ทำความรู้จักกับ 7 สายลับพยัคฆ์ร้าย เจมส์ บอนด์ 007 ตลอด 59 ปี มีใครบ้างที่เคยสวมบทบาทนี้
หากพูดถึงชื่อของสายลับระดับตำนาน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชื่อของ เจมส์ บอนด์ หรือ พยัคฆ์ร้าย 007 คงเป็นชื่อแรก ๆ ที่คอหนังนึกถึง เพราะขึ้นหิ้งหนังสายลับระดับตำนานไปแล้ว โดยตัวหนังเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าติดตาม เทคโนโลยีล้ำยุค และฉากแอ็คชั่นสุดตื่นตา ที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังแฟรนไชส์ที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ และเพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของ No Time to Die หนังเจมส์ บอนด์ (James Bond) ภาคที่ 25 และเป็นการส่งท้ายบทบาทสายลับ 007 ของ แดเนียล เคร็ก วันนี้กระปุกดอทคอมจะขอชวนแฟน ๆ มาทำความรู้จักกับเหล่านักแสดงผู้ที่เคยรับบทบาทพยัคฆ์ร้ายตลอด 59 ปี มีใครบ้างนั้นมาดูกันเลย
1. ฌอน คอนเนอรี (1962-1967, 1971)
พยัคฆ์ร้ายคนแรกของหนังชุด James Bond ที่ได้นักแสดงหนุ่มอย่าง ฌอน คอนเนอรี (Sean Connery) มาเปิดตำนานหนังสายลับ โดยเขามีผลงานรวมทั้งสิ้น 7 ภาคด้วยกัน และกลายเป็นมาตรฐานสำหรับนักแสดงคนต่อ ๆ มา ที่มาสืบทอดบทยอดพยัคฆ์ร้าย 007 นั่นเอง
- Dr. No (1962)
- From Russia with Love (1963)
- Goldfinger (1964)
- Thunderball (1965)
- You Only Live Twice (1967)
- Diamonds are Forever (1971)
- Never say never again (1983
2. เดวิด นีเวน (1967)
มารับบทนี้คั่นช่วงในปี 1967 สำหรับ เดวิด นีเวน (David Niven) ที่แม้จะมาเพียงแค่ภาคเดียวอย่าง Casino Royale ก็เรียกได้ว่าสร้างความโดดเด่นและแตกต่างเป็นอย่างมาก เพราะเป็นหนังตลกล้อเลียนที่เล่าเรื่องเจมส์ บอนด์ ในวัยปลดเกษียณ แต่แล้ว MI6 ก็มาหาเขาหลังการเสียชีวิตของเอ็ม และสายลับในต่างประเทศอีกหลายราย เจมส์ บอนด์ ออกตามล่าหาผู้อยู่เบื้องหลังแล้วก็พบว่า ดร.โนอาห์ และกลุ่มสายลับรัสเซียในชื่อ SMERSH คือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายนี้
3. จอร์จ ลาเซนบี (1969)
เป็นอีกหนึ่งพระเอกที่มาคั่นช่วงเวลาเช่นเดียวกัน สำหรับ จอร์จ ลาเซนบี (George Lazenby) นายแบบหนุ่มที่จับพลัดจับผลูมารับบทสายลับเจมส์ บอนด์ แบบงง ๆ ในตอน On Her Majesty's Secret Service ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ เอิร์นส์ สตาฟโร โบลเฟลด์ หัวหน้าขององค์กรสเปกเตอร์ ที่ขู่ว่าจะปล่อยไวรัสร้ายแรงสู่ชาวโลก ทำให้สายลับ 007 เจมส์ บอนด์ ต้องหาทางหยุดยั้งแผนร้ายนี้ บอนด์ได้เดินทางไปยังสวิตเซอร์แลนด์ โดยที่ครั้งนี้เขาได้พบรักกับ เทรซี่ ลูกสาวของหัวหน้าองค์กรอาชญากรรมยุโรป ยูเนียนโคร์ส
4. โรเจอร์ มัวร์ (1973-1985)
