ภาพจาก เฟซบุ๊ก Birdman Movie
ด้วยรางวัลการันตีจากหลายเวที ส่งผลให้ Birdman ถูกจับตาว่าอาจเป็นตัวเก็งเจ้าของรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของเวทีออสร์การ์ประจำปี 2015 และกว่าจะมาถึงวันนี้ได้นั้นมาดูกันซิว่าผู้กำกับ อเลฮังโดร จี. อินนาร์ริตู ต้องผ่านอะไรมาบ้างอเลฮังโดร จี. อินนาร์ริตู ผู้กำกับภาพยนตร์ Birdman เล่าถึงองค์ประกอบเรื่องราวของริกแกนที่สะท้อนถึงเขา โดยเฉพาะความสำเร็จที่ไม่ยั่งยืนและความสงสัยในเรื่องความสอดคล้องกัน "ผมสนใจที่จะได้วิเคราะห์เรื่องการต่อสู้กับอีโก้ แนวคิดที่ว่าไม่สำคัญว่าเราจะประสบความสำเร็จขนาดไหน ทั้งด้านเงินทองหรือการเป็นที่ยอมรับ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องวิ่งตามสิ่งที่เราคิดว่าต้องการและโน้มน้าวผู้คนเพื่อให้ยอมรับเรา เมื่อเราได้มันมาแล้วหลังจากนั้นเราจะมีความสุขกับมันได้เพียงไม่นาน"
"ริกแกนเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้งมาก" อินนาร์ริตูกล่าว "ผมมองเขาเหมือน Don Quixote ที่อารมณ์ขันเกิดจากความแตกต่างและความแตกแยกอย่างถาวรที่อยู่ในความรู้สึกของเขาลึก ๆ และความจริงอันโหดร้ายที่วนเวียนอยู่รอบตัวเขา โดยพื้นฐานแล้วมันคือเรื่องราวที่เกี่ยวกับเราทุกคน"
"ผมรักตัวละครที่มีข้อบกพร่อง เอาแน่นอนอะไรไม่ได้เพราะขึ้นอยู่กับความสงสัยและความแตกต่าง.. ซึ่งหมายถึงทุกคนที่ผมรู้จัก ชีวิตของริกแกนน่าสงสารและได้รับผลกระทบจากคนรอบตัว ตลอดชีวิตขงเขาริกแกนเขาหลงใหลอยู่กับคำยกย่องชื่นชม และเมื่อถึงช่วงที่เขารู้สึกถึงความขัดแย้งของเหตุผลที่สองที่เขาเริ่มเรียนรู้วิธีรักตัวเองและผู้อื่นด้วยความขมขื่น"
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Birdman Movie
ไมเคิล คีตันเล่าถึงตัวละครของเขาว่า "ผมมองริกแกนว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ถึงเขาจะเป็นนักแสดงแต่นั่นคืองานที่ต้องอาศัยบุคลิกลักษณะเฉพาะตัว มันกลายเป็นเรื่องของการสนใจตัวเองและอีโก้ ซึ่งในกรณีนี้เขาเป็นคนที่มีคุณสมบัติมากมายหากจะเอ่ยถึง"
สำหรับอีโก้แห่งความทรมานของริกแกน เส้นกั้นระหว่างความจริงกับภาพมายาเป็นเพียงเส้นบาง ๆ และมักจะไม่มีตัวตนจริง เขามีเงาของเบิร์ดแมนเป็นเหมือนเพื่อนร่วมทางที่ยากจะเลือนรางไป เขาอยู่ที่นั่นเสมอไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม "เขาต้องเผชิญหน้ากับเหตุผล มันเลยเป็นเส้นทางที่มีแต่ "ตัวเอง" เป็นเส้นทางของอีโก้ และเมื่อเขาต้องฝ่าฟันกับการเป็นคนธรรมดา อีโก้ของเขาจึงเป็นเหมือนเพื่อนที่วางใจได้และสิ่งที่สร้างความทรมาน มันคอยตอกย้ำริกแกนที่อยากจะทิ้งมันไว้และเผชิญหน้ากับข้อบกพร้องหลายอย่างในตัวเขาและความเป็นไปได้ที่สับสน
มันมีทั้งเรื่องเศร้า เรื่องตลก เรื่องที่ตรงกับความจริงสุด ๆ และเรื่องที่เหมือนกับความฝันอยู่ในเรื่อง” อินนาร์ริตูอธิบายว่า "เบิร์ดแมนคือซูเปอร์อีโก้ของริกแกน จากมุมมองของเบิร์ดแมนทำให้ริกแกนเสียสมาธิในการเล่นเรื่องนี้ ซึ่งอยู่เบื้องลึกของพวกเขา จากมุมมองของริกแกนเบิร์ดแมนทำให้เขาเสียสมาธิ จากมุมมองของช่วงเวลาทั้งคู่ต่างไม่สัมพันธ์สอดคล้องกัน"
ภาพยนตร์เรื่อง BIRDMAN เหมือนกับภาพยนตร์ของอินาร์ริตูทุกเรื่องที่เล่นกับการใช้ชีวิตของมนุษย์โดยมองผ่านตัวละครต่าง ๆ ที่ริกแกนยึดติด แต่มันเป็นการผสมผสานระหว่างความตลกกับความน่าสงสาร ภาพหลอนและเรื่องจริง ทำให้ตีความหมายได้หลายอย่าง
