รวมหนังเจ้าหญิงดิสนีย์เวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่น สนุกครบรส ดูได้ไม่มีเบื่อ เหล่าแฟน ๆ เจ้าหญิงดูแล้วต้องอินหนักกว่าเดิม
เชื่อว่าคอหนังหลายคนคงโตมากับ การ์ตูนดิสนีย์ และแฟรนไชส์แยกของเหล่าเจ้าหญิงดิสนีย์ โดยเฉพาะในชื่อของ Disney Princess ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากการ์ตูนแอนิเมชั่นเหล่าเจ้าหญิง ที่เป็นเส้นเรื่องหลักของดิสนีย์และภาคแยกต่าง ๆ เพื่อเป็นการต่อยอดความฝันของเหล่าแฟนคลับก็มีการหยิบเอาเรื่องราวการ์ตูนสุดคลาสสิกมาสร้างเป็นหนังฉบับไลฟ์แอ็คชั่น (Live-Action) หรือหนังที่เป็นคนจริง ๆ มาสวมบทบาทตัวการ์ตูนนั้น ๆ แน่นอนว่าบทเจ้าหญิงดิสนีย์ในหนังเป็นส่วนสำคัญที่แฟนพันธุ์แท้เจ้าหญิงตั้งตารอคอยว่าจะสวยและตรงตามลักษณะในฉบับการตูนหรือไม่ ในวันนี้ กระปุกดอทคอม จึงได้รวบรวมเอาหนังเจ้าหญิงดิสนีย์ในเวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่นมาฝากกันอย่างจุใจ เรียกว่าเอาใจแฟนเจ้าหญิงดิสนีย์สุด ๆ จะมีเรื่องไหนบ้างไปเริ่มกันเลย
รวมหนังเจ้าหญิงดิสนีย์
เวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่น
1. Cinderella - ซินเดอเรลล่า (2015)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Cinderella
ตำนานรองเท้าแก้วของซินเดอเรลล่าที่ทำให้สาวน้อยจากหน้าเตาได้ก้าวมาสู่ตำแหน่งเจ้าหญิง การ์ตูนสุดคลาสสิกของดิสนีย์ ที่กลายมาเป็นหนังฉบับไลฟ์แอ็คชั่นเรื่องแรก ๆ โดยอิงจากเรื่องราวเดิมของต้นฉบับเกือบทั้งหมด และได้ Lily James มารับบทเป็นซินเดอเรลล่าแสนสวย ประกบคู่กับ Richard Madden ในบทบาทของเจ้าชายชาร์มมิ่งรูปงาม พร้อม Helena Bonham Carter ที่มารับบทเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวแสนดี ตัวละครที่สำคัญของเรื่อง นับว่าเป็นหนังเจ้าหญิงดิสนีย์เวอร์ชั่นคนแสดงที่สร้างกระแสฮือฮาให้กับเหล่าแฟนคลับ เพราะทำได้ดีทั้งงานภาพ ความอลังการ รวมถึงการเลือกตัวนักแสดงที่มีความน่าสนใจ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Cinderella
เรื่องราวของ Cinderella นั้นเริ่มต้นด้วยการเล่าถึงเรื่องราวของซินเดอเรลล่าที่ต้องอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงพร้อมด้วยลูกเลี้ยงอีก 2 คน หลังจากที่เธอได้สูญเสียแม่และพ่อไป ซึ่งซินเดอเรลล่าก็ถูกรังแก ถูกโขกสับเยี่ยงคนรับใช้ ต้องคอยทำงานรองรับอารมณ์ทั้งแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงมาโดยตลอด จนวันหนึ่งซินเดอเรลล่าได้บังเอิญเจอกับชายหนุ่มรูปงามในป่าโดยที่ไม่รู้ว่าเขาคือเจ้าชายชาร์มมิ่ง หลังจากนั้นไม่นานก็มีประกาศเชิญหญิงสาวทั่วราชอาณาจักรให้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำในพระราชวัง ซึ่งแน่นอนว่าซินเดอเรลล่าถูกกลั่นแกล้งไม่ให้ไปตามเคย ทำให้นางฟ้าแม่ทูนหัวปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือเธอ ซึ่งเหตุการณ์หลังจากนี้เองที่จะเปลี่ยนชีวิตของซินเดอเรลล่าไปตลอดกาล
