ดราม่า ลิขสิทธิ์ หนังบุปผาราตรี
ต้อม ยุทธเลิศ
ประกาศห้ามทำภาคต่อ-รีเมก
ต้อม ยุทธเลิศ ลิขสิทธิ์ หนังบุปผาราตรี ฟาดชัดใครก็ห้ามรีเมค
โพสต์ดังกล่าวของต้อม ยุทธเลิศ ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเจ้าตัวระบุข้อความชัดเจนว่า
“ประกาศ : ‘บุปผาราตรี’ ยุทธเลิศคือเจ้าของลิขสิทธิ์และจักรวาลของหนังแต่ผู้เดียวบนโลกใบนี้ ยังไม่เคยอนุญาติให้ใครเอาไปทำภาคต่อ ไม่ว่าจะ Reboot หรือ Remake หรือรีอื่นใดทั้งสิ้น มีเพียงครั้งเดียว ที่อนุญาตให้ไปทำใหม่คือ ‘บุปผาราตรี The musical’ แต่นั่นก็เฉพาะในแบบละครเวที และขอลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย”
พร้อมกันนี้ เจ้าตัวยังย้ำถึงแผนการทำภาคต่อของตัวเองว่า
“แต่ถ้าในแบบหนังภาคต่อไม่มีนะครับ ที่จะมีคือ ‘Buppah in New York’ หรือ บุปผาราตรี 5 ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาบท ซึ่งยุทธเลิศยังคงอยู่ ในตำแหน่งเขียนบท กำกับภาพยนตร์ และเจ้าของจักรวาลบุปผาแต่ผู้เดียวเช่นเดิม”
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้กำกับดังยังส่งคำเตือนแรงถึงผู้ที่อาจคิดจะเคลมสิทธิ์ไปใช้เองว่า
“ปล. สำหรับใครที่คิดจะเคลมกรุณาหยุด ยุทธเลิศไม่เข้าใครออกใครจริงๆ นะมึx -ูขอเตือน”
หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ได้มีแฟนหนังและผู้ติดตามเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก หลายคนแสดงความสงสัยถึงข่าวการรีเมก “บุปผาราตรี” ที่กำลังเป็นกระแส และบางส่วนยังเข้าใจว่าอาจเป็นผลงานใหม่จากต้อมเอง จนเจ้าตัวต้องออกมาเคลียร์อย่างชัดเจน

ภาพจาก อินสตาแกรม @yuthlert.ig

ภาพจาก อินสตาแกรม @yuthlert.ig
ดราม่าลุกลาม “Be On Cloud” ออกแถลง “ต้อม ยุทธเลิศ” ฟาดกลับเดือด !
ดราม่าเรื่อง ลิขสิทธิ์หนัง บุปผาราตรี ไม่ได้หยุดอยู่เพียงโพสต์แรกของต้อม ยุทธเลิศ แต่กลับยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้น หลังจากมีการเปิดเผยว่าโครงการภาพยนตร์เวอร์ชันใหม่ในชื่อ บุปผา (Buppha) ที่ผลิตโดยค่าย Be On Cloud และกำกับโดย พิง ลำพระเพลิง นั้น ถูกตั้งคำถามจากแฟน ๆ ว่าเป็นการ รีเมกหรือรีบูท ภาพยนตร์ระดับตำนานหรือไม่
โดยในงานเปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผู้บริหาร Be On Cloud อย่าง ปอนด์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
“บุปผาราตรี เอามาทำเหมือนเดิมแบบภาคแรกเลยผมว่าคนไม่ได้ชอบแล้ว มันจุดพลุไปแล้ว จุดพลุแบบเดิมไม่มีใครชอบแล้ว ณ วันนี้เราเพียงแค่ยังชอบเซ้นส์นั้น ชอบสิ่งนั้นที่เคยเกิดขึ้นแล้วเราเอามาทำในรูปแบบใหม่”

