10 ภาพยนตร์แอนิเมชั่นในความทรงจำของสตูดิโอจิบลิ ความประทับใจบนแผ่นฟิล์มที่อยู่คู่แฟนหนังมาเกือบ 30 ปี
สตูดิโอ จิบลิ (Studio Ghibli) คือ สตูดิโอผลิตแอนิเมชั่นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ที่ครองใจแฟนหนังทั่วโลกมาเกือบ 3 ทศวรรษ ผลงานของสตูดิโอแห่งนี้อยู่ภายใต้การนำของ ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการและความสวยงามขององค์ประกอบทางศิลปะ จนได้รับฉายาว่าเป็นค่ายดิสนีย์แห่งเอเชีย แต่ดูเหมือนล่าสุดแฟนคลับของสตูดิโอแห่งนี้จะต้องผิดหวังกันเสียแล้ว เนื่องจากผู้บริหารของสตูดิโอจิบลิออกมาประกาศด้วยตัวเองว่า ทางค่ายจะงดผลิตแอนิเมชั่นเรื่องใหม่ ๆ ป้อนสู่ตลาดสักระยะ เนื่องจากผลงานในระยะหลังประสบภาวะขาดทุน รวมถึงต้องการใช้โอกาสนี้ปรับโครงสร้างองค์กรให้ทันสมัย โดยจะคงไว้เพียงทีมงานที่จะดูแลผลงานเก่า ๆ ของค่ายเท่านั้น และเพื่อเป็นการย้อนรำลึกถึงความยิ่งใหญ่ของสตูดิโอจิบลิ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงรวบรวมเอา 10 ภาพยนตร์ในความทรงจำของสตูดิโอจิบลิมาให้คิดถึงความทรงจำดี ๆ กันอีกสักครั้ง ไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีผลงานในดวงใจของคุณรวมอยู่ด้วยหรือเปล่า
เชื่อว่าแฟนคลับของสตูดิโอจิบลิคงจะคุ้นเคยกับความน่ารักของแอนิเมชั่นแห่งปี 1988 เรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะนอกจาก My Neighbor Totoro จะมีความสำคัญในฐานะสัญลักษณ์ของสตูดิโอจิบลิแล้ว เนื้อหาในเรื่องยังเต็มไปด้วยความสดใสของหนูน้อย 2 คน ที่ค้นพบว่าบ้านใหม่ของตัวเองเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงการค้นพบเพื่อนใหม่อย่าง โทโทโร่ สัตว์วิเศษผู้พิทักษ์ป่าที่กลายเป็นเพื่อนเล่นกับพวกเธอ รวมถึงการปรากฏตัวของผองพวกสุดประหลาดมากมาย อาทิ ภูตฝุ่นและรถเมล์แมว
Grave of the Fireflies หรือชื่อภาษาไทยว่า สุสานหิ่งห้อย คือผลงานชั้นครูที่ผู้กำกับ ฮายาโอะ มิยาซากิ ปล่อยออกมาในปี 1988 เช่นเดียวกับเรื่องก่อนหน้า โดยแอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นที่พูดถึงมาจนถึงปัจจุบันในแง่ของความสะเทือนใจ และสะท้อนให้เห็นความโหดร้ายของสงครามได้เป็นอย่างดี โดย Grave of the Fireflies เล่าเรื่องราวอันน่าหดหู่ของเด็กกำพร้า 2 พี่น้อง ที่ต้องเอาชีวิตรอดในช่วงที่ญี่ปุ่นเผชิญสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งความซาบซึ้งของแอนิเมชั่นเรื่องนี้โด่งดังจนถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เวอร์ชั่นคนแสดง และออกฉายทางโทรทัศน์เมื่อปี 2005
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้เข้าฉายเมื่อปี 1989 และเป็นอีกเรื่องที่ ฮายาโอะ มิยาซากิ ลงมือกำกับด้วยตัวเอง โดยเล่าเรื่องราวของ กิกิ แม่มดน้อยวัย 13 ปี ที่ต้องออกเดินทางค้นหาตัวเองพร้อมกับแมวน้อยและไม้กวาดคู่ใจ ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้นำเธอไปยังดินแดนที่ใฝ่ฝันและได้อาศัยอยู่กับครอบครัวทำขนมปัง ซึ่งที่แห่งนี้สอนให้เธอปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ รู้จักการทำงาน และใช้ไม้กวาดวิเศษให้เป็นประโยชน์ โดยมีเพื่อนที่แสนดีคอยให้กำลังใจในยามที่เธอมีปัญหา