2. Beauty and the Beast - โฉมงามกับเจ้าชายอสูร (2017)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Beauty and the Beast
เรื่องราวความรักแท้ที่เกิดขึ้นระหว่างสาวสวยและอสูรก็ได้ถูกหยิบยกมาสร้างเป็นหนังเจ้าหญิงดิสนีย์ฉบับไลฟ์แอ็คชั่นเช่นกัน แถมยังเป็นเรื่องที่ได้รับคำชมและถูกพูดถึงอย่างมากเกี่ยวกับการแคสต์นักแสดงมารับบทเด่นในเรื่องอย่าง เบลล์ สาวงามที่มีความเฉลียวฉลาด ใฝ่รู้ โดยได้ Emma Watson แม่มดสาวจากโลกเวทมนตร์ที่พักการโบกไม้กายสิทธิ์มาเติมชีวิตชีวาให้กับ Dan Stevens ผู้รับบทเป็นอสูรผู้ดุร้าย อีกทั้งยังได้ William Condon ผู้กำกับสายมิวสิคัล มากำกับการแสดงด้วย
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Beauty and the Beast
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Beauty and the Beast
Beauty and the Beast หรือโฉมงามกับเจ้าชายอสูร เริ่มต้นที่ เบลล์ โฉมงามหนอนหนังสือที่ถูกจับตัวเอาไว้ในปราสาทลึกลับ โดยเจ้าชายอสูรรูปร่างสูงใหญ่ผู้เป็นเจ้าของปราสาท ซึ่งแท้จริงแล้วอสูรตนนั้นเป็นเจ้าชายรูปงามที่ถูกแม่มดสาปพร้อมกับเหล่าบริวารรับใช้ เพื่อเป็นบทลงโทษให้กับความใจร้ายเย็นชาเมื่อครั้งอดีต และหนทางเดียวในการแก้คำสาปก็คือ การค้นพบหญิงที่จะรักเจ้าชายในร่างของอสูรจากใจจริง เบลล์จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญและเป็นความหวังเดียวที่เหล่าบริวารต้องการให้มาแก้ไขคำสาปนี้เพื่อที่จะได้กลับมาเป็นคนธรรมดาอีกครั้ง
3. Aladdin - อะลาดิน (2019)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Aladdin
การผจญภัยอันตื่นเต้นของ อะลาดินและตะเกียงวิเศษ เริ่มต้นอีกครั้งในเวอร์ชั่นคนแสดง ที่บอกเลยว่าแทบจะไม่มีการดัดแปลงเนื้อเรื่องของต้นฉบับเลย ทำเอาแฟน ๆ การ์ตูนเรื่องนี้ถูกอกถูกใจเป็นอย่างมาก นอกจากเรื่องราวเดิม ๆ ที่สนุกตื่นเต้นอยู่แล้ว นักแสดงที่มาสวมบทบาทเป็นตัวละครในเรื่องก็ได้รับการแคสต์มาอย่างสมจริง ตั้งแต่ Mena Massoud ที่รับบทเป็น อะลาดิน หนุ่มยากจน Naomi Scott เจ้าของบทบาท จัสมิน หนึ่งในเจ้าหญิงดิสนีย์ และยักษ์จีนี่ รับบทโดย Will Smith ที่สมจริงราวกับหลุดมาจากโลกเทพนิยายเลยทีเดียว
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Aladdin