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Be On Cloud

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Be On Cloud

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Be On Cloud
ต่อมาเมื่อประเด็นดราม่าลิขสิทธิ์ปะทุขึ้น ทาง Be On Cloud ได้ออกจดหมายชี้แจงว่า
“โครงการภาพยนตร์ 'บุปผา (Buppha)' ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ในชื่อเรื่องและเค้าโครงเรื่องอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งได้ทำขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรกับ บริษัท ฟิล์มรีพับบลิค จำกัด ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ โดยสัญญาดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายทุกประการ
ประเด็นต่อมาภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการนำแรงบันดาลใจจาก 'ชื่อและเค้าโครงเรื่อง' ที่ได้รับอนุญาต มาตีความและสร้างสรรค์ผ่านมุมมองของผู้กำกับและทีมงานชุดใหม่ เพื่อให้เกิดเป็นผลงานที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง
สำหรับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นจากสื่อหรือบุคคลภายนอกที่ใช้คำว่า 'รีบูท' หรือ 'ภาคต่อ' นั้น บริษัทฯ ขอยืนยันว่า มิได้เกิดขึ้นจากการสื่อสารอย่างเป็นทางการของบริษัท”

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Be On Cloud
อย่างไรก็ตาม แทนที่เรื่องราวจะจบลง กลับยิ่งปะทุแรงกว่าเดิม เมื่อ ต้อม ยุทธเลิศ ออกมาโพสต์สวนกลับอย่างดุเดือด โดยชี้แจงรายละเอียดตั้งแต่ต้นว่า
“ถึง แฟนตัวจริงของบุปผาราตรีทั่วโลก
หลังจากที่-ูประกาศเตือน 'นักเคลมหน้าใหม่' ไปดีๆ แต่ผลที่ได้คือมันหาว่า-ูไม่ Profesional และขู่จะฟ้อง-ูเพราะมันอ้างว่า ได้ถือลิขสิทธ์บุปผาอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง
อะ -ูจะ SYNOPSIS ให้พวกมึxฟัง เรื่องมันเริ่มตรงนี้ ย้อนกลับไปซักปีกว่า พิง ลำพระเพลิง โทร.มาหา-ู ขอใช้ชื่อบุปผาราตรี 'เฉยๆ' จะคิดเงินเท่าไหร่ -ูก็ถามแล้ว ทำไมไม่คิดใหม่ คำตอบคือ ถ้าคิดใหม่นายทุนจะไม่ให้เงิน -ูเห็นเป็นเพื่อน เพื่อนคงลำบาก -ูไม่ลำบากก็เลยเซ็นให้ไปใช้ได้ในเวลาแค่ 2 ปีและมีข้อแม้ในสัญญาว่า 'หนังที่จะลงทุนจะชื่อเหี้xอะไรก็ตามพิงต้องเป็นผู้กำกับเท่านั้น'
หลังจากนั้นพักใหญ่พิงติดต่อมาอีกครั้ง บอกหนังยังไม่ได้เปิดกล้องเพราะทุนเดิมไม่พอเพิ่งขอทุนใหม่ได้ แต่นายทุนใหม่ขอแก้ไขสัญญาคือขอใส่ชื่อตัวเองต่อท้ายชื่อนายทุนเดิมในการถือครองสิทธิ์ร่วม
เหมือนเดิม สงสารเพื่อน เพราะถ้า-ูไม่เซ็น พิงก็ลำบาก ส่วน-ูมันไม่ลำบาก และดูแล้วก็ไม่ได้มีการแก้ไขส่วนอื่นใดในสัญญาเดิม ซึ่ง-ูก็เซ็นใหม่ให้ โดยไม่ได้เรียกร้องค่าลิขสิทธิ์เพิ่มแต่อย่างไร
หลังจากนั้น มีการเปิดตัวหนังอันยิ่งใหญ่ นักเคลมหน้าใหม่นั่งคู่ผู้กำกับพิงแต่ไร้ซึ่งซื้อนายทุนเดิมผู้ถือลิขสิทธ์ร่วม และไร้ซึ่งการสื่อสารให้ชัดเจนตามในสัญญาว่า หนังบุปผาราตรี มาลีรัตติกาล ไม่ใช่ภาคต่อบุปผาราตรีของยุทธเลิศ' แต่อะ -ูไม่ว่าอะไร เพราะเพื่อนยังคงเป็นผู้กำกับอยู่
แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ มีคนส่งข่าวมาให้ นักเคลมหน้าใหม่ได้ออกข่าวเปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่ เปลี่ยนนักแสดงใหม่ โละทิ้งเรื่องเก่าและไม่เอาผู้กำกับคนเก่าอย่างพิงกำกับ 'นี่คือสิ่งที่-ูรับไม่ได้'
-ูรู้ไอ้พิงมันเป็นคนดี แต่มันดีจนไม่สามารถจะปกป้องตัวเองได้ และนั่นคือเหตุให้-ูต้องออกมาเตือน แต่อีนี่กลับขู่จะฟ้อง-ูซะงั้น เยxxเข้ ดี! ถ้าแม่xจะเลือกทางนี้ -ูจัดให้
คราวนี้-ูจะพูดกับมึxตรงๆ นะ ว่าต่อจากนี้มึxจะต้องเจอกับอะไร มึxกลับไปอ่านสัญญาที่มึxถืออยู่ให้ดี ตั้งแต่ที่มึxเอาพิงออก มึxได้ทำผิดสัญญาฉบับนั้นไปเรียบร้อยแล้ว สัญญานั้นถือเป็นโมฆะ และมันไม่ใช่สัญญาที่ถู ต้อง และ-ูผู้อนุญาต มีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหายได้ และนับจากนี้ มึxไม่มีสิทธิ์ใช้ชื่อบุปผาอีกต่อไป แล้วถ้ามึxดึงดันจะใช้ชื่อบุปผาต่อ ไม่ว่าจะเป็น บุปผา-เหี้xอะไรก็แล้วแต่ มึxเตรียมรับหมายศาลและเงินประกันตัวไว้ได้เลย และไม่ว่าใครก็ตาม ที่แชร์ข้อความ อันเป็นเท็จของมึxต่อ กูสอยหมด กูไม่ลำบาก มึxแชร์กันให้เต็มที่ เอาเลยถ้าคิดว่าเท่ คุกมีที่ไว้ให้คนไม่รู้สี่รู้แปดแบบพวกมึxเสมอ”