หากพูดถึงผลงานขึ้นหิ้งของสตูดิโอจิบลิ คงไม่มีใครลืมชื่อของ Spirited Away ไปได้อย่างแน่นอน โดยความเจ๋งของแอนิเมชั่นเรื่องนี้อยู่ที่ความสนุกสนานที่แฝงปรัชญาการใช้ชีวิตไว้อย่างแนบเนียน สำหรับตัวละครหลักในเรื่องนี้คือเด็กสาวที่หลงเข้าไปในมิติแห่งวิญญาณ โดยเธอต้องให้ชื่อตัวเองเพื่อแลกกับการเข้าไปปลดปล่อยพ่อแม่ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหมู ซึ่งความลงตัวทั้งหมดที่ผสานอยู่ใน Spirited Away ทำให้ผลงานชิ้นนี้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม ในปี 2002
5. Ponyo โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย (2008)
ดูเหมือนว่าประเด็นความอัศจรรย์ในวัยเยาว์จะเป็นสิ่งที่สตูดิโอจิบลิชอบพูดถึงอยู่ไม่น้อย เพราะในผลงานเมื่อปี 2008 เรื่อง Ponyo ได้พาผู้ชมไปสัมผัสกับมิตรภาพระหว่างเด็กชายวัย 5 ขวบ ที่ต้องชะตากับปลาทองหน้าเหมือนคนนามว่า โปเนียว ซึ่งเขาเก็บมาเลี้ยง แต่แล้วทั้งสองก็ต้องพรากจากกันเนื่องจากพ่อของโปเนียวต้องการให้ลูกสาวตัวเองกลับสู่ท้องทะเล นำมาซึ่งเหตุการณ์ชุลมุนจากการหลบหนีของปลาทองตัวน้อยที่ค่อย ๆ กลายร่างเป็นคน และหายนะที่คุกคามเมืองชายฝั่งจากอุบัติเหตุอันไม่ตั้งใจของโปเนียว
ดูเหมือนว่าประเด็นความอัศจรรย์ในวัยเยาว์จะเป็นสิ่งที่สตูดิโอจิบลิชอบพูดถึงอยู่ไม่น้อย เพราะในผลงานเมื่อปี 2008 เรื่อง Ponyo ได้พาผู้ชมไปสัมผัสกับมิตรภาพระหว่างเด็กชายวัย 5 ขวบ ที่ต้องชะตากับปลาทองหน้าเหมือนคนนามว่า โปเนียว ซึ่งเขาเก็บมาเลี้ยง แต่แล้วทั้งสองก็ต้องพรากจากกันเนื่องจากพ่อของโปเนียวต้องการให้ลูกสาวตัวเองกลับสู่ท้องทะเล นำมาซึ่งเหตุการณ์ชุลมุนจากการหลบหนีของปลาทองตัวน้อยที่ค่อย ๆ กลายร่างเป็นคน และหายนะที่คุกคามเมืองชายฝั่งจากอุบัติเหตุอันไม่ตั้งใจของโปเนียว
6. Princess Mononoke เจ้าหญิงโมโนโนเกะ (1997)
จุดเด่นที่ทำให้ Princess Mononoke เป็นผลงานที่ได้รับคำชื่นชมและเป็นที่จดจำในวงกว้าง คงจะหนีไม่พ้นการสอดแทรกประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติไว้แบบไม่ยัดเยียด ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในปลายยุคมุโระมะจิ และมีเนื้อหาเล่าผ่านการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ในโลหะนครกับเทพเจ้าผู้พิทักษ์ป่า โดย Princess Mononoke ประสบความสำเร็จด้วยการทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่น ประจำปี 1997 และได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเวที Japan Academy Awards ครั้งที่ 21
Howl’s Moving Castle ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อเดียวกันซึ่งเป็นผลงานของ ไดอาน่า ไวนน์ โจนส์ (Diana Wynne Jones) เข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี 2004 มีเนื้อหาหลักเกี่ยวกับเด็กสาวผู้ทำหมวกวัย 18 ปี ที่ถูกแม่มดสาปให้กลายเป็นหญิงชราอายุ 90 ปี และถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้เด็กสาวรู้สึกหวาดวิตก แต่เธอก็ค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตกับมัน และสนุกกับการผจญภัยครั้งใหม่ ๆ ที่ตามมา ทั้งนี้ Howl’s Moving Castle ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม เมื่อปี 2006 ด้วยเช่นกัน
8. Laputa : Castle in the Sky ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา (1986)
