ส่องผลงาน บรูซ วิลลิส แอ็คชั่นสตาร์ระดับตำนาน กับรายชื่อหนังบู๊สุดมันที่การันตีความระห่ำ
หนึ่งในแอ็คชั่นสตาร์ที่เป็นขวัญใจของคอหนังหลายคนมาเนิ่นนาน คงหนีไม่พ้นชื่อของ บรูซ วิลลิส (Bruce Willis) นักแสดงระดับตำนานของวงการฮอลลีวูดที่มีผลงานหนังมัน ๆ บู๊ สุดระห่ำ ยิงกันสนั่นเมืองมามากมาย ซึ่งหลังจากข่าวล่าสุดของนักแสดงรุ่นใหญ่ที่ต้องอำลาวงการเพราะอาการป่วยจากภาวะบกพร่องทางการสื่อสาร [อ่านเพิ่มเติม: ช็อก ! บรูซ วิลลิส จำต้องโบกมือลาการแสดง หลังป่วยเป็นภาวะเสียการสื่อความ] วันนี้กระปุกดอทคอมขออาสาพาแฟน ๆ ไปย้อนรอยประวัติ พร้อมส่องผลงานอันโดดเด่นของแอ็คชั่นสตาร์คนนี้ให้แฟน ๆ ได้ชมกัน ถ้าพร้อมแล้วก็มาตามไปมันกันได้เลย
ประวัติ บรูซ วิลลิส
เส้นทางการแสดงของ บรูซ วิลลิส เริ่มจากการเป็นนักศึกษาเอกการละคร มหาวิทยาลัยมอนท์แคลร์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ โดยเมื่อเริ่มรู้ตัวว่าต้องดิ้นรนเพื่อตามหาความฝัน เขาตัดสินใจย้ายไปยังนิวยอร์กแล้วเดินตามเส้นทางของตัวเอง หลังผ่านความล้มเหลวจากการออดิชั่น และได้รับบทเล็ก ๆ อยู่หลายครั้ง ในที่สุด บรูซ วิลลิส ก็มีโอกาสอวดฝีมือในหนังเรื่อง Die Hard (1988) คนอึดตายยาก ที่ทำให้เขาโด่งดังในบทนักสืบนิวยอร์ก จอห์น แม็คเคลน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มกอบโกยชื่อเสียงในหนังอีกหลายเรื่อง อาทิ The Fifth Element (1997), Armageddon (1998), The Sixth Sense (1999) รวมไปถึง The Expendables (2010) นอกจากนี้ยังมีผลงานซีรีส์ที่ทำให้เป็นที่รู้จักและโด่งดังมาก จาก Moonlighting โดยรับบทเป็น นักสืบเอกชน เดวิด แอดดิสัน
ทั้งนี้ เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ 5 ครั้ง โดยชนะรางวัล 1 ครั้งในปี 1987 สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในทีวีซีรีส์แนวคอมเมดี้ จากเรื่อง Moonlighting รวมถึงยังเคยได้รับ 2 รางวัล Emmy Awards ปี 1987 จากซีรีส์ Moonlighting ในสาขา Outstanding Lead Actor In A Drama Series และปี 2000 ในสาขา Outstanding Guest Actor In A Comedy Series จากซีรีส์ Friends อีกด้วย
ผลงานหนัง บรูซ วิลลิส
1. Die Hard (1988)
ผลงานสร้างชื่อและทำให้ บรูซ วิลลิส เป็นที่จดจำนั่นก็คือ บทบาท จอห์น แม็คเคลน นายตำรวจหนุ่มสุดอึด ที่มักจะตกอยู่ในสถานการณ์ขับขันแบบไม่รู้ตัว โดยหนัง Die Hard ภาคแรกในปี 1988 ถือเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญจากนักแสดงแนวโรแมนติก คอมเมดี้ จู่ ๆ ก็ต้องมาบู๊ล้างผลาญ แต่เขาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองและทำให้คนดูอินไปกับบทบาทนี้ได้ และจากความสำเร็จนี้เองทำให้หนังถูกนำมาสานต่อถึง 5 ภาค ได้แก่ Die Hard 2 (1990), Die Hard with a Vengeance (1995), Live Free or Die Hard (2007) และ A Good Day to Die Hard (2013) ซึ่งในทุกภาคจะเป็นการเล่าเรื่องราวของ จอห์น แม็คเคลน นายตำรวจหนุ่มสุดอึดนั่นเอง ซึ่ง Die Hard ทั้ง 5 ภาคทำเงินไปถึง 1,500 ล้านเหรียญฯ ทั่วโลก