รับช่วงต่อจาก ฌอน คอนเนอรี สำหรับ โรเจอร์ มัวร์ (Roger Moore) กับบทบาท เจมส์ บอนด์ คนที่ 4 ในหนังชุดสายลับนี้เขาเล่นทั้งหมดถึง 7 ภาค ซึ่งกินเวลายาวนานถึง 12 ปี เลยทีเดียว และสำหรับแฟนหนังชาวไทย โรเจอร์ มัวร์ ได้ชื่อว่าเป็นขวัญใจเลยก็ว่าได้ เพราะในช่วงที่หนัง The Man with the Golden Gun ยกกองมาถ่ายทำที่เขาตะปู ประเทศไทย ทำให้สถานที่ดังกล่าวมีชื่อเสียงจนได้รับการขนานนามว่าเป็น "เกาะเจมส์ บอนด์" อีกด้วย
- Live and Let Die (1973)
- The Man with the Golden Gun (1974)
- The Spy Who Loved Me (1977)
- Moonraker (1979)
- For your eyes only (1981)
- Octopussy (1983)
- A view to a kill (1985)
5. ทิโมธี ดัลตัน (1987-1989)
จะบอกว่าเป็น เจมส์ บอนด์ สายดาร์กก็พูดได้ไม่ผิดนัก สำหรับนักแสดง ทิโมธี ดัลตัน (Timothy Dalton) เจ้าของบทบาท เจมส์ บอนด์ คนที่ 5 ของจักรวาลหนังสายลับ ที่เพิ่มความเป็นนักฆ่าและดุดัน มากกว่าความเจ้าสำอางในเวอร์ชั่นก่อน ๆ โดยเขารับบทบาทบอนด์ไว้เพียงแค่ 2 ตอน เท่านั้น
- The living daylights (1987)
- License to kill (1989)
6. เพียร์ซ บรอสแนน (1995-2002)
เป็นเวอร์ชั่นที่ทรงเสน่ห์ที่สุดก็ว่าได้สำหรับบทบาทสายลับ 007 ของ เพียร์ซ บรอสแนน (Pierce Brosnan) โดยหนังเวอร์ชั่นนี้เต็มไปด้วยของเล่นไฮเทคมากมาย สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นการพลิกโฉมหน้าวงการสายลับและแจ้งเกิด เพียร์ซ บรอสแนน กันเลยทีเดียว โดยเขาแสดงไว้ทั้งสิ้น 4 ภาค
- GoldenEye (1995)
- Tomorrow never dies (1997)
- The world is not enough (1999)
- Die another day (2002)
7. แดเนียล เคร็ก (2006-2021)
มาถึง เจมส์ บอนด์ คนล่าสุด ที่รับช่วงต่อจาก เพียร์ซ บรอสแนน ซึ่งได้ชื่อว่าถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับ แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) ด้วยความที่รูปลักษณ์ไม่พิมพ์นิยมตามทรง บอนด์ คนอื่น ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าการแสดงที่ทรงพลังของเขาทำให้กลายเป็น 007 ที่มัดใจคนดูได้มากที่สุดอีกคนหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งจนถึงตอนนี้เขาแสดงมาทั้งหมด 5 ภาค และภาคล่าสุดอย่าง No time to die ที่กำลังเข้าฉายในบ้านเรา จะเป็นภาคสุดท้ายที่ แดเนียล เคร็ก รับบท เจมส์ บอนด์ พยัคฆ์ร้าย 007 ซึ่งถือได้ว่าเขาเป็นสายลับบอนด์ที่ยาวนานที่สุดถึง 15 ปี เลยทีเดียว
- Casino Royale (2006)
- Quantum of solace (2008)
- Skyfall (2012)
- Spectre (2015)
- No time to die (2021)
จากความสำเร็จของหนังสายลับ 007 นี้เอง ที่ยังคงทำให้เรื่องราวถูกนำมาสร้างอย่างต่อเนื่อง ส่วนบทบาท เจมส์ บอนด์ จะถูกส่งต่อให้ใครนั้น คงต้องติดตามดูกันต่อไป
ภาพจาก เว็บไซต์ 007