Laputa : Castle in the Sky คือผลงานชิ้นแรกเมื่อปี 1986 ที่ทำให้นักดูหนังรู้จักชื่อของสตูดิโอจิบลิอย่างเป็นทางการ โดยความสนุกสนานเริ่มต้นขึ้นเมื่อเด็กชายหญิง 2 คนออกเดินทางเพื่อตามหา ลาพิวต้า เมืองลอยฟ้าในตำนาน ซึ่งเป็นที่เลื่องลือว่ามีสร้อยเรืองแสงเป็นพลังงานขับเคลื่อน และเป็นสมบัติล้ำค่าที่ใคร ๆ ก็ต้องการ การเดินทางครั้งนี้ทำให้เด็กทั้ง 2 คนกลายเป็นผู้นำทางให้แก๊งโจรสลัดที่หมายจะล่าสมบัติชิ้นนั้น พร้อมกับต้องต่อสู้กับฝ่ายอธรรมที่ต้องการช่วงชิงสร้อยเรืองแสงล้ำค่าก่อนใคร
9. The Secret World of Arrietty อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว (2010)
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นแห่งปี 2011 เรื่องนี้ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อว่า The Borrowers ของนักเขียนชาวอังกฤษ แมรี่ นอร์ตัน (Mary Norton) ว่าด้วยเรื่องของ อาริเอตี้ เด็กสาวตัวจิ๋วที่อาศัยอยู่แบบลับ ๆ ภายในบ้านของมนุษย์ โดยพวกเขามีชีวิตอยู่ได้ด้วยการหยิบยืมของใช้ในบ้านอย่างระมัดระวัง แต่ถึงแม้จะพยายามซ่อนตัวมากแค่ไหนก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของเด็กหนุ่มผู้อารีและแม่บ้านใจร้ายไปได้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือมิตรภาพที่ค่อย ๆ ก่อตัว และการดำรงเผ่าพันธุ์คนจิ๋วให้รอดพ้นจากการถูกกำจัด โดยสิ่งที่ The Secret World of Arrietty ได้รับคำชื่นชมมากที่สุดเห็นจะเป็นดนตรีประกอบอันไพเราะที่เข้ากับบรรยากาศของเรื่องเป็นอย่างดี
10. The Wind Rises ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก (2013)
The Wind Rises คือผลงานการกำกับเรื่องสุดท้ายของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ก่อนที่จะประกาศวางมือจากการทำแอนิเมชั่น โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี 2013 และสร้างกระแสวิจารณ์ทั้งในแง่บวกและลบ บ้างก็ว่าผู้กำกับคนดังตั้งใจสร้างแอนิเมชั่นเรื่องนี้มาเพื่อเชิดชูความยิ่งใหญ่ของเครื่องบินรบที่คร่าชีวิตผู้คนมากมาย ในขณะที่บางคนก็กล่าวขานว่านี่คือผลงานที่งดงามที่สุดในชีวิตการทำงานของ ฮายาโอะ มิยาซากิ แต่อย่างไรก็ตาม The Wind Rises ก็พิสูจน์ตัวเองด้วยการเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม
จะเห็นได้ว่าผลงานเด็ด ๆ ที่ผ่านมาของสตูดิโอจิบลิมักเปี่ยมล้นไปด้วยจินตนาการและแง่คิดดี ๆ ที่สอดแทรกอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตาม แอนิเมชั่นทั้ง 10 เรื่องที่เรานำมาฝากในครั้งนี้เป็นผลงานคุณภาพเพียงส่วนหนึ่งของสตูดิโอจิบลิเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่จะทำให้คุณประทับใจได้ไม่แพ้กัน และต่อจากนี้เราก็คงต้องเป็นกำลังใจให้สตูดิโอในตำนานแห่งนี้กลับมาทวงคืนความยิ่งใหญ่ได้ในเร็ววัน
จุดเด่นที่ทำให้ Princess Mononoke เป็นผลงานที่ได้รับคำชื่นชมและเป็นที่จดจำในวงกว้าง คงจะหนีไม่พ้นการสอดแทรกประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติไว้แบบไม่ยัดเยียด ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในปลายยุคมุโระมะจิ และมีเนื้อหาเล่าผ่านการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ในโลหะนครกับเทพเจ้าผู้พิทักษ์ป่า โดย Princess Mononoke ประสบความสำเร็จด้วยการทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่น ประจำปี 1997 และได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเวที Japan Academy Awards ครั้งที่ 21