เรื่องราวการผจญภัยเริ่มต้นขึ้นจาก อะลาดิน หนุ่มยากจน ที่ถูก จาฟาร์ พ่อมดที่ดูไม่น่าไว้วางใจ หลอกล่อให้ไปเอาตะเกียงวิเศษในถ้ำกลางทะเลทราย แต่เมื่ออะลาดินได้พบกับตะเกียงใบนั้นกลับเผลอปลดปล่อย ยักษ์จีนี่ ที่ถูกจองจำไว้โดยบังเอิญ ซึ่งยักษ์ก็ได้ตอบแทนด้วยการให้อะลาดินขอพรอะไรก็ได้ 3 ข้อ อะลาดินจึงขอพรให้ตัวเองได้เป็นเจ้าชายอาลี เพื่อจะได้จัดขบวนขันหมากสุดอลังการสมฐานะไปสู่ขอเจ้าหญิงจัสมิน หญิงที่ตนเองหลงรัก ก่อนจะขึ้นขี่พรมวิเศษที่ได้จากยักษ์จินนี่เพื่อไปหาเจ้าหญิงจัสมิน และทั้งสองก็ได้ขึ้นพรมวิเศษเพื่อไปท่องโลกกว้างด้วยกัน
4. Mulan - มู่หลาน (2020)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Mulan
ใครว่าเจ้าหญิงดิสนีย์ต้องเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้ เพราะ มู่หลาน จะเปลี่ยนความคิดนี้ของทุกคนไปโดยสิ้นเชิง กับหนังเจ้าหญิงดิสนีย์ฉบับไลฟ์แอ็คชั่น ที่มีการปรับเปลี่ยนดัดแปลงเนื้อเรื่องไปจากฉบับการ์ตูนเล็กน้อย คือตัดตัวการ์ตูนบางตัวออกและเสริมตัวละครใหม่เข้าไปแทน เสริมด้วยฉากแอ็คชั่นจัดเต็ม นอกจากนี้ยังได้ผู้กำกับหญิงอย่าง Niki Caro มากำกับการแสดง อีกทั้งยังยกทัพดาราชาวเอเชียระดับต้น ๆ มาอย่างคับคั่ง ทั้ง หลิวอี้เฟย ในบทบาทของ ฮัวมู่หลาน, เจ็ท ลี กับบทบาทจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของจีน และ กงลี่ ราชินีแห่งวงการภาพยนตร์จีน ที่มารับบทแม่มดฝ่ายร้าย ผู้เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญของเรื่อง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Mulan
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Mulan
เรื่องราวสุดแสนกล้าหาญของ ฮัวมู่หลาน หญิงสาวสุดห้าวจากสกุลฮัว ผู้เป็นความหวังของตระกูลว่าจะต้องได้สามีที่ดี เพื่อให้เป็นเกียรติและศักดิ์ศรีแก่วงศ์ตระกูล แต่มู่หลานกลับไม่ใช่หญิงที่อ่อนหวานเหมือนหญิงทั่วไป จึงได้ทำผิดพลาดในงานดูตัวและทำให้แม่สื่อไม่พอใจจนได้รับความอับอาย ในขณะเดียวกันฝ่ายศัตรูก็ได้ทำการรุกรานแผ่นดินจีน แผ่นดินที่ลุกเป็นไฟทำให้องค์ฮ่องเต้ประกาศหาตัวแทนจากแต่ละครอบครัวเพื่อมาเป็นทหาร แต่ในสกุลฮัวมีผู้ชายเพียงแค่คนเดียวคือพ่อผู้แก่ชราของมู่หลาน ทำให้เธอตัดสินใจปลอมตัวเป็นชายเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพ และนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความกล้าหาญอันแสนยิ่งใหญ่ของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นามว่า ฮัวมู่หลาน
5. The Little Mermaid - เงือกน้อยผจญภัย (2023)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Little Mermaid
