สะท้อนเรื่องราวชีวิตจริงไปกับหนังเสียดสีสังคม ที่นำเสนอแง่มุมต่าง ๆ ทั้งความไม่เท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ การเหยียดฐานะ เชื้อชาติและสีผิว
หากพูดถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำคงเป็นปัญหาที่ทุกประเทศทั่วโลกต่างเผชิญ เช่นเดียวกับโลกของภาพยนตร์ที่มักจะนำเรื่องความต่างของชนชั้น มาสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของสังคม เพื่อส่งต่อแง่คิดดี ๆ สู่คนที่มีโอกาสได้รับชมภาพยนตร์เหล่านี้ ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมจะมาขอแนะนำภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การชมสักครั้ง ซึ่งมีประเด็นโดยรวมเกี่ยวข้องกับการแบ่งแยกชนชั้น เหยียดสีผิว ซึ่งในภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องก็ได้รับรางวัลมากมายจากหลายเวที รวมถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นตัวจุดประเด็นให้สังคมพูดถึง อย่างไรก็ตาม การชมภาพยนตร์เป็นไปเพื่อความบันเทิง แต่สิ่งที่ได้เพิ่มเติมคือแง่คิดดี ๆ ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นมาติดตามกันเลย
1. The Blind Side (2009)
หนังเรื่องนี้ดัดแปลงจากหนังสือที่ชื่อว่า The Blind Side : The Evolution of a Game บอกเล่าเรื่องจริงของนักอเมริกันฟุตบอลที่ถูกชุบเลี้ยงโดยครอบครัวบุญธรรมเป็นอย่างดี และถึงแม้ว่าจุดกำเนิดดั้งเดิมของเขาจะเลวร้ายจนใคร ๆ ต่างก็ส่ายหน้า แต่ครอบครัวอันอบอุ่นนี้ก็ให้ความรักเหมือนกับลูกแท้ ๆ โดยเฉพาะผู้ที่เขาเรียกว่า "แม่" ที่มีส่วนอย่างยิ่งในการผลักดันให้เขาประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียนและกีฬา
2. District 9 (2009)
ในปี 1982 ยานอวกาศขนาดยักษ์ได้พามนุษย์ต่างดาวจำนวนมากมายังโลก แต่หลังจากนั้น 28 ปีให้หลัง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ความตื่นเต้นเรื่องการพบเจอมนุษย์ต่างดาวตัวจริงจางหายเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสุดท้ายผู้มาเยือนจากนอกโลกก็กลายเป็นส่วนเกิน ต้องไปอยู่ในชุมชนแออัดท่ามกลางความสกปรก ที่เรียกว่า District 9 จนกระทั่งปี 2010 ก็มีคำสั่งตรงมาจาก Multi-National United ให้ขับไล่พวกต่างดาวออกไป วิคัส แวน แดร์ มัว หนึ่งในเจ้าหน้าที่ภาคสนาม จึงต้องทำตามแต่กลับถูกไวรัสเล่นงาน และทางเดียวที่จะรักษาได้คือต้องพึ่งพาเพื่อนต่างดาวอีก 2 คนของเขาเท่านั้น
3. The help (2011)
The Help คุณนายตัวดี สาวใช้ตัวดำ หนังคุณภาพที่แสดงถึงความอ่อนโยนและยืดหยุ่นของผู้หญิง ซึ่งแม้จะถูกกดขี่ข่มเหงและไม่ได้รับความยุติธรรมเพียงใด แต่พวกเธอก็ยังคงมีเกียรติและน่าภูมิใจ โดยถ่ายทอดผ่านมุมมองของนักเขียนผิวขาวกับสองสาวใช้ผิวสีที่ตัดสินใจร่วมมือกันต่อสู้ ตีแผ่เรื่องราวแห่งความจริง เพื่อก้าวข้ามการแบ่งแยกชนชั้นและสีผิว รวมถึงเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตในเมืองมิสซิสซิปปีในปี ค.ศ. 1960 ให้ดีขึ้น