2. 12 Monkeys (1995)
หนังแนววิทยาศาสตร์สุดระทึกกับการหยิบเรื่องราวที่กล่าวถึงโลกที่เต็มไปด้วยไวรัสอันตรายจนทำให้มนุษย์ต้องหลบอาศัยอยู่ใต้ดิน ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เจมส์ โคล นักโทษเดนตายที่ถูกส่งย้อนเวลากลับไปอดีตเพื่อสืบหาต้นตอปริศนาของเชื้อไวรัสมหาภัยที่คร่าชีวิตประชากร กระทั่งค้นพบกลุ่มคนเบื้องหลังที่เรียกตัวเองว่า "สิบสองวานร" และกลับมารายงาน ซึ่งเขาต้องย้อนเวลาอีกครั้งเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสจนได้พบกับ แคทรีน กอยส์ นักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นไวรัสมหันตภัยนี้พร้อมกับลูกชาย เจฟฟรีย์ และยังต้องข้ามเวลาอีกหลายครั้งเพื่อสืบค้นว่าใครเป็นผู้ปล่อยไวรัสชนิดนี้และหาข้อมูลต้องพยายามขัดขวางไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอนาคตที่ทุกคนบนโลกได้เผชิญมาแล้ว
3. The Fifth Element (1997)
เนื้อหาของหนังพูดถึงเรื่องราวของโลกในอนาคตที่ถูกคุกคามโดยภัยจากห้วงอวกาศ มีเพียงอาวุธที่ถูกขนานนามว่าธาตุที่ 5 เท่านั้นที่จะสามารถปกป้องมนุษยชาติจากภัยร้ายได้ ซึ่งธาตุที่ 5 จะปรากฏตัวเมื่อสามารถปลุกธาตุทั้ง 4 (ดิน, น้ำ, ลม,ไฟ) ก่อนได้แล้วเท่านั้น หนังได้พระเอกขาบู๊อย่าง บรูซ วิลลิส มารับบท เคอร์เบน ดาลลัส อดีตนายทหารที่ผันตัวมาเป็นคนขับแท็กซี่ ซึ่งต้องมาปกป้อง ลีลู สาวน้อยจากต่างดาวที่หลบหนีออกมาจากห้องทดลอง และเป็นธาตุที่ 5 (มิลลา โจโววิช) แบบไม่รู้ตัว
4. Armageddon (1998)
ความรัก การเสียสละ และภารกิจเพื่อชาติ ทำให้หนัง Armageddon แตกต่างจากหนังภัยพิบัติทั่วไป หนังบอกเล่าเรื่องราวเมื่อดาวหางยักษ์กำลังพุ่งเข้าหาโลก และเหลือเวลาเพียงแค่ 18 วันก่อนดาวหางพุ่งชนโลก ซึ่งความหวังเดียวของมวลมนุษยชาติอยู่ที่ แฮร์รี่ สแตมป์เพอร์ และลูกทีมที่ไม่มีพื้นที่ใดบนโลกที่พวกเขาขุดเจาะไม่สำเร็จ พวกเขามีเวลา 12 วันในการฝึกหลักสูตรนักบินอวกาศเพื่อขึ้นไปทำภารกิจ สุดระทึกและอันตรายถ้าพวกเขาพลาดหมายถึงหายนะของโลก ในเรื่องนี้ บรูซ วิลลิส รับบท แฮร์รี่ สแตมป์เพอร์ คุณพ่อผู้เสียสละให้กับความรักที่มีต่อลูกสาวและเพื่อนร่วมงานนั้นเอง
5. The Sixth Sense (1999)