7. Howl’s Moving Castle ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ (2004)
Howl’s Moving Castle ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อเดียวกันซึ่งเป็นผลงานของ ไดอาน่า ไวนน์ โจนส์ (Diana Wynne Jones) เข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี 2004 มีเนื้อหาหลักเกี่ยวกับเด็กสาวผู้ทำหมวกวัย 18 ปี ที่ถูกแม่มดสาปให้กลายเป็นหญิงชราอายุ 90 ปี และถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้เด็กสาวรู้สึกหวาดวิตก แต่เธอก็ค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตกับมัน และสนุกกับการผจญภัยครั้งใหม่ ๆ ที่ตามมา ทั้งนี้ Howl’s Moving Castle ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม เมื่อปี 2006 ด้วยเช่นกัน
Laputa : Castle in the Sky คือผลงานชิ้นแรกเมื่อปี 1986 ที่ทำให้นักดูหนังรู้จักชื่อของสตูดิโอจิบลิอย่างเป็นทางการ โดยความสนุกสนานเริ่มต้นขึ้นเมื่อเด็กชายหญิง 2 คนออกเดินทางเพื่อตามหา ลาพิวต้า เมืองลอยฟ้าในตำนาน ซึ่งเป็นที่เลื่องลือว่ามีสร้อยเรืองแสงเป็นพลังงานขับเคลื่อน และเป็นสมบัติล้ำค่าที่ใคร ๆ ก็ต้องการ การเดินทางครั้งนี้ทำให้เด็กทั้ง 2 คนกลายเป็นผู้นำทางให้แก๊งโจรสลัดที่หมายจะล่าสมบัติชิ้นนั้น พร้อมกับต้องต่อสู้กับฝ่ายอธรรมที่ต้องการช่วงชิงสร้อยเรืองแสงล้ำค่าก่อนใคร
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นแห่งปี 2011 เรื่องนี้ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อว่า The Borrowers ของนักเขียนชาวอังกฤษ แมรี่ นอร์ตัน (Mary Norton) ว่าด้วยเรื่องของ อาริเอตี้ เด็กสาวตัวจิ๋วที่อาศัยอยู่แบบลับ ๆ ภายในบ้านของมนุษย์ โดยพวกเขามีชีวิตอยู่ได้ด้วยการหยิบยืมของใช้ในบ้านอย่างระมัดระวัง แต่ถึงแม้จะพยายามซ่อนตัวมากแค่ไหนก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของเด็กหนุ่มผู้อารีและแม่บ้านใจร้ายไปได้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือมิตรภาพที่ค่อย ๆ ก่อตัว และการดำรงเผ่าพันธุ์คนจิ๋วให้รอดพ้นจากการถูกกำจัด โดยสิ่งที่ The Secret World of Arrietty ได้รับคำชื่นชมมากที่สุดเห็นจะเป็นดนตรีประกอบอันไพเราะที่เข้ากับบรรยากาศของเรื่องเป็นอย่างดี
The Wind Rises คือผลงานการกำกับเรื่องสุดท้ายของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ก่อนที่จะประกาศวางมือจากการทำแอนิเมชั่น โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี 2013 และสร้างกระแสวิจารณ์ทั้งในแง่บวกและลบ บ้างก็ว่าผู้กำกับคนดังตั้งใจสร้างแอนิเมชั่นเรื่องนี้มาเพื่อเชิดชูความยิ่งใหญ่ของเครื่องบินรบที่คร่าชีวิตผู้คนมากมาย ในขณะที่บางคนก็กล่าวขานว่านี่คือผลงานที่งดงามที่สุดในชีวิตการทำงานของ ฮายาโอะ มิยาซากิ แต่อย่างไรก็ตาม The Wind Rises ก็พิสูจน์ตัวเองด้วยการเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม
จะเห็นได้ว่าผลงานเด็ด ๆ ที่ผ่านมาของสตูดิโอจิบลิมักเปี่ยมล้นไปด้วยจินตนาการและแง่คิดดี ๆ ที่สอดแทรกอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตาม แอนิเมชั่นทั้ง 10 เรื่องที่เรานำมาฝากในครั้งนี้เป็นผลงานคุณภาพเพียงส่วนหนึ่งของสตูดิโอจิบลิเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่จะทำให้คุณประทับใจได้ไม่แพ้กัน และต่อจากนี้เราก็คงต้องเป็นกำลังใจให้สตูดิโอในตำนานแห่งนี้กลับมาทวงคืนความยิ่งใหญ่ได้ในเร็ววัน