เจาะลึกเรื่องราวต้นฉบับที่แท้จริงของ ลุค สกายวอล์คเกอร์ หรือ The Last Jedi จะทำลายตำนานเจได ? (**สปอยล์หนักมาก)
แม้การประสบความสำเร็จของ Star Wars: The Force Awaken ที่กวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 67,000 ล้านบาท และ Star Wars: The Last Jedi กับรายได้ทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท หลังเข้าฉายไปเพียงสัปดาห์เดียวจะเป็นเครื่องการันตีว่าหนังชุด สตาร์ วอร์ส ไตรภาคใหม่มันส์หยดได้ใจคอหนังกันมากขนาดไหน แต่ต้องยอมรับว่าการนำเรื่องราวในตำนานที่หลาย ๆ คนผูกพันกันตั้งแต่เด็กมาตีความใหม่เพื่อต่อยอดและขยายจักรวาลภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส ออกไปก็สามารถทำร้ายจิตใจแฟนหนังรุ่นเดอะรุ่นเก๋าได้อย่างร้ายกาจเช่นเดียวกัน เพราะการสร้างจักรวาลอวกาศยุคใหม่ในหนังไตรภาคล่าสุดทำให้แฟน ๆ ต้องบอกลาจักรวาลอวกาศสมัยก่อน รวมไปถึงตำนานตัวละครเก่า ๆ ที่ทุกคนรักและผูกพัน ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ลุค สกายวอล์คเกอร์ นั่นเอง..
อย่างที่เห็นว่าในหนังไตรภาคใหม่ ลุค สกายวอล์คเกอร์ รู้สึกผิดจนตัดสินใจหันหลังทอดทิ้งทุกอย่างทั้งสมาชิกกลุ่มสาธารณรัฐใหม่ ทั้งการต่อสู้กับฝ่ายปฐมภาคี รวมไปถึงน้องสาวอันเป็นท่ี่รักยิ่งอย่างเลอา เนื่องจากความผิดพลาดครั้งใหญ่ในอดีตทำให้ ไคโล เรน หลานชายในสายเลือดแท้ ๆ มุ่งเข้าสู่ด้านมืดอย่างไม่มีวันหวนกลับ และแม้การกลับมารับมือกับปัญหาเผชิญหน้ากับหลานชายและช่วยเหลือฝ่ายกบฏได้สำเร็จจะสามารถทวงคืนความยิ่งใหญ่และน่านับถือของตำนานเจไดคนนี้กลับมาได้ แต่การปิดฉากของ ลุค สกายวอล์คเกอร์ เพื่อส่งต่อให้ เรย์ เป็นผู้สานต่อเรื่องราวอัศวินเจไดต่อไปกลับทำให้แฟน ๆ ตัวจริงของสตาร์วอร์สถึงกับออกมาแย้งด้วยความไม่พอใจกันยกใหญ่ว่า The Last Jedi ทำลายตำนานเจไดผู้ยิ่งใหญ่และ สตาร์ วอร์ส อย่างเลือดเย็น !
ว่ากันว่า ลุค สกายวอล์คเกอร์ คือผู้ที่มีจุดจบสงบสุขที่สุดในบรรดาเจไดคนอื่น ๆ เริ่มต้นคล้ายกับเรื่องราวการเดินทางสู่หนทางเจไดของเขาในจักรวาลหนังสตาร์ วอร์ส จนกระทั่งภาค Return of the Jedi ที่ทั้งชีวิตและตัวตนของเขาหลังจากนั้นกลับเงียบหายกลายเป็นเพียงตำนานไปตลอดกาล หากแต่เรื่องราวของ ลุค สกายวอล์คเกอร์ ก็ถูกร้อยเรียงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จากการสานต่อความเชื่อมั่นในพลัง Force ด้านสว่างและศรัทธาในหนทางเจไดของเขาสู่การจัดตั้งนิกายเจไดใหม่และโรงเรียนฝึกสอนเจไดขึ้นมา เพื่อฟื้นฟูและรักษาให้ตำนานอัศวินผู้กล้าแห่งจักรวาลอวกาศดำรงอยู่ตลอดไป แม้จะถูกกวาดล้างครั้งใหญ่จนล่มสลายไปเกือบหมดแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไม่ว่าจะจบแบบใดก็มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบทั้งนั้น แต่ในเมื่อทิศทางของภาพยนตร์ออกมาเป็นดังนี้แล้ว การลองเปิดใจยอมรับอะไรใหม่ ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่จะทำให้เราดูหนังได้อย่างสนุกและสบายใจมากขึ้นเช่นกัน ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า Star Wars ภาคถัดไปจะมีเรื่องอะไรให้ทุกคนเซอร์ไพรส์กันอีกหรือไม่ (อ่านเพิ่มเติม: Star Wars 9 เริ่มถ่ายทำพร้อมชื่อตอนใหม่ Black Diamond)
ภาพจาก เว็บไซต์ Star Wars