ภาพจาก
เฟซบุ๊ก Cinderella
ชุดราตรีที่ซินเดอเรลลาใส่ไปงานเลี้ยงตัดเย็บจากผ้ากว่า 270 หลา และคริสตัลชวารอฟสกี้กว่า 10,000 เม็ด ใช้กระโปรงชั้นในหลายชั้นและใช้การตัดเย็บด้วยด้ายกว่าสามไมล์ มีการใช้ชุดแบบนี้ถึงเก้าชุดระหว่างการถ่ายทำ
เคนเนธ บรานาห์ เคยได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี อวอร์ดในห้าสาขา (นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ขนาดสั้นยอดเยี่ยม) ซึ่งทำให้เขาเป็นเพียงหนึ่งในสี่บุคคลที่ทำได้เช่นนั้น อีกสามคนได้แก่ วอร์เรน บีตตี้, จอห์น ฮูสตัน และจอร์จ คลูนีย์
ทั้งลิลี่ เจมส์ (เอลลา) และโซฟี แม็คเชรา (ดริสเซลลา) ต่างก็ได้แสดงในซีรีส์ยอดนิยมเรื่อง "Downton Abbey"
ดีเร็ค จาโคบี้ (พระราชา) เป็นหนึ่งในนักแสดงเพียงสองคนที่ได้รับยศอัศวินจากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซา เบธที่สอง (อีกคนหนึ่งคือเซอร์ลอว์เรนซ์ โอลิเวียร์) ในขณะที่เคนเนธ บรานาห์ได้รับการติดยศอัศวินจากคุณูปการที่เขามีต่อแวดวงละครและชุมชนใน ไอร์แลนด์เหนือโดยสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สองเช่นเดียวกัน
ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แซนดี้ พาวเวล ได้ตัดเย็บชุดของนางฟ้าแม่ทูนหัวขึ้นจากผ้า 131 หลา ไฟ LED 400 ดวง คริสตัลชวารอฟสกี้หลายพันเม็ด เมื่อเฮเลนา บอนแฮม-คาร์เตอร์สวมชุดนี้ มันก็ความกว้างเกือบสี่ฟุตทีเดียว
เคท บลันเชตต์ (แม่เลี้ยง) ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมีอวอร์ดหกครั้ง สี่ครั้งจากการรับบทคนที่มีชีวิตอยู่จริง (อลิซาเบธที่หนึ่งใน (Elizabeth I in Elizabeth, แคทเธอรีน เฮพเบิร์น ใน The Aviator, บ็อบ ดีแลน ใน I’m Not Here และชีบา ฮาร์ท ใน Notes of a Scandal)
Cinderella เป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ที่ดีเร็ค จาโคบี้ ได้ร่วมงานกับ เคนเนธ บรานาห์ (เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ Hamlet, Henry V และ Dead Again)
นอกเหนือจากงานออกแบบที่ได้รับรางวัลของเขาที่ปรากฏบนจอเงินแล้ว ผู้ออกแบบงานสร้าง ดันเต้ เฟอร์เร็ตติยังได้ออกแบบเวทีให้กับโรงละครโอเปราที่ใหญ่ที่สุดของโลกหลาย แห่ง รวมถึงลาสกาลาในมิลาน, โอเปรา บาสติลล์ในปารีส และเธียโตร โคลอนในบัวโนส ไอเรส เขาได้ออกแบบเวทีให้กับละครโอเปราหลายเรื่องด้วยเช่นกัน รวมถึง La Traviata โดยเวอร์ดี้ และ Tosca และ La Bohème โดยปุชชินี
ทั้งนี้เรื่องราวของ "ซินเดอเรลล่า" ดำเนินตามโชคชะตาของสาวน้อย เอลล่า (ลิลี่ เจมส์) ลูกสาวของพ่อค้าที่แต่งงานใหม่หลังจากการตายของแม่เธอ ด้วยความที่ต้องการสนับสนุนบิดาผู้เป็นที่รัก เอลล่าต้อนรับแม่เลี้ยงคนใหม่ (เคท บลันเชตต์) และลูกสาวของเธอ อนาสเทเชีย (ฮอลลิเดย์ เกรนเจอร์) และดริเซลล่า (โซฟี แมคชีรา) สู่บ้านของครอบครัว
แต่เมื่อพ่อของเอลล่าได้จากไปอย่างไม่คาดคิด เธอก็รู้ตัวว่าเธอกำลังตกอยู่ภายใต้ความอนุเคราะห์ของครอบครัวใหม่ขี้อิจฉา และร้ายกาจ สุดท้ายก็ไม่พ้นการเป็นสาวรับใช้ที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่นและได้ฉายาใหม่ จากความเกลียดชังว่า ซินเดอเรลล่า ความหวังของเอลล่าเริ่มหมดลง แต่นอกเหนือจากความโหดร้ายที่ถาโถมเข้ามาสู่เธอ
เอลล่าตัดสินใจที่จะยึดมั่นในคำสั่งเสียสุดท้ายของแม่เธอที่ว่า "จงกล้าหาญและมีเมตตา" เธอจะไม่ยอมแพ้ให้กับความสิ้นหวังหรือคำดูถูกของคนที่ทำไม่ดีกับเธอ และเมื่อเธอได้พบกับชายแปลกหน้ารูปงามในป่า โดยที่เธอไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคือเจ้าชาย คิดว่าเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ในวังเท่านั้น ในที่สุดเธอก็รู้สึกว่าเธอได้พบกับผู้ที่มีจิตใจอันอ่อนโยน ดูเหมือนว่าโชคชะตาชีวิตของเธอกำลังจะปลี่ยนไป เมื่อพระราชวังได้ประกาศเชิญหญิงสาวทั่วเมืองมาร่วมงานเต้นรำ ทำให้เธอกลับมีความหวังในการที่จะได้เจอกับ คิท ผู้ทรงเสน่ห์ (ริชาร์ด แมดเดน) ขึ้นมาอีกครั้งแต่แล้ว แม่เลี้ยงของเธอก็ได้สั่งห้ามเธอไปร่วมงานนี้และได้ฉีกทำลายชุดของเธอ เช่นเดียวกับในเทพนิยายดี ๆ เรื่องอื่น ๆ ความช่วยเหลือมาถูกเวลาเสมอและหญิงขอทานผู้ใจดี (เฮเลน่า บอนแฮม-คาร์เตอร์) ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับฟักทองและหนู 2-3 ตัวที่จะเปลี่ยนชีวิตของซินเดอเรลล่าไปตลอดกาล
โดย Cinderella มีกำหนดจะเข้าฉายในวันที่ 12 มีนาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Walt Disney Studios
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Walt Disney Studios
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Walt Disney Studios
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Walt Disney Studios
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Walt Disney Studios
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Walt Disney Studios
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Walt Disney Studios
ดูหนัง หนังใหม่ โปรแกรมหนัง หนังตัวอย่าง คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