แฟน ๆ ไม่ปลื้ม ! Justice League กลายเป็นหนังที่ทำรายได้เปิดตัวในประเทศต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์จักรวาล DC
สงสัยนี่จะเป็นปีชงสำหรับ Justice League อย่างแท้จริง เมื่อหนังรวมซูเปอร์ฮีโร่ที่เรียกได้ว่าเป็นโปรเจคท์ใหญ่และความหวังของค่าย DC Comics กลับไม่ดังเปรี้ยงปร้างถูกจริตแฟน ๆ อย่างที่วาดฝันไว้ แถมยังเป็นหนังจากจักรวาลขยาย DC ที่ทำรายได้เปิดตัวในประเทศต่ำที่สุดแม้จะรวมรายได้จากวันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งหมดแล้วก็ตาม !
โดยรายงานจากเว็บไซต์ Screenrant เผยว่า Justice League ทำเงินในประเทศ (U.S. Box Office) นับตั้งแต่วันเข้าฉายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2017 จนถึงรายได้จากวันหยุดสุดสัปดาห์ไปทั้งหมด 96 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3,100 ล้านบาท ซึ่งแม้จะพุ่งขึ้นเป็นอันดับหนึ่งทำเนียบหนังทำเงินสูงสุดในสัปดาห์แรก แต่ตัวเงินที่ทำได้กลับไม่ถึงเป้าที่เคยคาดการณ์ไว้คือ 110 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3,600 ล้านบาท (อ้างอิงจาก: Deadline)
Justice League จึงกลายเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำรายได้เปิดตัวต่ำที่สุดในจักรวาล DC รั้งท้าย Batman V Superman: Dawn of Justice ที่ทำรายได้เปิดตัวในประเทศสัปดาห์แรกได้ 166 ล้านเหรียญสหรัฐ (5,450 ล้านบาท), Suicide Squad กับรายได้เปิดตัว 133 ล้านเหรียญสหรัฐ (4,366 ล้านบาท), Man of Steel กับรายได้เปิดตัว 116 ล้านเหรียญสหรัฐ (3,800 ล้านบาท), และ Wonder Woman กับรายได้ 103 ล้านเหรียญสหรัฐ (3,381 ล้านบาท) ไปโดยปริยาย
สำหรับสาเหตุที่หนังฟอร์มยักษ์ลงทุนรวมซูเปอร์ฮีโร่ทั้ง ซูเปอร์แมน แบทแมน วันเดอร์วูแมน อควาแมน และ เดอะแฟลช จากค่ายดัง DC Comics ไม่ได้รับกระแสตอบรับดีอย่างที่คาดการณ์กันไว้ มีแฟน ๆ บางกลุ่มเชื่อว่า เป็นเพราะผู้กำกับ จอส วีดอน (Joss Whedon) ผู้เข้ามาดูแลรับช่วงต่อได้ตัดฉากในภาพยนตร์บางฉากที่เป็นฝีมือการกำกับของ แซค สไนเดอร์ (Zack Snyder) ผู้กำกับคนเดิมที่ถอนตัวออกไปหลังจากปิดกล้องถ่ายทำอย่างกะทันหัน จนถึงขั้นตั้งแคมเปญร้องเรียนในเว็บไซต์ change.org ให้มีการเปิดเผยฉากที่ถูกตัดออกไป เพราะนี่คือสาเหตุที่ทำให้ Justice League นั้นไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่ควรจะเป็น (อ้างอิงจาก: Movieweb)
แล้วสำหรับคุณผู้อ่านที่ได้รับชม Justice League กันมาแล้วล่ะ.. คิดว่าหนังที่รวมตัวซูเปอร์ฮีโร่ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งแรกของ DC Comics นี้ มีจุดเด่นหรือจุดด้อยตรงไหนกันบ้าง ?
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Justice League Movie Thailand