกลุ่มนี้หลบหนีออกจากซิตาเดลซึ่งปกครองโดยจอมเผด็จการ อิมมอร์แทน โจ ผู้ถูกฉกฉวยเอาสิ่งที่ไม่อาจหามาทดแทนได้ ด้วยความโกรธแค้น ขุนศึกรายนี้จึงนำแก๊งของเขาออกติดตามพวกกบฏอย่างโหดเหี้ยมในสงครามอ็อกเทนสูงบนท้องถนน โดย ชาร์ลิซ เธอรอน รับบทสาวซ่า ฟูริโอซา นั่นเอง
8. The Huntsman: Winter's War (2016)
เล่าเรื่องราวหลังจากราชินีผู้ชั่วร้าย ราเวนนา (ชาร์ลิซ เธอรอน) หักหลังน้องสาวอย่าง เฟรย่า ด้วยการกระทำที่ยากจะอภัยได้ ทำให้ เฟรย่า กลายเป็นคนเลือดเย็นต่อความรัก และปลดปล่อยพลังเย็นยะเยือกที่เธอไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ในตัว เฟรย่า ถอยกลับสู่อาณาจักรที่อยู่ทางเหนือ ระดมกองทัพนายพรานซึ่งเป็นเสมือนผู้ปกป้องเธอ เมื่อสงครามแย่งชิงอำนาจระหว่างสองราชินีปะทุขึ้น หนึ่งวีรบุรุษที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองนาง เอริค สุดยอดนายพรานที่เก่งที่สุดของเฟรย่า เอริค พร้อมด้วยเพื่อนร่วมรบอย่าง ซาร่า หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่เคยเข้าถึงหัวใจของเขา ต้องช่วย เฟรย่า พิชิตพี่สาวของเธอ มิเช่นนั้นความชั่วร้ายของ ราเวนนา จะครอบครองอาณาจักรไปชั่วนิรันดร์
9. The Fate of the Furious (2017)
ที่สุดของหนังแอ็คชั่นประชันความเร็ว ในเรื่องนี้ ชาร์ลิซ เธอรอน รับบท ไซเฟอร์ วายร้ายหญิงคนแรกของแฟรนไชส์ Fate and Furious โดยหนังเล่าเรื่องราวของ ดอม กับ เล็ตตี้ ที่ออกเดินทางไปฮันนีมูน หลัง ไบรอัน และมีอา วางมือจากวงการรถซิ่งออกเดินทางรอบโลก ส่วนสมาชิกคนอื่น ๆ ในทีมก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตธรรมดา แต่เมื่อหญิงสาวลึกลับ (ชาร์ลิซ เธอรอน) เกลี้ยกล่อมให้ดอมเดินกลับสู่โลกแห่งอาชญากรรมและการหักหลังคนใกล้ตัวที่เขาไม่อาจหลุดพ้นได้ พวกเขาต้องผ่านบททดสอบที่ไม่คาดคิดมาก่อน
10. Bombshell (2019)
ด้วยเรื่องราวที่สร้างมาจากเรื่องจริงของคดีสุดอื้อฉาวในวงการสื่อโทรทัศน์ เมื่อหญิงสาว 3 คนซึ่งเป็นพิธีกรและผู้ประกาศสาว เมจิน เคลลี, เกรตเชน คาร์ลสัน และ เคย์ลา พอสพิซิล ถูกคุกคามทางเพศจาก โรเจอร์ ไอล์ส เจ้าพ่อวงการข่าวผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ Fox News นำไปสู่การที่พวกเธอต้องร่วมมือกันเพื่อแฉและเปิดโปงเบื้องลึกของการกระทำนี้ให้ถึงที่สุด เรื่องนี้ ชาร์ลิซ เธอรอน รับบท เมจิน เคลลี นั่นเอง
11. The Old Guard (2020)
หนังว่าด้วยเรื่องราวของ แอนดี้ นักรบสาวผู้ที่ถูกพันธนาการด้วยความอมตะมานานนับพันปีพร้อมด้วยเหล่านักสู้รับจ้างผู้ไม่มีวันตาย พวกเขาได้ร่วมกันต่อสู้เพื่อปกป้องโลกมนุษย์มายาวนานหลายศตวรรษ วันหนึ่งภัยร้ายได้คุกคามกลุ่มนักสู้ของเธอ พร้อมกับความลับของความเป็นอมตะกำลังจะถูกเปิดเผย แอนดี้ และสมาชิกคนใหม่ของกลุ่ม อย่าง ไนล์ จึงต้องร่วมมือกันหาทางยับยั้งผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด นี่คือภาพยนตร์ที่อัดแน่นไปด้วยฉากแอ็คชั่นสุดมัน พร้อมกับแสดงให้เห็นว่าการมีชีวิตคงอยู่ตลอดไปอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนต้องการ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Charlize Theron