หนังสยองแจ้งเกิดของ เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน ที่ใคร ๆ ต่างพูดถึงเรื่องตอนจบหักมุม ความน่ากลัวของ The Sixth Sense เล่าผ่านการพบกันของจิตแพทย์เด็ก มัลคอล์ม โครว์ (บรูซ วิลลิส) ที่ต้องบำบัดหนูน้อยวัย 8 ขวบนามว่า โคล เซียร์ (ฮาลีย์ โจเอล ออสแมน) ผู้สัมผัสกับโลกวิญญาณจนไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ แต่ยิ่งกระบวนการรักษาเข้มข้นมากขึ้นเท่าไร สิ่งที่ทั้งคู่ต้องเผชิญคือเหตุการณ์สุดสยองที่นำไปสู่จุดจบอันคาดไม่ถึง
6. Tears of the Sun (2003)
หนังบู๊แอ็คชั่นแนวสงครามที่บอกเล่าเรื่องราวของหน่วยซีลกับภารกิจสุดโหดเพื่อช่วยเหลือหมอชาวอเมริกันคนหนึ่งออกมาจากไนจีเรีย โดยในเรื่องนี้ บรูซ วิลลิส รับบท ผู้หมวดวอเตอร์ส ที่ต้องโดดลงกลางป่าในไนจีเรียเพื่อนำตัวพลเมืองอเมริกัน ดร.ลีนา เคนดริกส์ และพวกกลับมาก่อนที่จะถูกกองกำลังปฏิวัติจะมาถึงตัว แต่เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้นเมื่อหมอยืนยันที่จะอยู่จนกว่าจะนำชาวบ้านทั้งหมดไปยังศูนย์อพยพด้วย ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นความโหดร้ายของทหารไนจีเรียที่กระทำต่อพลเมืองของตนเอง วอเตอร์สจึงพบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในภารกิจของทหารคือการปกป้องชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์นั่นเอง
7. Sin City (2005) // Sin City: A Dame to Kill For (2014)
หนังแอ็คชั่นกระแสแรงที่ได้รับการชื่นชมมากที่สุดแห่งปี 2005 ก็ว่าได้ สำหรับ Sin City (2005) ที่บอกเล่าเรื่องราวของ ซินซิตี้ เมืองที่ไม่มีคนดีหน้าไหนกล้าเข้าไปเหยียบ หรือแม้แต่จะเฉียดกรายเข้าใกล้ เพราะทุกตรอกซอกซอย ทุกหัวระแหงเต็มไปด้วยความรุนแรง มันคือสวรรค์ของอาชญากรนี่เอง แต่ในค่ำคืนหนึ่งชายหนุ่ม 3 คน ฮาร์ติแกน, มาร์ฟ และดไวท์ กำลังจะพลิกชะตากรรมของเมืองด้วยสองมือของตัวเอง พวกเขากำลังเล่นเกมล่าอันตราย ที่วางเดิมพันไว้ด้วยชีวิต มหานครแห่งบาปกำลังถูกอาบให้ชุ่มโชกด้วยเลือด หนังภาคแรกทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 158 ล้านเหรียญ ทำให้มีการสานต่อเรื่องราวภาค 2 ในปี 2014 กับ Sin City: A Dame to Kill For โดย บรูซ วิลลิส กลับมารับบท ฮาร์ติแกน เช่นเดิม
8. Unbreakable (2000)
สานต่อความสำเร็จจาก The Sixth Sense ด้วยผลงานแนวลึกลับเรื่องถัดมาที่ใช้บริการ บรูซ วิลลิส รับหน้าที่แสดงนำเหมือนเดิม มาคราวนี้เขาสวมบทเป็น เดวิด ดันน์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุรถไฟใต้ดินชนกัน ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยคือเขารอดชีวิตออกมาแบบไร้รอยขีดข่วน หลังจากนั้นเขาค้นพบว่าตัวเองมีพลังพิเศษ ด้วยความช่วยเหลือของ เอไลจาห์ ไพรซ์ เจ้าของแกลเลอรี่ศิลปะจากหนังสือการ์ตูนซึ่งมีร่างกายเปราะบางทำให้เขาถูกขนานนามว่า กลาสแมน ที่พยายามผลักดันใน ดันน์ ทำหน้าที่ซูเปอร์ฮีโร่ เพราะนอกจากร่างกายที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์แล้ว เดวิด ยังมีความพิเศษในการรับรู้การกระทำเลวร้ายของผู้คนที่เพิ่งกระทำมาไม่นานนี้ ได้ด้วยการสัมผัสร่างกายเพียงแวบเดียว ซึ่งหนังเรื่องนี้ยังถูกเชื่อโยงไปกับ Split (2016) และ Glass (2019) อีกด้วย