สร้างความฮือฮาตั้งแต่หนังยังไม่เข้าฉายเลยสำหรับหนังเจ้าหญิงดิสนีย์เวอร์ชั่นคนแสดงอย่าง The Little Mermaid ซึ่งเป็นการหยิบยกเอาเรื่องราวการผจญภัยสุดคลาสสิกของเจ้าหญิงเงือกน้อย มาบอกเล่าเรื่องราวใหม่อีกครั้งด้วยกลิ่นอายที่แตกต่างไปจากเดิม ด้วยฝีมือการกำกับของ Rob Marshall ผู้กำกับมือทองที่เคยกำกับภาพยนตร์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์มาแล้วหลายเรื่อง อีกทั้งยังได้ Halle Bailey นักร้องสาว มาขับร้องเพลงอันไพเราะในบทบาทของ เงือกน้อยแอเรียล ประกบคู่กับ Jonah Hauer-King ที่มารับบท เจ้าชายเอริค นอกจากนี้ยังได้ Javier Bardem มารับบท ราชาไทรทัน และ Melissa McCarthy ในบทของ เออร์ซูลา
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Little Mermaid
ทั้งนี้ The Little Mermaid เงือกน้อยผจญภัย ในเวอร์ชั่นการ์ตูนนั้น จะเป็นการเล่าเรื่องราวของเจ้าหญิงเงือกน้อยนามว่า แอเรียล ผู้มีความใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากจะเป็นมนุษย์ ก่อนที่เธอจะตกหลุมรัก เจ้าชายอิริค แอเรียลจึงได้ตัดสินใจทำข้อตกลงกับ เออร์ซูลา แม่มดปลาหมึก ผู้ได้ชื่อว่าร้ายกาจที่สุดแห่งท้องทะเล เพื่อให้เธอได้กลายเป็นมนุษย์เป็นเวลา 3 วัน โดยแลกกับเสียงอันไพเราะของตัวเอง และมีข้อแม้ว่าเธอจะต้องได้รับจุมพิตจากเจ้าชายเท่านั้น เธอจึงจะได้เป็นมนุษย์ไปตลอดกาล มิเช่นนั้นเธอจะต้องกลับมาเป็นนางเงือก และตกเป็นทาสของเออร์ซูลาตลอดไป สำหรับ The Little Mermaid เงือกน้อยผจญภัย ฉบับไลฟ์แอ็คชั่น มีกำหนดเข้าฉายในบ้านเรา 25 พฤษภาคม 2023 ค่ะ
6. Snow White (2024)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Disney D23
อย่างที่รู้ ๆ กันว่าดิสนีย์จะมีการสร้างหนังเจ้าหญิงดิสนีย์ฉบับไลฟ์แอ็คชั่นออกมาเป็นประจำทุกปี ซึ่งหลังจากที่มีการประกาศวันกำหนดฉายเรื่อง The Little Mermaid แล้ว ทางดิสนีย์ก็ยังมีข่าวคราวเกี่ยวกับนักแสดงในหนังเวอร์ชั่นคนแสดงจริงเรื่องต่อไป นั่นคือ Snow White โดยได้ Rachel Zegler นักแสดงสาวชาวโคลอมเบีย มารับบทเป็น สโนว์ไวท์ และยังได้ Gal Gadot นักแสดงสาวที่สลัดลุควันเดอร์วูแมนมารับบทราชินีผู้ชั่วร้าย เจ้าของวลี กระจกวิเศษบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี อีกด้วย ซึ่งในส่วนของเนื้อเรื่องนั้นคาดกันว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลงเรื่องราวบางส่วนให้สอดคล้องกับยุคสมัยมากขึ้น และมีแพลนจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 22 มีนาคม 2024 ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ หากมีประกาศจากทางดิสนีย์ออกมา ทางเราจะรีบอัปเดตเพิ่มเติมให้ทันที
ทั้งหมดคือ 6 เจ้าหญิงดิสนีย์ที่ได้รับการสร้างเป็นหนังฉบับไลฟ์แอ็คชั่น หรือหนังที่เป็นคนแสดงจริง ๆ แต่นอกเหนือจากหนังเจ้าหญิงดิสนีย์แล้ว ยังมีการ์ตูนคลาสสิกเรื่องอื่น ๆ รวมถึงตัวละครสำคัญ ๆ ของดิสนีย์ที่ได้รับการสร้างเป็นหนังด้วย จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นเรามีตัวอย่างมาฝากกัน ดังนี้
