x close

จิก ประภาส แท็กทีม เอ็กซ์ ชัยพร ประเดิมทำ ยักษ์ ทุ่มเวลากว่า 6 ปี



Yak The Movie


จิก ประภาส ฝันอยากทำการ์ตูนมากกว่า 10 ปี แท็กทีม เอ็กซ์ ชัยพร แอนิเมเตอร์ไทยชนะเลิศ Siggraph ประเดิมทำ ยักษ์ ยอมทุ่มเวลา 6 ปี (สหมงคลฟิล์ม)

Yak The Movie
เอ็กซ์ ชัยพร พานิชรุทติวงศ์

          เริ่มเห็นสีสันหน้าตาตัวคาแรคเตอร์น่ารักน่าชัง ของการ์ตูนแต่ละตัวกันบ้างแล้วสำหรับ ยักษ์ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นฟอร์มโตสมชื่อที่ทาง สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลจับมือร่วมกับ บ้านอิทธิฤทธิ์, ซูเปอร์จิ๋วและเวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส 3 พันธมิตร ทุ่มทุนสร้างกว่า 100 ล้านบาท ร่วมกันเนรมิตจากไอเดียที่กลั่นออกมาจากสมองและสองมือกำกับของ "จิก ประภาส ชลศรานนท์" ที่คิดฝันอยากทำการ์ตูนมากว่า 10 ปี แต่ติดปัญหาเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือในยุคนั้นรวมไปถึงแอนิเมเตอร์มือดีที่จะมาถ่ายทอดตัวหนังสือให้โลดแล่นเป็นภาพจนกระทั่งมาเจอกับ "เอ็กซ์ ชัยพร พานิชรุทติวงศ์" แอนิเมเตอร์ไทยฝีมือระดับแชมป์จนตัดสินใจเปิดบริษัทบ้านอิทธิฤทธิ์เพื่อผลิตงานแอนิเมชั่นโดยตรง

          "เรื่องการทำการ์ตูนแอนิเมชั่นเป็นสิ่งที่อยากทำมามากกว่าสิบปีแล้ว แต่ตอนนั้นยังหามือคู่ใจไม่ได้ และโดยเทคนิควิธีการในขั้นตอนพอเราได้เข้าไปศึกษาจริงจังรู้ว่าต้องใช้เงินเยอะมาก และต้องใช้ทีมงานในต่างประเทศด้วย เพราะถ้าพึ่งคนเขียนคนวาดแค่ในไทยมันไม่พอ ที่ผ่านมาเลยยังไม่ได้ทำแต่ก็ศึกษาข้อมูลมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งได้เจอ เอ็กซ์ ชัยพร พานิชรุทติวงศ์ (ดีกรีชนะเลิศ First Prize: Siggraph 1998 ซึ่งเปรียบได้กับรางวัลออสการ์สำหรับนักศึกษา การประกวดผลงานแอนิเมชั่น ประเภทนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก) ซึ่งเพิ่งกลับมาจากอเมริกาใหม่ ๆ แล้วตอนนั้นเทคโนโลยีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการทำแอนิเมชั่นพัฒนาไปไกล แล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คิดว่าโอกาสที่จะได้ทำการ์ตูนเริ่มจะมีความเป็นไปได้ และเป็นที่มาที่ทำให้ตัดสินใจเปิดบริษัทบ้านอิทธิฤทธิ์ขึ้นพร้อมกับโปรเจคท์ที่จะทำการ์ตูนแอนิเมชั่น"

Yak The Movie

          และเพื่อให้โปรเจคท์แอนิเมชั่นยักษ์ออกมายิ่งใหญ่สมความตั้งใจของจิกประภาสที่คิดฝันมาตลอดชีวิตตามแนวทางและมาตรฐานที่วางไว้ การหยิบเอาตัวละครคลาสสิคในมหากาพย์รามายณะอย่าง ทศกัณฐ์, หนุมาน, กุมภกรรณ, ราม, สดายุ ฯลฯ ถูกนำมาตีความใหม่ในโลกของหุ่นยนต์ (รูปลักษณ์ของหุ่นยนต์ยักษ์ และหุ่นยนต์กระป๋องที่) ผ่านการดีไซน์ใหม่ภายใต้ลายเส้นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ เอ็กซ์ ชัยพร ไปจนถึงการเนรมิตฉากใหญ่อลังการนับ 10 ฉากรวมไปถึงตัวละครอื่น ๆ นับร้อยนับพันตัว ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานขณะเดียวกันก็ลึกซึ้งกินใจตามสไตล์ของงานเขียนในแบบ ประภาส ชลศรานนท์ ที่พิถีพิถัน และให้ความสำคัญกับตัวบทภาพยนตร์เป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะได้เห็นฉากมิวสิคัลที่ตัวการ์ตูนต้องร้องเพลงในฉากและอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งส่งผลให้ภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นยักษ์ใช้เวลาถึง 6 ปี ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานปกติของแอนิเมชั่นระดับโลก

          "ปกติแอนิเมชั่นเรื่องหนึ่งจะใช้เวลาประมาณนี้อยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนของ Pixar เองก็ใช้เวลาประมาณนี้ 5-7 ปี เพราะว่ามันเป็นแอนิเมชั่น พอพี่จิกมาชวนทำก็ไม่ได้ตกใจเลยนะเตรียมใจแล้วมากกว่า หนังแอนิเมชั่น 2D บางเรื่องใช้เวลานานถึงสิบปีก็มี แต่ผมไม่ได้กังวลนะเพราะว่ามันเป็นหุ่นยนต์ ทิศทางในการทำเรามีชัดเจนอยู่แล้ว หกปีนี้ก็จะมีช่วงที่ต้องพัฒนาเรื่องต่าง ๆ ควบคู่ไปด้วย ทั้งเรื่องเครื่องมืออุปกรณ์ แอนิเมเตอร์ที่จะรับมาทำก็ต้องดูฝีมือกันก่อนว่าทำไว้ได้อย่างที่เราวางแผนไว้หรือไม่ และก็ทำบทด้วยทำควบคู่กันไป"