ภาพจาก อินสตาแกรม @yuthlert.ig

ภาพจาก อินสตาแกรม @yuthlert.ig

ภาพจาก อินสตาแกรม @yuthlert.ig
ด้าน ปอนด์ Be On Cloud ก็ได้ออกมาโพสต์ความรู้สึกผ่าน X ย้ำจุดยืนของทีมงานว่า
“พวกเราโคตรตั้งใจดี และเต็มที่ทุกคน เราเคารพทุกอย่างทั้งสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์ระดับตำนานอย่าง 'บุปผาราตรี'
ผมเชื่อเสมอว่าตำนานคือสิ่งที่ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้อีก สิ่งที่เราทำได้คือการนำแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่นั้นมาตีความในมุมมองของเรา เพื่อสร้างสรรค์เป็นผลงานชิ้นใหม่ขึ้นมา นี่คือเหตุผลที่ทีมงานตัดสินใจตีความและเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ ซึ่งได้รับสิทธิ์มาอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผลงานที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งใหม่จริงๆ ที่ยังคงมีจิตวิญญาณเดิมที่เรารักและเคารพ โดยไม่ไปกระทบต่อความทรงจำที่ดีที่ทุกคนมีต่อต้นฉบับ การใช้ชื่อ 'บุปผา' ก็เช่นกันครับ สำหรับผมและทีม
นี่คือภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นใหม่จากกลุ่มคนที่มีศรัทธาในหนังไทย และเป็นแฟนตัวยงของ 'บุปผาราตรี‘ มาก่อนครับ”

ภาพจาก : X @PondSodabro