x close

13 หนังเพลงน่าดูที่คนรักมิวสิคัลไม่ควรพลาด

           เป็นหนังอีกแนวหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมอยู่ไม่น้อย สำหรับ หนังเพลง หรือ หนังมิวสิคัล ที่แม้ว่าจะไม่ได้ถูกหยิบมาสร้างบ่อยนัก แต่เมื่อใดที่เข้าฉายก็มักจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้ชมที่เฝ้ารอกันอยู่เสมอ ๆ และด้วยบทเพลงที่เข้ากับเนื้อหาประกอบกับดนตรีที่เร้าใจ จึงเป็นอีกเสน่ห์ที่ทำให้คอหนังต่างให้ความสนใจ และในวันนี้กระปุกดอทคอมก็ได้รวบรวมรายชื่อ 13 หนังเพลงน่าดูที่ไม่ว่าจะหยิบขึ้นมาดูเมื่อไรก็ประทับใจเสมอ ๆ แต่ขอบอกก่อนว่าหนังเพลงที่เรานำมาฝากกันในวันนี้จะไม่ใช่หนังที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับดนตรี หรือแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง แต่จะเป็นหนังที่ใช้เพลงในการดำเนินเรื่องราวช่วงใดช่วงหนึ่งของหนังหรือทั้งเรื่องนั่นเอง ส่วนจะมีหนังเพลง หรือ หนังมิวสิคัล เรื่องอะไรบ้างนั้นมาติดตามกันเลย

1. Singin' in the rain (1952)

          ขึ้นแท่นหนังมิวสิคัลในดวงใจของคนทั่วโลกไปแล้ว สำหรับ Singin' in the rain หนังเพลงสุดคลาสสิก ที่เป็นตัวเปลี่ยนแปลงวงการภาพยนตร์จากหนังที่เน้นบทพูดให้กลายเป็นหนังที่มีสีสันด้วยเสียงเพลงอย่างแท้จริง โดยหนังบอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มนักแสดงที่ต้องเปลี่ยนหนังเงียบของตัวเองเป็นหนังเพลง จนจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนนักแสดงให้สมกับบทบาทและตกหลุมรักกันในเวลาต่อมา เรื่องนี้มีเพลงประกอบอันขึ้นชื่ออย่าง Singin' In the Rain ที่ถูกนักร้องรุ่นใหม่เอามาคัฟเวอร์อยู่บ่อย ๆ แถมท่วงท่าการเต้นแท็ปแนวละครเพลงยังช่วยส่งให้กลายเป็นภาพยนตร์อมตะตลอดกาลอีกด้วย

เฟซบุ๊ก Singin' in the Rain

2. Mary Poppins (1964) // Mary Poppins Returns (2018)

          เรื่องราวสุดอัศจรรย์ของพี่เลี้ยงที่มาพร้อมกับเวทมนตร์และเสียงเพลงที่จะมาช่วยกอบกู้ความสัมพันธ์ของครอบครัวแบงค์ส โดย Mary Poppins และ Mary Poppins Returns สร้างจากวรรณกรรมเยาวชนของ พี.แอล. เทรเวอร์ส ที่ว่าด้วยเรื่องราวสุดอัศจรรย์ของ แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ พี่เลี้ยงสาวเจ้าของเวทมนตร์วิเศษ ที่คอยดูแลเด็ก ๆ ครอบครัวแบงค์ส โดยภาคแรกถูกสร้างในปี 1964 นำแสดงโดย จูลี่ แอนดรูว์ส และ ดิก แวน ไดท์ มารับบทนำ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและสามารถคว้ารางวัลออสการ์ไปถึง 5 สาขาด้วยกัน (ดารานำหญิงยอดเยี่ยม, ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, เพลงบรรเลงยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม และเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม) และภาค 2 Mary Poppins Returns ในปี 2018 กับเรื่องราว 25 ปีให้หลังจากภาคแรก ได้ เอมิลี่ บลันท์ มารับบท แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ ที่กลับมาสร้างความสุขให้กับ เจน และ ไมเคิล แบงค์ส ที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่