Yak The Movie

          เป็นความรู้สึกของ เอ็กซ์ ชัยพร ซึ่งรับผิดชอบในส่วนของผู้กำกับแอนิเมชั่นและเป็นผู้กำกับร่วมในโปรเจคท์ยักษ์คู่กับเจ้าของไอเดียอย่าง จิก ประภาส ที่มีส่วนสำคัญให้ยักษ์กลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเต็มรูปแบบที่เสร็จสมบูรณ์ในท้ายที่สุด ในขณะที่ พาณิชย์ สดสี ผู้ควบคุมงานสร้างแอนิเมชั่นยักษ์ที่ผ่านการทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ในฐานะมันสมองระดับหัวกะทิ คู่กับ จิก ประภาส มากว่า 2 ทศวรรษในส่วนของรายการทั้งหมดในนามของบริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ และเป็นหัวเรือใหญ่ของ เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส ที่ร่วมดำเนินงานสร้างในโปรเจคท์ยักษ์ ซึ่งรู้แนวคิด สไตล์ และวิธีการทำงานตลอดจนวิสัยทัศน์ของผู้ให้กำเนิดยักษ์ได้เป็นอย่างดี ขยายความให้ได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นในเหตุผลที่ตอกย้ำถึงมาตรฐานการทำงานในแบบ ประภาส ชลศรานนท์ เพื่อให้ผลงานออกมาสมกับความอลังการของโปรเจคท์

          "ต้องบอกว่าพี่จิกเองแกมีมาตรฐานสูงมาก ๆ ขนาดลองอะไรไปเยอะคิดว่ามันดีแล้ว แต่พอวันหนึ่งแกคิดอะไรได้ใหม่ขึ้นมาอีก แกเปลี่ยนแกรื้อทิ้งดื้อ ๆ จะบอกว่าแกมีความต้องการที่ชัดเจน ลองก็ส่วนลอง พอได้สิ่ง ๆ นั้นมาแล้วมันไม่ใช่แกยอมทิ้งเวลาเป็นปีเพื่อสร้างใหม่ที่คิดว่ามันใช่ที่สุดในความคิดของแก แกไม่ยอมเอาสิ่งที่คิดว่าไม่ใช่ไว้ในหนังเลย ซึ่งจะบอกว่ามันก็ยากในหลาย ๆ อัน จะบอกว่ามันทิ้งอะไรไปเยอะ ไอ้ที่ทิ้งดีนะไม่ใช่ไม่ดีแต่ไม่ตรงกับสิ่งที่แกคิด เราเห็นในความพยายามของแกคือต้องคนพลังเยอะมาก ต้องไม่เสียดายด้วย ยกตัวอย่างมีอยู่ฉากหนึ่งมิวสิคัลเลย เป็นฉากร้องเพลงประมาณว่าหุ่นยักษ์ถูกขุดขึ้นมา ชาวเมืองร้องเพลงกัน เป็นฉากที่ทำโพรเซสนาน ร้องเพลงคอมโพสต์เพลงทำมา เขียนแอนิเมทตัดต่อเสร็จดีมากเลย เป็นใครใครก็ชอบ แต่ในหนังไม่มีนะ แกทิ้งแกว่าไม่ใช่ มันเยอะไปมารื่นเริงอะไรตอนนี้ ซีนนั้นถ้าดูเป็นตอน ๆ ดีมากเลย สนุกด้วย แต่ถ้ามาอยู่ในหนังในความคิดของพี่จิกแกคิดว่าเยอะไป มันทำให้เรื่องอืด แล้วแค่ฉากนี้ฉากเดียวนะเขียนกันอยู่หกเจ็ดเดือนนะ ไม่ใช่น้อย ๆ มันเป็นซีนยาว เป็นแบบ Crond Scene เขียนเมืองทั้งเมือง คนเขียนแอนิเมชั่นทั้งเมือง ตัวประกอบโมเดลเป็นร้อย โอ้โหมันน่าเสียดาย เราคิดว่าถ้าเป็นหนังคนคงประมาณซีนสงครามหรือซีนร้องเพลงที่คนทั้งเมืองลุกขึ้นมาเต้นนะ แล้วกล้องเลื้อยไปเลื้อยมาและโปรดักชั่นใหญ่มาก ในที่สุดไม่เอา"

Yak The Movie

          และเมื่อได้เห็นภาพตัวอย่างฉบับเต็มของยักษ์ที่กำลังอาละวาดอยู่ในโรงภาพยนตร์ขณะนี้ก็ไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใดว่าทำไมถึงใช้เวลา 6 ปี ตอนนี้พูดได้คำเดียวว่าอยากดูใจจะขาด 4 ตุลาคมนี้ ยักษ์กันทุกโรงภาพยนตร์



 


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จิก ประภาส แท็กทีม เอ็กซ์ ชัยพร ประเดิมทำ ยักษ์ ทุ่มเวลากว่า 6 ปี อัปเดตล่าสุด 7 กรกฎาคม 2558 เวลา 11:42:18 1,318 อ่าน
TOP