ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เว็บไซต์ทางการ Zero Dark Thirty
แคธรีน บิเกโลว์ ผู้กำกับหญิงแกร่งแห่ง Zero Dark Thirty ชี้แจงแถลงไขอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกผ่านข้อเขียนในลอสแองเจลีสไทมส์ ปกป้องฉากทารุณทรมานนักโทษเพื่อรีดเค้นข้อมูลสาวถึง "อุซามะห์ บินลาดิน" ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ไม่อาจละเลยได้
บิเกโลว์และมาร์ก โบล คนเขียนบทที่เคยจับมือกันคว้า 6 ออสการ์มาแล้วจาก "The Hurt Locker" เมื่อปี 2008 รวมถึงสาขาผู้กำกับและคนเขียนบท ตกเป็นเป้าวิจารณ์จากทั้งฝ่ายซ้าย และฝ่ายขวาในอเมริกามาตั้งแต่เริ่มปลุกปั้นโปรเจคท์ ไม่รวมปัญหาจุกจิกระหว่างการถ่ายทำ และการถูกกล่าวหาว่าใช้ข้อมูลลับสุดยอดจากคนวงใน พอหนังถ่ายเข้าฉายจำกัดเมื่อเดือนที่แล้ว และปล่อยฉายปกติสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งคู่และตัวหนังก็โดน สภาคองเกรสและนักสิทธิมนุษยชนตำหนิอีกว่า "ผิดข้อเท็จจริงอย่างร้ายแรงและชี้นำไปในทางที่ผิด" ทำให้คนเข้าใจว่าการทารุณทรมานรีดเค้นข้อมูลช่วยให้รัฐบาลสหรัฐรู้ที่ซ่อนและเด็ดชีพบินลาดิน ได้สำเร็จที่เมืองแอบบอตตาบัดของปากีสถาน เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2011
ผู้กำกับวัย 61 ยอมรับว่าผู้เชี่ยวชาญหลายราย ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อเท็จจริงหลายอย่าง โดยเฉพาะประเด็นการเสาะหาข่าวกรอง ข้อโต้เถียงเหล่านี้จะมีอยู่ต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ความเชื่อส่วนตัวของเธอ ซึ่งก็ยังเป็นที่ถกเถียงคลางแคลงอยู่เช่นกัน เธอคิดว่าการพบตัวอุซามะห์ บินลาดิน เกิดจากการสืบสวนอย่างชาญฉลาด
"กระนั้นก็ดี การทารุณทรมานเกิดขึ้นในช่วงปีแรก ๆ ของการไล่ล่าอย่างที่เรารู้กันดี ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่ามันเป็นหัวใจสำคัญของการเจอบินลาดิน มันแค่หมายความว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว ที่เราไม่อาจมองข้ามได้"
คนในแวดวงเชื่อกันว่าเรื่องอื้อฉาวต่าง ๆ ทำให้บิเกโลว์พลาดการเข้าชิงผู้กำกับยอดเยี่ยมของออสการ์ แม้ตัวหนังจะได้ชิงสาขาหนังยอดเยี่ยมด้วยจาก 5 สาขาที่ได้ชิง ซึ่งก็อาจเสียคะแนนไปโขได้เช่นกัน ขนาดที่นักแสดงที่เป็นสมาชิกอคาเดมีอย่างเดวิด เคลนนอน ยังรณรงค์ให้สมาชิกอย่าโหวตให้หนังเพราะส่งเสริมการทรมาน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