เฟซบุ๊ก Mary Poppins

3. The Sound of Music (1965)

          เมื่อพูดถึงหนังเพลงชื่อของหนัง The Sound of Music มนต์รักเพลงสวรรค์ อาจจะเป็นชื่อที่ใครหลายคนนึกถึง โดยเฉพาะฉากที่นางเอกของเรื่องร้องเพลง The Sound of Music อยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าของขุนเขาแอลป์ยังคงสร้างความประทับใจให้ใครหลายคนอยู่อย่างแน่นอน โดยหนังดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของครอบครัวลี้ภัยสงครามจากพวกนาซี ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเรีย แม่ชีสาวที่ออกจากคอนแวนต์ มาดูแลลูก ๆ ทั้ง 7 คน ของกัปตันวอน แทรปป์ พ่อหม้ายนายทหารแห่งกองทัพออสเตรีย ผู้ซึ่งปกครองลูก ๆ อย่างเคร่งครัดเจ้าระเบียบ เด็ก ๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้ฟังเพลงหรือเล่นสนุกสนาน การมาของมาเรียนำมาซึ่งความสดใสร่าเริงและเสียงเพลงมาสู่บ้านที่เคยมีแต่ความเคร่งเครียด สร้างความประทับใจให้ผู้กองจนกระทั่งเป็นความรัก และในที่สุดทั้งคู่ก็แต่งงานกัน หนังเรื่องนี้มีความสนุกของบทเพลงที่แทรกอยู่ไม่ว่าจะเป็นเพลงคุ้นหูอย่าง My Favorite Things, Do-Re-Mi, Sixteen Going on Seventeen และ The Lonely Goatherd นั่นเอง

เฟซบุ๊ก The Sound Of Music

4. Moulin Rouge (2001)

          อีกหนึ่งหนังมิวสิคัลที่ไม่ว่าจะหยิบมาเมื่อไรก็รู้สึกร่วมสมัยและเต็มไปด้วยสีสันเสมอ สำหรับ Moulin Rouge หนังที่เล่าเรื่องราวรวมกับเสียงเพลงได้อย่างลงตัว กับเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของ คริสเตียน หนุ่มนักเขียนชาวอังกฤษ ที่ตกหลุมรัก ซาติน ดาราประจำคลับ และโสเภณีระดับสูงที่สวยที่สุดของเมือง แต่ความรักของทั้งคู่ไม่ได้ง่ายเมื่อโรงละครของ แฮโรลด์ ซิดเลอร์ ต้องใช้เงินอุดหนุนจากท่านดยุกที่มุ่งหวังในตัวเธอเช่นกัน โดยหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยเพลงดังอย่าง Come What May, All You Need Is Love, Sparkling Diamonds และเพลง Lady Marmalade ที่ถูกนำกลับมาทำใหม่ก็ฮิตติดชาร์ตอันดับหนึ่งไปทั่วโลก

เฟซบุ๊ก Moulin Rouge

5. Chicago (2002)

           หนังเพลงที่ประสบความสำเร็จทั้งรายได้ที่ทำเงินสูงถึง 306 ล้านเหรียญสหรัฐ และคำวิจารณ์ รวมทั้งรางวัลออสการ์ 6 สาขา ในปี 2003 ได้แก่ สาขา ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม และกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม หนังเล่าเรื่องราวของ ร็อกซี่ ฮาร์ท ที่ตกเป็นผู้ต้องหาฐานฆ่าคนตาย เธอพยายามปรึกษากับทนายความและใช้ช่องทางทางกฎหมายเพื่อให้รอดจากโทษประหาร โดยแค่ฉากเปิดเรื่องที่สาวสวย แคทเธอรีน ซีตา โจนส์ ร้องและเต้นเพลง All that Jazz ก็มากพอจะดึงความสนใจของคนดูให้ตาค้างไปตาม ๆ กันแล้ว นั่นยังไม่รวมถึงเพลง Cell Block Tango ที่ขับร้องในคุกร่วมกับนักโทษอีก 5 คน เกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้พวกเธอต้องมารวมกันที่แห่งนี้ ยิ่งทำให้หนัง Chicago เป็นหนังเพลงที่ควรค่าแก่การชมมากขึ้นไปอีก

เฟซบุ๊ก Chicago

6. The Phantom of the Opera (2004)

          หนังสร้างจากมิวสิคัลระดับตำนานของโลก ที่นำเอาความโดดเด่นของละครโอเปร่ามผสมผสานบทเพลงคลาสสิกเข้าด้วยกัน ผ่านเรื่องราวโศกนาฏกรรม เมื่อ คริสตีน หญิงสาวที่มีความฝันจะเป็นสุดยอดของวงการเพลงโอเปร่าแห่งยุค ได้รับความช่วยเหลือจาก The Phantom ปีศาจแห่งโรงละคร ในการฝึกฝนจนเธอได้ขึ้นเป็นดาวบนเวที พร้อมกับความรักที่มีเพิ่มขึ้นอย่างล้นใจ ทว่าสาวน้อยได้มอบหัวใจให้กับ ราอูล และท่าทีของทั้งคู่ทำให้ เดอะ แฟนทั่ม ไม่พอใจ และนำไปสู่โศกนาฏกรรมแห่งความรักอันแสนเศร้านั่นเอง และแน่นอนว่าเพลง Music of the night, Phantom of the opera และ Think of Me ก็สร้างความประทับใจให้กับคอหนังได้ไม่แพ้กับเวอร์ชั่นละครเวทีเลยทีเดียว