Alice in Wonderland (2010) และ Alice Through the Looking Glass (2016)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Disney Alice
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Disney Alice
นับเป็นหนังไลฟ์แอ็คชั่นเรื่องแรกของดิสนีย์เลยก็ว่าได้ เหมือนเป็นการชิมลางว่าจากการ์ตูน 2D หากนำมาทำเป็นหนังฟิล์มจะมีกระแสตอบรับเป็นอย่างไร ซึ่งก็ได้ผู้กำกับมือทองอย่าง ทิม เบอร์ตัน มาเป็นหัวเรือใหญ่ในการเนรมิตเรื่องราวจากนิยายแฟนตาซีและการ์ตูนแอนิเมชั่นชื่อดังให้ออกมาเป็นเวอร์ชั่นคนแสดงจริง ๆ โดยได้ Mia Wasikowska รับบท อลิซ สาวน้อยที่หลุดเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์, Anne Hathaway ราชินีขาว, Helena Bonham Carter ราชินีแดง เจ้าของประโยคเด็ด Off with Their Heads (เอามันไปตัดหัวซะ) และ Johnny Depp เจ้าของบทบาท แมดแฮทเทอร์
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Disney Alice
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Disney Alice
เรื่องราวการผจญภัยของ อลิซ ในเวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่นนี้จะแตกต่างจากนิยายที่เราเคยอ่านมาเล็กน้อย โดยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่ อลิซ อายุได้ 19 ปี เมื่อพ่อของเธอจากไป และแม่ของเธอก็พยายามจับคู่ให้เธอแต่งงานกับลูกของเพื่อนสนิทพ่อ แต่อลิซปฏิเสธ ก่อนจะวิ่งตามกระต่ายใส่ชุดยีนตัวหนึ่งจนไปเจอโพรงไม้ใหญ่ ๆ หลังบ้าน ทำให้เธอตกลงไปในโพรงไม้นั้น และอลิซก็ได้เจอกับความพิศวงมากมายในวันเดอร์แลนด์ ซึ่งเธอจะต้องช่วยทุกคนเพื่อหาทางให้ตัวเองได้กลับบ้าน หนังเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก กวาดรายได้ไปมากมาย จนทำให้มีภาค 2 คือ Alice Through the Looking Glass ออกมาในปี 2016 และถือเป็นต้นแบบของหนังฉบับไลฟ์แอ็คชั่นเรื่องอื่น ๆ ต่อมาด้วย
Maleficent - มาเลฟิเซนต์ กำเนิดนางฟ้าปีศาจ (2014)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Maleficent
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Maleficent
พักเรื่องเจ้าหญิงดิสนีย์ มาดูเรื่องราวของแม่มดใจร้ายในเวอร์ชั่นคนแสดงจริงกันบ้างกับ Maleficent ตัวร้ายในการ์ตูนสุดคลาสสิกเรื่อง Sleeping Beauty หรือเจ้าหญิงนิทรา ซึ่งดิสนีย์ได้นำตัวละครนี้มาตีความใหม่ และสร้างเรื่องราวแฟนตาซีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่มดใจร้ายกับเจ้าหญิงออโรร่าขึ้นมาใหม่ โดยได้ตัวแม่อย่าง Angelina Jolie มารับบทเป็น มาเลฟิเซนต์ ประกบคู่กับ Elle Fanning ที่มารับบทเป็นเจ้าหญิงออโรร่า ซึ่งก็สวยสง่า ออร่าจับ หวานละมุนสุด ๆ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Maleficent
โดยเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลาสมัยเด็กของ มาเลฟิเซนต์ ตอนที่เธอยังเป็นเด็กสาวแสนสวย ผู้มีจิตใจอันแสนบริสุทธิ์ จนกระทั่งกองทัพของพวกมนุษย์ได้บุกรุกเข้ามาในอาณาจักรมัวร์อันศักดิ์สิทธิ์ของเธอ มาเลฟิเซนต์จึงต้องลุกขึ้นมาปกป้องความสงบสุขของดินแดนอันเป็นที่รัก แต่แล้วเธอกลับได้ลิ้มรสความเจ็บปวดสาหัสจากการทรยศของคนที่ไว้ใจ จิตใจของเธอจึงถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นชาและความแค้น หลังจากได้ทราบข่าวถึงการถือกำเนิดของเจ้าหญิงแห่งเมืองมนุษย์นามว่า ออโรร่า มาเลฟิเซนต์จึงได้เดินทางเข้าไปในพระราชวัง ก่อนจะทิ้งคำสาปเอาไว้ให้เด็กน้อยลูกสาวของชายผู้ทรยศเธอ แต่ไป ๆ มา ๆ เธอกลับตกหลุมรักความไร้เดียงสาของยัยเด็กน่าเกลียดคนนี้ไปซะได้ จนมีภาค 2 ออกมาคือ Maleficent: Mistress of Evil ในปี 2019
Cruella - ครูเอลล่า (2021)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Cruella de Vil
เปลี่ยนแนวมาเป็นหนังไลฟ์แอ็คชั่นตัวร้ายของดิสนีย์กันบ้างกับ Cruella หญิงสาวที่หมกมุ่นอยู่กับขนสัตว์จากการ์ตูนสุดคลาสสิก 101 Dalmatians ซึ่งเคยมีเวอร์ชั่นคนแสดงไปแล้วในเรื่อง 101 Dalmatians ในปี 1996 แต่ในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ได้ Emma Stone มารับบทเป็นวายร้ายสุดแสบ ที่บอกเล่าเรื่องราวความขบถในช่วงแรกเริ่มของ ครูเอลล่า ตัวร้ายชื่อกระฉ่อน ที่มีความจัดจ้านด้านแฟชั่นที่สุดในวงการภาพยนตร์ โดยเรื่องราวเกิดขึ้นในลอนดอน ปี 1970 ระหว่างการปฏิวัติแฟชั่นสไตล์พังก์ร็อก นักต้มตุ๋นวัยรุ่นชื่อ เอสเตลล่า หญิงสาวผู้ชาญฉลาดและมีความคิดสร้างสรรค์ มุ่งมั่นที่จะสร้างชื่อให้กับตัวเองผ่านการออกแบบของเธอ เธอจึงรวมกลุ่มกับคู่หูจอมโจรที่ชื่นชอบความวายป่วงของเธอ ร่วมมือกันเพื่อหาเลี้ยงชีพบนถนนแห่งลอนดอน วันหนึ่งประกายแฟชั่นของเอสเตลล่าได้ไปเข้าตา บารอนเนส วอน เฮลล์แมน ตำนานแฟชั่นสุดชิคและเลิศหรูที่สุดในวงการ แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ก่อให้เกิดเรื่องราวที่จะพลิกโฉมเอสเตลล่าให้เปิดรับด้านมืดอันร้ายกาจของเธอและกลายเป็น ครูเอลล่า เจ้าแม่แฟชั่นผู้เกรี้ยวกราดและเต็มไปด้วยความอาฆาต
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Cruella de Vil
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนังดิสนีย์เวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่นที่มีต้นแบบมาจากการ์ตูนเจ้าหญิงดิสนีย์ที่เรานำมาฝากทุกคน ซึ่งก็มีหนังไลฟ์แอ็คชั่นอีกมากมายที่หยิบยกเอาเรื่องราวจากการ์ตูน นิทาน หรือนิยายแฟนซีต่าง ๆ มาดัดแปลงให้เป็นแบบฉบับคนแสดง ใครชอบดูเรื่องไหนก็หยิบมานั่งดูชิล ๆ ในวันหยุดหรือเวลาว่าง ๆ ได้เลย
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