"ผมพูดเสมอว่าหลังจากเราอายุ 40 ปี ไม่มีอะไรที่ทำให้เรากลัวอีกแล้วว่าจะไม่คุ้มที่ทำมัน ซึ่งเรื่องนี้มันทำให้ผมกลัวในทางที่ดี มันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ผมได้ออกมาจากความคุ้นเคยของผม" อินาร์ริตูกล่าว
"นี่คือตัวละครที่เป็นรากฐานของเรื่องราวและตัวละครที่มีความดราม่าอย่างเข้มข้นผสมกับความตลก ถือเป็นหนังแนวใหม่ของอเลฮังโดรเลย" จอห์น เลสเชอร์ ผู้อำนวยการสร้างฯ กล่าว "เขาถนัดเรื่องข้อจำกัดของมนุษย์มาก มันเป็นเรื่องของโปรเจคท์ภาพยนตร์ เนื้อเรื่อง ผู้คน ความจริงใจ และมีการสื่อถึงบางสิ่งเสมอ มันมีเรื่องราวดี ๆ จากมุมมองนั้นเสมอ" คีตันกล่าว
ขณะที่ภาพยนตร์ถ่ายทดบทพิสูจน์และความยากลำบากของนักแสดง อินาร์ริตูมองการสร้าความพึงพอใจของพวกเขาเหมือนความปรารถนาที่ทุกคนต้องการ "นิยามของความสำเร็จในสมัยใหม่ คือทุกคนอยากมีชื่อเสียงทันใจ ไม่ใช่ได้มาจากผลงานที่พัฒนานานหลายปี ในหนึ่งวินาทีเราจะมีผู้คนชอบกดไลค์ 800,000 คนหรือผู้ติดตามสำหรับความสำเร็จที่อาจเป็นเพียงภาพลวงตา ความรวดเร็วของโซเชียลมีเดียอาจบิดเบือนความจริงของคน ๆ หนึ่งได้อย่าง่ายดาย โดยเฉพาะริกแกนที่ต้องเติมเต็มความคาดหวังของการเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งทุกอย่างเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขาที่มีความยาก นี่คือเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่พยายามพิสูจน์ว่าเขามีอะไรมากกว่านั้น มากกว่าผู้ชายที่เคยเป็นที่ชื่นชอบ แต่ในโลกทุกวันนี้เรื่องเสียดสีคือจ้าวแห่งทุกสิ่ง ใครก็ตามจริงใจที่สุดหรือซื่อสัตย์ที่สุดต้องพบกับความทรมาน มันเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะ เป็นโลกที่ราวกับความฝัน" อินาร์ริตูเล่าว่า "ในที่สุดผมเพิ่งพยายามเล่าเรื่องของธรรมชาติมนุษย์เกี่ยวกับการเป็นที่ยอมรับออกมาแบบสนุกสนาน หากไม่มีบกพร่องหรือความผิดพลาดในสิ่งต่าง ๆ และธรรมชาติของพวกเราด้วยวิธีการประพฤติและมีนิสัยแบบนั้น"
ผลงานที่ริกแกนทำการแสดงที่ St. James Theater อันเลื่องชื่อในอดีตสร้างขึ้นจากเรื่องสั้นของเรย์มอนด์ คาร์เวอร์ เรื่อง What We Talk About When We Talk About Love และแน่นอนว่าเป็นเรื่องราวของความรักและการยอมรับที่ถ่ายทอดออกมาทั้งเรื่อง BIRDMAN
"ตั้งแต่ตอนวัยรุ่นผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเรย์มอนด์ คาร์เวอร์ ซึ่งเรื่องนี้มีความคลาสสิกมากครับ ผมเลือกเรื่องนี้ขึ้นมาสำหรับเบิร์ดแมนเพราะจริง ๆ แล้วมันเป็นความคิดที่แย่มาก ผมหมายถึงผมพยายามคิดถึงตัวละครและมนุษย์อย่างริกแกนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับโรงละคร โดยเพิ่มการแสดงที่อิงจากเรื่องสั้นของเรย์มอนด์ คาร์เวอร์เข้าไปยิ่งเป็นความท้าทายและค่อนข้างจะไร้สาระ ผมอยากได้ละครที่เกิดขึ้นและมีความบังเอิญในเนื้อหาเรื่องสั้น และริกแกนเองก็ตามหาความรักและพยายามหาคำตอบว่าความรักมาจากที่ไหน ผมอยากเล่นกับไอเดียที่เขาพยายามนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ของละครจากชีวิตที่นิวยอร์กของเขา จนเขาค่อย ๆ กลายเป็นตัวละครที่เขาแสดง ชายผู้หมดหวังถึงขั้นเข้าไปในโรงแรมและถามหาความรัก ผมโชคดีมากที่เทส แกลลาเกอร์ หม้ายของเขาใจกว้างพอที่จะไว้วางใจให้ผมมีสิทธิ์ในเรื่องนี้ ผมปลื้มใจมากครับ" อินาร์ริตูอธิบาย