7. Once (2006)

          เมื่อความเหงาและคนเหงามาเจอกัน Once คือเรื่องราวเปี่ยมแรงบันดาลใจของสองชีวิตที่โคจรมาพบกันบนถนนเมืองดับลินอันสับสนวุ่นวาย คนหนึ่งคือนักดนตรีข้างถนนที่ไม่กล้าร้องเพลงของตัวเอง อีกคนหนึ่งคือสาวเช็กลูกหนึ่งที่พยายามหาทางปรับตัวเข้ากับเมืองใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ในระยะเวลาสั้น ๆ ที่ได้รู้จักกัน ทั้งคู่ต่างค้นพบพรสวรรค์ในตัวกันและกัน และช่วยผลักดันให้ฝันของอีกฝ่ายเป็นจริง หนังได้รับการยกย่องว่าอัดแน่นไปด้วยแรงบันดาลใจ โดยมีกลิ่นอายหนังเพลงคลาสสิกในอดีต ผสมกับโลกไร้ขนบของหนุ่มสาวชาวดับลิน และจากกระแสปากต่อปากที่ร่ำลือถึงความไพเราะของเพลงประกอบหนังอย่าง Falling Slowly ก็สามารถคว้าออสการ์สาขาเพลงประกอบหนังยอดเยี่ยมได้อีกด้วย 

เฟซบุ๊ก Once

8. Dreamgirls (2006)

           Dreamgirls หนังเพลงแนวย้อนยุค ที่ว่าด้วยเรื่องราวการฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของคณะนักร้องสาว 3 คนในนาม The Dreamettes ซึ่งมี อีฟฟี่, ดีน่า และลอร์เรลล์ พวกเธอเป็นเหมือนเพชรที่ได้รับการเจียระไนโดย เคอร์ติส เทย์เลอร์ จูเนียร์ ผู้จัดการศิลปินที่เสนอโอกาสสำคัญในชีวิตให้พวกเธอได้เป็นนักร้องประสานเสียงแบ็กอัพให้กับนักร้องขวัญใจมหาชนในยุคนั้น คือ เจมส์ ธันเดอร์ เออร์ลี่ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อคณะเป็น The Dreams ภายใต้การดูแลจัดการเป็นพิเศษของเคอร์ติส ที่ผลักดันให้พวกเธอโด่งดังเป็นดาวเด่น แต่ราคาของชื่อเสียงและความสำเร็จที่ได้รับมานี้ ต้องแลกคืนด้วยบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าสูงยิ่งในชีวิตเช่นกัน โดยหนัง Dreamgirls มีเพลงที่สร้างความประทับใจให้กับคนดูทั่วโลกอย่าง One night only, And I Am Telling You I'm Not Going นั่นเอง

เฟซบุ๊ก Dreamgirls

9. Hairspray (2007)

            หนังบอกเล่าเรื่องราวในบัลติมอร์ปี 1962 เทรซี่ เทิร์นแบลด เด็กสาววัยรุ่นหุ่นเจ้าเนื้อผู้รักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ และมีความใฝ่ฝันอยากเต้นใน Corny Collins Show รายการทีวีสุดฮิต ซึ่งทางรายการประกาศคัดเลือกนักเต้นหน้าใหม่มาแทนที่ และเทรซี่ก็ได้รับเลือก นอกจาก เทรซี่ จะมีความคิดอยากให้สาวอ้วนมีโอกาสแจ้งเกิดในเวทีด้วยแล้ว เธอยังคิดผลักดันให้วัยรุ่นผิวดำมีสิทธิ์เต้นออกทีวีด้วยเหมือนกัน เรียกได้ว่านอกจากเป็นหนังเพลงที่สนุกแล้วยังแฝงไปด้วยประเด็นสังคมที่ชี้ให้เห็นถึงการแบ่งแยกเชื้อชาติและอิทธิพลของสื่อด้วยนั่นเอง