4. 12 Years a Slave (2013)
12 Years a Slave ปลดแอก คนย่ำคน ว่าด้วยเรื่องราวของโซโลมอน ผู้ต้องพบเจอกับความโหดร้ายอย่างที่สุด เมื่อถูกขายเป็นทาสตลอดช่วงเวลา 12 ปี เขาไม่ได้แค่ต้องพยายามเอาชีวิตรอดท่ามกลางการปฏิบัติราวกับไม่ใช่คนเท่านั้น แต่ยังต้องรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะไม่เหลืออะไรเลย จนกระทั่งได้พบกับผู้รณรงค์การปลดปล่อยทาสชาวแคนาดา ที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล
5. Snowpiercer (2013)
หนังว่าด้วยเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างชนชั้นบนรถไฟขบวนสุดท้ายที่กำลังวิ่งฝ่าความหนาวเหน็บที่ปกคลุมโลกทั้งใบโดยไม่มีจุดหมาย โดยหนังเรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปีล่าสุด (Parasite ชนชั้นปรสิต) บงจุนโฮ โดยตัวหนังเล่าถึงช่วงเวลาในปีคริสต์ศักราช 2031 เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอย่างแท้จริง การใช้ชีวิตก็ยากขึ้น ผู้คนเลยต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดบนรถไฟที่ออกเดินทางรอบโลกอย่างไร้จุดหมาย ซึ่งในจุดที่ยากลำบากที่สุด ก็ยังมีความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้น ทำให้เกิดกลุ่มอภิสิทธิ์ชนและการแบ่งชั้นวรรณะ ถ้าพูดให้เห็นภาพรถไฟขบวนนี้ก็เปรียบเสมือนเรือโนอาห์ดี ๆ นี่เอง ผู้กำกับบงจุนโฮ ยังคงลายเซ็นของตัวเองไว้อย่างชัดเจนในหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเสียดสีในเรื่องการแบ่งชนชั้น ความเท่าเทียม และสังคมทุนนิยม นั่นเอง แน่นอนว่าหนังได้กระแสตอบรับที่ดีจนถูกหยิบมาขยายความเป็นฉบับซีรีส์ฉายในแพลตฟอร์ม Netflix
6. Elysium (2013)
โดย Elysium เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับยุคอนาคตปี 2159 เมื่อคนเราแบ่งออกเป็น 2 ชนชั้น ได้แก่ พวกมหาเศรษฐีรวยล้นฟ้า และพวกที่มีฐานะด้อยกว่า ซึ่งพวกชนชั้นสูงจะได้อยู่บนดาว Elysium ในขณะที่ชนชั้นล่างจะต้องอยู่บนดาวโลกที่เสื่อมโทรมลงมากแล้ว ทำให้คนชนชั้นล่างพากันเรียกร้องขอความเป็นธรรมเพื่อจะได้ไปอยู่บนดาวที่เจริญแล้วบ้าง แต่ก็ถูกโรดส์ เจ้าหน้าที่รัฐบาล ขัดขวาง ในขณะเดียวกัน ชายชื่อแมกซ์ ผู้ทนอยู่ในสถานการณ์สิ้นไร้ความหวังแบบนี้ไม่ไหวอีกต่อไป ก็ได้ตัดสินใจลุกขึ้นเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรม เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของตัวเองและผู้คนอีกมากมาย
7. Hidden Figures (2016)