9. Red (2010) // Red 2 (2013)
หนังบอกเล่าเรื่องราวของ แฟรงค์ โมเซส อดีตสายลับซีไอเอประจำหน่วยจู่โจมพิเศษ ที่ล้างมือจากวงการ และใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างสงบ จนกระทั่งวันหนึ่งหน่วยสังหารมืออาชีพบุกเข้ามาและพยายามตามเก็บเขา ด้วยความลับในตัวตนที่แท้จริงของ แฟรงค์ ถูกเปิดโปง และทำให้ชีวิตของ ซาร่าห์ ผู้หญิงที่เขารักต้องตกอยู่ในอันตราย แฟรงค์ จึงออกเดินทางรวบรวมอดีตสมาชิกหน่วยพิเศษ ประกอบไปด้วย โจ มันสมองของทีม, มาร์วิน มือปืนสุดเพี้ยน และ วิคตอเรีย นักแม่นปืนผู้ดีอังกฤษที่ต่างตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ทั้งหมดต้องร่วมกันสืบสวนเพื่อหาต้นตอว่า ทำไมชื่อพวกเขาถึงปรากฏอยู่บนใบสั่งฆ่า ทั้งนี้หนังภาคแรกทำงานไปสูงถึง 190 ล้านเหรียญ จึงทำให้มีภาค 2 ตามมาในปี 2013 โดย บรูซ วิลลิส รับบท แฟรงค์ โมเซส เช่นเดิม
10. Glass (2019)
สานต่อเรื่องราวจาก Split (2016) ที่มีความเชื่อมโยงเรื่องราวมาจาก Unbreakable (2000) หลังจากที่มิสเตอร์กลาสค้นพบว่า เดวิด ดันน์ กำลังออกตามล่า อสูร (หรือ The Beast) ร่างเหนือมนุษย์ของ เควิน เวนเดล ครัมบ์ ทำให้ทั้งสองนั้นต้องเผชิญหน้าปะทะกันอยู่หลายต่อหลายครั้งซ้ำยังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันทางฝั่งของ เอไลจาห์ ไพรซ์ (มิสเตอร์กลาส) เองก็ค่อย ๆ เผยตัวออกมาจากความมืดว่า ตนนั้นเป็นผู้ชักใยที่กุมความลับสำคัญของคนทั้งคู่เอาไว้นั่นเอง
แม้ว่าในวันนี้ บรูซ วิลลิส จะยุติบทบาทด้านการแสดงจากอาการป่วยเป็นโรคอะเฟเซีย (Aphasia) หรือภาวะบกพร่องทางการสื่อความ อย่างเป็นทางการแล้ว แต่ผลงานของเขาที่ฝากไว้ยังคงสามารถสร้างความประทับใจให้กับคอหนังรุ่นหลัง ๆ ได้เป็นอย่างดี เอาเป็นว่าใครที่สนใจก็สามารถติดตามผลงานที่หลากหลายของเขาคนนี้กันได้ เพราะไม่ได้มีเพียงแค่ภาพจำจากบทบู๊ระห่ำอย่าง จอห์น แม็คเคลน เท่านั้น ความสามารถในการแสดงของเขายังรวมถึงอีกภาพยนตร์อีกหลาย ๆ เรื่อง ที่จะยังคงติดอยู่ในใจของผู้ชมตลอดไปอย่างแน่นอน
ขอบคุณภาพจาก Instagram @scoutlaruewillis, Instagram @demimoore, เฟซบุ๊ก Die Hard, เฟซบุ๊ก Universal Pictures (1), (2), เฟซบุ๊ก The Fifth Element, เฟซบุ๊ก Jerry Bruckheimer Films Official, Disney+ Hotstar (1), (2), เว็บไซต์ Sony Pictures Entertainment, เฟซบุ๊ก Sin City, เฟซบุ๊ก RED