เฟซบุ๊ก Hairspray

10. Mamma Mia! (2008) // Mamma Mia! Here We Go Again (2018)

             Mamma Mia! คือหนังเพลงที่มีประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างแม่-ลูกเป็นแกนหลัก โดยความวุ่นวายของเรื่องเริ่มขึ้นเมื่อลูกสาวเชิญชาย 3 คนมาร่วมงานแต่งเพื่อหาคำตอบว่าใครเป็นพ่อของเธอกันแน่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ของเธอไม่เคยบอกความจริงเลยว่าเขาคนนั้นคือใคร มีเพียงไดอารี่เล่มเก่า ๆ ที่เป็นเบาะแสให้เธอสืบหาความจริงเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ชมจะได้เห็นความสัมพันธ์อันไม่ลงรอยระหว่างแม่กับลูกไปจนกว่าความจริงจะถูกเปิดเผยว่าพ่อตัวจริงเป็นใคร และไม่ใช่แค่พล็อตเรื่องที่สนุกอย่างเดียว หนังยังเต็มไปด้วยบทเพลงที่จะชวนให้คนดูต้องอยากลุกขึ้นเต้นทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Take a chance, Dancing Queen, The winner take it all, Mamma Mia, Our last summer และในปี 2018 ก็มีภาคต่อในชื่อ Mamma Mia! Here We Go Again

เฟซบุ๊ก Mamma Mia!

11. Les Miserables (2012)

             หนังสร้างจากวรรณกรรมเลื่องชื่อของฝรั่งเศส Les Miserables ที่ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้จักกับละครเวทีมากกว่า กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 เป็นเรื่องราวของ ฌอง วาลฌอง หนุ่มใจบุญที่ถูกจับเข้าคุกเพราะขโมยขนมปังเพื่อนำไปจุนเจือครอบครัวของเขา หลังจากถูกจำคุกยาวนานถึง 19 ปี เขาก็ได้รับการปล่อยตัวอีกครั้ง และได้เข้าร่วมกับขบวนการปฏิวัติเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของตนเองคืน ในขณะที่ ชาแวร์ ตำรวจผู้ยึดมั่นในความถูกต้อง ออกตามล่าตัว วาลฌอง เพื่อจับเข้าคุกในฐานะผู้ก่อความวุ่นวายต่อต้านรัฐบาล ส่วนทาง ฟองติน หญิงสาวอาภัพผู้ยอมทำทุกอย่างแม้แต่การขายตัว เพื่อเลี้ยงลูกสาวตัวน้อยของเธอให้อยู่รอด และได้ฝากลูกน้อยไว้ให้ วาลฌอง ช่วยดูแลต่อเมื่อเธอจากโลกนี้ไป โดยเพลงเด่นของ Les Miserables คือ I Dreamed a Dream, On My Own, Bring Him Home และ Do You Hear the People Sing ?

เฟซบุ๊ก Les Miserables

12. LA LA LAND (2016)

              LA LA LAND นครดารา จะพาเราไปพบกับ มีอา หญิงสาวที่ฝันอยากเป็นดารา ซึ่งโชคชะตานำพาให้เธอมาพบกับ เซบาสเตียน หนุ่มนักดนตรีแจ๊สที่ฝันอยากมีไนต์คลับเป็นของตัวเอง ท่ามกลางสีสันของนครดาราอย่างลอสแอนเจลิส ทั้งสองตั้งใจทำงานเพื่อไล่ตามความฝันของแต่ละฝ่าย ดูจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์เริ่มระหองระแหง และต่างฝ่ายต่างประคับประคองความรักของทั้งคู่เพื่อให้ผ่านพ้นอุปสรรคให้จงได้ โดยมีบทเพลงสุดไพเราะเป็นตัวขับเคลื่อน หนังสร้างความประทับใจให้กับคนทั่วโลกจนสามารถคว้า 6 สาขาจากเวทีออสการ์ ได้แก่ รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม, ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม, ผู้กำกับภาพยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และ เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม 

เฟซบุ๊ก La La Land

13. The Greatest Showman (2017)

           The Greatest Showman โชว์แมนบันลือโลก หนังมิวสิคัลที่มีความโดดเด่นและแปลกใหม่ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองจุดเริ่มต้นแห่งธุรกิจโชว์ และความรู้สึกมหัศจรรย์ที่เราสัมผัสได้เวลาความฝันเป็นจริงขึ้นมา หนังได้แรงบันดาลใจจากความมุ่งมั่นและจินตนาการของ พี.ที. บาร์นัม โดยถ่ายทอดเรื่องราวของคนช่างฝันที่มาจากศูนย์ และได้สร้างการแสดงอันชวนตะลึงจนสร้างความตื่นเต้นไปทั่วโลก โดยเพลงเด่นของ The Greatest Showman คือ This Is Me, The Greatest Show, From Now On และ Rewrite The Stars

เฟซบุ๊ก Greatest Showman

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
13 หนังเพลงน่าดูที่คนรักมิวสิคัลไม่ควรพลาด อัปเดตล่าสุด 2 มีนาคม 2564 เวลา 20:44:55 16,560 อ่าน
TOP