Hidden Figures ทีมเงาอัจฉริยะ สร้างจากเรื่องจริงของทีมงานหญิงเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน แคเธอรีน จี. จอห์นสัน, โดโรธี วอห์น และแมรี แจ็คสัน ที่จัดเตรียมข้อมูลทางคณิตศาสตร์ที่จำเป็นให้กับองค์กร NASA จนมีส่วนช่วยให้ภารกิจเดินทางสู่อวกาศประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นการทลายกำแพงเรื่องเพศและเชื้อชาติไปจนหมดสิ้น หนังพาเราไปรู้จักกับความสามารถอันน่าทึ่ง และยังได้ชี้ให้เห็นถึงการก้าวผ่านคำสบประมาทและการแบ่งแยกชาติพันธุ์อีกด้วย
8. Green book (2018)
Green Book เล่าถึงเรื่องราวของสองคู่หูต่างขั้วที่จับพลัดจับผลูตระเวนเดินทางไปทั่วตอนใต้ของอเมริกาด้วยกัน โทนี่ ลิป อดีตขาใหญ่การ์ดเฝ้าผับ เชื้อสายอิตาเลียน-อเมริกัน จากย่านบรองซ์ ในนิวยอร์ก ต้องมาเป็นคนขับรถให้ ดอน เชอร์ลีย์ นักเปียโนคลาสสิกผิวสีระดับโลก ระหว่างที่เขาออกเดินสายขึ้นแสดงในยุค 60 สิ่งเดียวที่นำทางทั้งคู่คือ "สมุดปกเขียว" ที่บอกสถานที่ที่เป็นมิตรกับคนผิวสี พวกเขาต้องฝ่าทั้งกำแพงแห่งสีผิว ภัยอันตรายต่าง ๆ เช่นเดียวกับน้ำใจจากเพื่อนมนุษย์ในการเดินทางครั้งสำคัญนี้
9. Parasite (2019)
หนังเสียดสีสังคมเกาหลีใต้เจ็บแสบจนคว้า 4 รางวัลใหญ่ รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดย Parasite เล่าเรื่องราวของ 2 ครอบครัวที่ต่างกันสุดขั้ว ครอบครัวตระกูลคี มีสมาชิกทั้งสิ้น 4 คน เป็นครอบครัวเล็ก ๆ อบอุ่น แต่สมาชิกในบ้านต่างตกงาน วันหนึ่ง คีวู ลูกชายคนโตของบ้าน ถูกเพื่อนบ้านที่ร่ำรวยและเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำเสนอให้เข้าไปทำงานเป็นติวเตอร์ ซึ่งจะทำเงินให้กับเขามหาศาล โดยต้องไปทำงานให้กับ ตระกูลพัค ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทด้านไอทีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก พร้อมแบกความคาดหวังอย่างสูงของครอบครัวไปด้วย เขายังได้เจอกับสาวน้อยอย่าง ยอนคโย แต่หลังจากที่ทั้งสองครอบครัวมาข้องเกี่ยวกัน เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เต็มไปด้วยคำลวงก็เกิดขึ้น…
10. The Platform (2020)
ถ้าหนังเรื่อง Parasite, Snowpiercer และ 12 Years a Slave ทำให้คุณรู้สึกถึงความน่ากลัวของชนชั้นทางสังคมแล้วละก็ หนังเรื่อง The Platform จะทำให้คุณหวาดกลัวได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน ซึ่งหนังว่าด้วยเรื่องราวของเรือนจำแห่งหนึ่งที่มีลักษณะเป็นตึกแนวดิ่งและมีความสูงมากกว่า 100 ชั้น ซึ่งในแต่ละชั้นจะมีนักโทษอาศัยอยู่ 2 คน ฟังดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ความต่างของคุกแห่งนี้คือเรื่องอาหาร นั่นคืออาหารที่ดีที่สุดจะอยู่ในชั้นบนสุดและค่อย ๆ ร่อยหรอลงไป ซึ่งกว่าจะถึงชั้นล่างสุดอาหารก็แทบจะไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว และการหมุนเวียนชั้นที่อยู่อาศัยซึ่งบางวันตื่นขึ้นมาอาจจะไม่อยู่ที่ชั้นเดิม ชายคนหนึ่งจึงพยายามหาทางเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับทุกคน