x close

เปิดใจ มาริโอ้ กับบทบาทที่เข้มข้นและร้อนแรงขึ้น ใน จันดารา ปัจฉิมบท


บทสัมภาษณ์ "มาริโอ้ เมาเร่อ" พลิกบทบาทร้ายครั้งแรกสุดเข้มข้น ใน "จันดารา ปัจฉิมบท" 
(สหมงคลฟิล์ม)

 พลิกบทบาทคาแร็คเตอร์จาก "จันดารา ปฐมบท" ไปอย่างไรบ้าง

          มาริโอ้ : คือจากปฐมบทมาสู่ "จันดารา ปัจฉิมบท" ตัวจันจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลยจริง ๆ ทั้งบุคลิกภายนอก และความคิดความอ่าน จัน ดาราจะโตขึ้น จะมาในมาดที่เข้มขึ้น ร้ายขึ้น พลิกจากขาวเป็นดำไปเลย จะเป็นช่วงวัยผู้ใหญ่ไปจนแก่ผ่านช่วงเวลาและรับรู้ความจริงต่างๆ มาค่อนข้างเยอะ รวมถึงได้รับการสั่งสอนปลูกฝังความคิดร้าย ๆ ความเจ้าคิดเจ้าแค้นจากคุณท้าวยาย ทำให้ทัศนคติของจันเปลี่ยนไปมากเลย พอจันกลับมาจากพิจิตรก็จะเป็นจันอีกคนหนึ่งไปเลย แต่จริง ๆ ถามว่าลึก ๆ แล้วจันยังเป็นจันอยู่มั้ย ผมว่าจันก็ยังเป็นจันที่อ่อนโยนอยู่ เพียงแต่ว่าจันต้องสวมหน้ากาก และจันก็ต้องทำหน้าที่ที่ผู้ใหญ่สั่งสอนมา เพราะจันค่อนข้างเป็นคนที่เชื่อผู้ใหญ่ทุกอย่าง ผู้ใหญ่บอกอะไรมาก็ไม่กลั่นกรอง และมีความรู้สึกว่าเราต้องทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่บอก ก็เลยทำให้จันต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่คาดไม่ถึงในภาคนี้ คือหนักมากครับสำหรับจันในภาคนี้ 


 เรื่องราวของ "จันดารา ปัจฉิมบท" 

          มาริโอ้ : สำหรับเรื่องราวในภาคปัจฉิมบทก็จะต่อเนื่องจากภาคปฐมบทนะครับ ถ้าใครได้ดูปฐมบทก็จะเล่าตั้งแต่จัน ดาราขอเปลี่ยนชื่อตัวเองจากจัน วิสนันท์เป็น จัน ดารา คือเอาชื่อแม่มาเป็นนามสกุล หลังจากนั้นจันก็เดินทางไปอยู่ที่พิจิตร ไปช่วยเหลือคุณท้าวยายเรื่องการค้าธุรกิจของตระกูล และได้รับการสั่งสอนฝังหัวจากคุณท้าวยายให้เกลียดคุณหลวงที่ทำทารุณกับจันมาตลอดและคดโกงทรัพย์สมบัติของตระกูลพิจิตรวานิชไป คือทั้งชีวิตตอนเด็ก ๆ ที่จันถูกคุณหลวงทำร้าย เป็นสิ่งที่จันไม่ควรจะโดน และจริง ๆ แล้วจันเป็นเจ้าของบ้านและทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคุณหลวงก็เป็นของจัน ของคุณท้าวยาย ของคุณแม่จันต่างหาก

          และขณะเดียวกันจันก็ได้สืบหาพ่อที่แท้จริงของตัวเองไปด้วยซึ่งก็ได้รับคำตอบที่ไม่คาดฝันมาก่อนเลย ประจวบกับที่บ้านวิสนันท์ที่พระนครก็มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น ทำให้ถึงเวลาที่จันต้องกลับไปล้างแค้นทวงคืนอำนาจ และทรัพย์สมบัติทุกอย่างจากคุณหลวงตามคำสั่งเด็ดขาดของคุณท้าวยาย หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์หลายอย่างทั้งในบ้านของจัน ทั้งการเมือง ทั้งสงครามจนนำไปสู่บทสรุปชีวิตของจันในภาคนี้ครับ


 การเปลี่ยนลุคแปลงโฉมในภาคนี้

          มาริโอ้ : ครับ สำหรับการปรับลุคในภาคปัจฉิมบทนี้ก็ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ขั้นแรกเลยคือจันโตขึ้น เรื่องเสื้อผ้าการแต่งกายก็จะเปลี่ยนไป อย่างภาคแรกลุคของจันจะดูใส ๆ ไม่ประสีประสาอะไรเลย ใส่ชุดผ้าบาง ๆ และกางเกงแพรเหมือนคนทั่วไป แต่ว่าในภาคนี้จันจะไว้หนวด มีมาดที่เข้มขึ้นมาก แต่งตัวภูมิฐานขึ้น ใส่สูทผูกไทให้สมกับตำแหน่งเจ้าของบ้านคนใหม่ และนอกจากคาแร็คเตอร์ที่มีหนวดแล้ว ในภาคนี้ก็จะมีจันตอนแก่ค่อนข้างเยอะครับ ภาคแรกก็จะมีแต่ออกมานิดเดียว แต่ภาคนี้จะมีค่อนข้างเยอะ เพราะเรื่องนี้เล่าผ่านจัน ดาราในยุคปัจจุบันที่อายุ 70-80 แล้ว ก็จะมีการแต่งเมคอัพทั้งแต่งแก่ ผมหงอก และไว้หนวดยันแก่ แต่ก็ยังเป็นคนแก่ที่แต่งตัวดีเสมอต้นเสมอปลายอยู่ครับ

          สำหรับการเมคอัพ เริ่มตั้งแต่ตอนที่จันไว้หนวด ตอนอายุ 20 กว่า โอ้ก็ต้องติดหนวดตลอด ซึ่งค่อนข้างยากครับเพราะว่าหน้าโอ้เล็ก และต้องหาหนวดที่เข้ากับหน้าโอ้ พี่ฝ่ายแต่งหน้าเขาก็ตัดหนวดจนไม่รู้จะตัดยังไงกว่าจะหาที่เป๊ะ ๆ ได้ (หัวเราะ) เวลาที่เราเล่นไปเรื่อย ๆ หนวดก็จะหลุด พี่เขาก็ต้องคอยดูหนวดตลอด ซึ่งก็เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน ตอนโอ้ถ่ายก็แยกแยะกลิ่นกาวได้แล้วว่ามีกาวประเภทไหนบ้าง เพราะว่าติดอยู่ทุกวัน และจำได้ว่าตอนที่เล่นเสร็จกลับบ้านถอดหนวดออกแล้วแต่ยังรู้สึกว่ามีหนวดอยู่ ก็จะคอยจับหนวดอยู่ตลอด คือมันชินต้องติดทุกวันช่วงนั้นเลยครับ แต่ตอนแก่นี่หนักที่สุดครับ ตั้งแต่เริ่มฟิตติ้งแล้ว หม่อมเขาจะมีภาพอยู่ในหัวของหม่อม และพี่ ๆ เขาก็ช่วยแต่ง แต่งกัน 3-4 แบบครับ มีหลายแบบมาก ใช้เวลาแต่งนานมากครับ เพราะว่าเมคอัพมันอยู่ยาก ด้วยอากาศบ้านเราที่ร้อนมากด้วย เวลาแต่งแก่แล้วห้ามออกไปตรงอากาศร้อนเลย เหงื่อมันออกมาไม่ได้เพราะติดตัวเมคอัพ แต่งยากมากครับ แต่สุดท้ายแล้วก็มาลงตัวที่เวอร์ชั่นที่อยู่ในหนังครับ


 การแสดงบทร้ายครั้งแรกนี้มีความยากง่ายอย่างไร และมีวิธีเข้าถึงบทบาทอย่างไร

          มาริโอ้ : สำหรับบทร้ายครั้งแรกของโอ้ มันค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะว่ามันละเอียด และก็สิ่งที่จันได้เคยเจอมา จันก็ทำตามผู้ใหญ่ด้วย แต่ใจนึงก็รู้สึกว่า สิ่งที่เขาถูกกระทำมาตั้งแต่ภาคแรกมันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะเจอ ชีวิตเขาไม่ควรจะเจอแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องถูกทำร้าย ถูกอะไรหลาย ๆ อย่าง ถูกทารุณอะไรอย่างนี้ เหมือนทุกอย่างมารวมกัน ทั้ง 2 อย่าง ทั้งสิ่งที่ผู้ใหญ่บอก ทั้งสิ่งที่อยู่ในใจของจันด้วย ก็เลยทำให้จันต้องทำอะไรต่าง ๆ ที่ร้ายแรงลงไป และแรงขึ้น ๆ เรื่อย ๆ จนผลสุดท้ายแล้ว สิ่งที่จันทำกับคุณหลวงก็แรงกว่าที่คุณหลวงเคยทำกับจันซะอีกครับ

          สำหรับคาแร็คเตอร์ที่อายุมากขึ้น วิธีการเข้าถึงบทบาทของโอ้จากที่เรียนกับหม่อม ที่เราซ้อมกัน มีการเวิร์คช็อปกันก็จะต้องคิดให้เป็นตัวจัน ดาราในตอนนั้นจริง ๆ แต่จริง ๆ แล้วโอ้ว่าจันก็ยังไม่ได้เป็นคนที่โตเท่าไหร่นะครับ จันก็แค่ต้องอยู่ในบทบาทของคนที่โตขึ้น แต่จริง ๆ จันก็ยังเป็นเด็กอยู่ แต่ว่าจันมีเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่ถูกฝังหัว อย่างคุณท้าวยายก็ใส่ทุกอย่างมาที่จัน เราต้องแก้แค้น นี่คือสมบัติของเรา ซึ่งวิธีที่โอ้เข้าบทได้ง่ายก็คือคิดถึงสิ่งที่เราต้องทำ ถึงหน้าที่ที่เราต้องทำ ก็ยังไม่ลืมความเป็นจันลึก ๆ ถ้าได้ดูในหนังจริง ๆ จันก็ไม่อยากทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่ทำลงไป แต่ว่าด้วยภาระหน้าที่และสิ่งที่สัญญากับผู้ใหญ่ก็เลยต้องทำไปอย่างช่วยไม่ได้ สำหรับโอ้รู้สึกว่ารู้สึกเศร้าเหมือนกัน สิ่งที่เขาเจอมาตอนเด็ก ๆ มันก็หนักมาก ทำให้มันเป็นผลมาจนถึงสิ่งที่เขากระทำตอนนี้ ผมว่าผู้ชมที่ดูมาตั้งแต่ภาคแรก เขาก็ต้องรู้สึกตรงนั้นอยู่แล้ว เพราะว่าสิ่งที่จันโดนมาก็ใช่ว่าจะเบา และสิ่งที่เขาทำกลับไปมันก็หนักจนถึงหนักกว่าด้วย

          สำหรับโอ้ถ้าถามว่า ส่วนใหญ่จะรับบทพระเอกและต้องทำดี แต่สำหรับจันดาราเป็นอีกเคสหนึ่งที่จัน ดาราเป็นพระเอกแต่ทำสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่มันร้ายแรงด้วย สิ่งที่มันแรง สำหรับโอ้ถ้าถามว่ากลัวแฟนคลับรับไม่ได้ หรือคนดูรู้สึกยังไงกับตรงนี้ ผมรู้สึกว่าผมไม่กลัวครับว่าแฟนคลับหรือคนที่มาดูแล้วเขาจะรู้สึกไม่ดี ถ้าเขารู้สึกไม่ดีแสดงว่าเราทำได้ดีแล้ว ก็ทำให้คนได้เห็นว่าสิ่งที่จันเขาทำไม่ดีก็คือไม่ดี ทำให้เขาเห็นไปเลยครับ


 ตัวละครอื่น ๆ ที่รายล้อมจัน ดาราก็มีชะตาชีวิตที่พลิกผันไปไม่ต่างกัน

          มาริโอ้ : สำหรับตัวละครรอบข้างจัน ดาราในภาคปัจฉิมบทนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงไปมากมายอย้างคาดเดาไม่ได้เลยครับ อย่างคนที่ใกล้ตัวจันที่สุดก็เริ่มจาก "เคน กระทิงทอง" ก็เป็นเพื่อนซี้ แต่ก่อนเคนเป็นคนเจ้าชู้ เห็นเซ็กส์เป็นเรื่องสนุก แต่ภาคนี้ก็จะเปลี่ยนไป เหมือนได้เจอเนื้อคู่ มีครอบครัว ก็จะเป็นคนที่ไม่เจ้าชู้อะไรอีกแล้ว อีกคนคือ "คุณบุญเลื่อง" อย่างภาคที่แล้วจะเป็นสาวเปรี้ยวทำงานอยู่ที่สิงคโปร์ แต่ภาคนี้จะค่อนข้างดราม่ามาก ๆ เพราะเธอจะเป็นคนที่เจอเรื่องร้ายต่าง ๆ มากระทบตัวแทบจะทุกเรื่องเลย ส่วน "คุณแก้ว" จะเป็นตัวละครที่พลิกผันที่สุดในตัวละครทุกตัว เพราะเจอเรื่องอะไรก็เยอะแต่เป็นคนที่ไม่ปลง ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งทำให้มีผลสรุปค่อนข้างพลิกผันมาก ๆ สำหรับตัว "น้าวาด" น้าของจัน สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ น้าวาดจะรับไม่ได้กับการกระทำของจันที่ทำแต่เรื่องเลวร้ายรุนแรงทำให้น้าวาดรับไม่ไหวจนไม่อยากจะยุ่งกับจันเลย ซึ่งก็ทำให้จันเศร้าใจเช่นกัน อีกตัวละครที่สำคัญมากที่สุดตัวหนึ่งในเรื่องนี้ก็คือ "คุณหลวง" เหตุการณ์หลาย ๆ อย่างก็ทำให้ชีวิตของคุณหลวงพลิกผันมาก ๆ ทั้งเรื่องของสุขภาพที่แทบจะช่วยตัวเองไม่ได้ในภาคนี้ ทั้งการเอาคืนของจัน ที่สุดโหดร้ายก็คือเหมือนกระจกที่สะท้อนเห็นตัวคุณหลวงที่เคยทำกับเรา พูดง่าย ๆ ว่าจันกลับกลายเป็นคุณหลวงที่โหดร้ายยิ่งกว่านั่นเองครับ


 ฉากสุดประทับใจ

          มาริโอ้ : อย่างที่โอ้เคยบอกไปว่า จริง ๆ แล้วโอ้ก็ชอบในทุก ๆ ฉากของเรื่องนี้เลยนะครับ เพราะมันเป็นการแสดงที่โอ้ไม่เคยได้เล่นหรือสัมผัสมาก่อนเลย แต่ถ้าให้ยกตัวอย่างฉากประทับใจ ที่เห็นชัดเจนที่สุดในเรื่องการแสดงแล้วก็คงเป็นฉากที่จัน ดารากลับมาทวงสมบัติคืน เป็นฉากที่ดูแล้วรู้สึกว่าเราเล่นเป็นจัน แต่เราไปสงสารคุณหลวง รู้สึกว่าคุณหลวงน่าสงสาร แต่ใจหนึ่งก็แอบสะใจนิด ๆ สำหรับตัวผมเอง เพราะว่าคุณหลวงเคยทำอะไรกับจันไว้หนักมาก เป็นซีนที่ผมชอบ คือทุกตัวละครก็ส่งมาให้เราด้วย ไม่ใช่แค่เราเล่นเองคนเดียว ฉากนั้นใช้เวลาถ่ายเป็นวัน เพราะว่าต้องรับหน้าหลาย ๆ คนด้วย เป็นซีนที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะว่าเป็นซีนที่ทำให้รู้ว่าจันกลับมา และเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว

          เป็นซีนใหญ่ไดอะล็อคยาว 8 หน้า แล้วตอนที่โอ้ซ้อมที่บ้านหม่อม โอ้คิดว่ายังไงก็จำไม่ได้ และคิดว่ายังไงก็ต้องเทค แต่ว่าก่อนวันถ่ายวันหนึ่ง โอ้ก็นั่งอ่านบทอย่างเดียวโดยทิ้งความเครียดไป ก็คิดว่าเราจำได้ไม่ได้อีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าเราต้องเข้าใจตัวละครจริง ๆ เข้าใจในสิ่งที่จันเขาทำ เข้าใจคำพูดที่เขาพูดออกมา เพราะทุกคำที่จันพูดออกมามันตั้งใจให้กระทบตัวคุณหลวงอย่างรุนแรง แต่ตอนที่ผมอ่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจำได้ แต่ว่าพอไปถึงที่กองถ่าย ด้วยบรรยากาศของกองถ่าย ด้วยเพื่อน ๆ พี่ ๆ นักแสดง พี่เจี๊ยบที่เล่นเป็นคุณหลวง พี่หญิง พี่ตั๊ก หรือว่านิว ทุกคนส่งให้เรา ต่อให้กล้องไม่ได้รับพวกเขา เขาก็ส่งอารมณ์ให้เรา แต่ยิ่งเราหันไปมองเขา เขาก็ยิ่งส่งให้เราอีก ทำให้ไดอะล็อคต่าง ๆ ที่เราจำไว้ลึก ๆ เหมือนเป็นตัวเราอยู่แล้ว มันก็จะออกมาเอง ทำให้ผ่านฉากนั้นไปได้ด้วยดี อาจจะมีพูดผิดไปบ้างนิดนึง แต่หม่อมบอกว่าดีมากที่จำได้ เราก็รู้สึกว่าดีที่ไม่ใช่แค่ตัวเรา แต่ว่าคนที่เขาไม่ได้เล่น ไม่ได้พูด หม่อมบอกว่าคนที่ไม่ได้พูดยากกว่าคนที่พูดอีกในเรื่องการแสดง เราก็เลยคิดว่าเราได้พูดเยอะ แสดงว่าง่าย ก็เลยคิดว่ามันง่าย (หัวเราะ) แต่จริง ๆ มันก็ยากครับ แต่เราต้องทำได้ถ้าเราพยายาม สุดท้ายก็ออกมาเป็นฉากที่ผมชอบเลยครับ


 ฉากที่ต้องแสดงอารมณ์รุนแรงเป็นจัน ดาราที่ไม่เหลือความอ่อนโยนอยู่ในตัวเลย

         มาริโอ้ : หลายฉากแทบทั้งนั้นเลยครับ อย่างฉากที่ทะเลาะกับคุณแก้วจนตบหน้าคุณแก้ว ก็จำได้ว่าพี่โช นิชิโนะบอกให้ตบจริงเลย บอกว่าให้ตบโดนหน้าไปเลย โอ้ก็บอกว่าไม่ต้องครับ ไม่ต้องตบจริง เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาก็ทุ่มเทมาก ๆ พี่โชเขาก็ตั้งใจแสดงมาก ๆ ครับ

          สำหรับอีกฉากหนึ่งที่โอ้ชอบมาก ๆ เป็นฉากที่จันทะเลาะกับเคนซึ่งเป็นทั้งเพื่อนซี้ เป็นทั้งพี่น้อง เป็นทุกอย่างเลย จันไม่มีเคนก็ไม่ได้ เป็นคู่ที่ตายแทนกันได้ คือใครทำอะไรจัน เคนก็สู้สุดใจ ฉากนี้เป็นซีนที่ทะเลาะกันหนักมาก ๆ ซีนนั้นมันมีหลายอารมณ์ จันก็อดนอนด้วย คือผ่านการทำความผิดมาเยอะแยะมากมายซึ่งจันก็นั่งกินเหล้าถึงเช้า จนสิ่งที่จันทำไป ทำอะไรร้าย ๆ แรง ๆ ไป ทำให้เคนรู้ว่าคนทำก็คือจันนั่นแหละ เคนก็เลยบอกให้คุณจันเลิกทำเถอะ มันไม่ควร พอแล้ว แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว จันก็บอกว่า เราก็ถูกทำร้ายมามากทั้งจิตใจทั้งร่างกาย ซึ่งเคนก็บอกว่ามันน่าจะพอแล้ว ก็เลยทะเลาะกัน ทำให้จันพูดจารุนแรงกับเคนมาก คือด่าเคนเหมือนกับเคนเป็นแค่ลูกคนใช้ มีสิทธิอะไร ซึ่งลึก ๆ แล้วจันก็ไม่เคยคิดกับเคนแบบนั้นเลย ก็ทำให้ 2 คนนั้นก็แตกกันไป จันก็เหมือนเสียทุกอย่าง เสียทั้งเพื่อน ทั้งคนสนิท ทั้งเสียใจ ทุก ๆ อย่างมันรวมอยู่ในซีนนั้น


 ฉากใหญ่ไฮไลต์ในฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นอย่างไรบ้าง

         มาริโอ้ : ครับ สำหรับซีนที่เป็นซีนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีในหนังเรื่องนี้ด้วย เป็นอีกซีนที่โอ้ชอบมากๆ อีกช่วงหนึ่งของหนัง เพราะว่าเล่าถึงประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในประเทศไทยด้วย ทางทีมงานของหม่อมก็ทำได้ดีมาก ๆ ทั้งโปรดักชั่น ทั้งฉาก ทั้งพร็อบ ทั้งรถทหาร ทหารญี่ปุ่นที่เข้ามาในประเทศไทย ผมชอบมาก ๆ คือนอกจากเอฟเฟ็คต์ระเบิดตู้มต้ามแล้ว ผมก็ชอบพี่ ๆ ที่เป็น Extra ที่เล่นด้วยกันในฉากนั้น ทำให้โอ้รู้สึกว่าแม้จะเห็นพี่ ๆ เขานิดเดียว แต่ก็เล่นกันเต็มที่ ผมคิดว่าผมเล่นฉากนั้นได้แบบนี้ เพราะว่าทุกคนส่งให้ ทำให้เราเล่นได้ดีขึ้นเยอะเลย คือทำให้เราอินตรงโมเมนต์นั้นมากขึ้น เพราะพี่ ๆ น้อง ๆ นักแสดงประกอบที่เล่นด้วยกันนี่เอง อย่างมี Extra คนหนึ่งเขาจำได้ว่าเขาต้องโดนระเบิด ก็คือโดนปกติ แต่ว่าตอนที่มันเกิดขึ้นตอนระเบิดลง ทำให้ทุกคนบาดเจ็บกันสาหัสมาก พี่เขาขี่จักรยานมาเขาก็ต้องล้ม ก็มีเอาขาเข้าไปพันกับจักรยาน และเขาบอกว่าแบบนี้ดีมั้ย คือเขาตั้งใจจริงๆ เขาไม่ได้มารับเงินไปเฉย ๆ คือเขาตั้งใจเล่นจริง ๆ พอหันไปมอง Extra เขาร้องไห้กันจริง ๆ เด็ก ๆ ร้องไห้ คุณยายก็ร้องไห้ มีคุณยายคนหนึ่งผมหันไปน้ำตาผมไหลเลย เพราะว่าหันไปแล้วเห็นภาพลูกฉัน ๆ หมอ ๆ แสดงแบบจริงจังมาก คือพี่ ๆ เขาอินมาก ทำให้ผมอินหนักเข้าไปอีก เพราะฉากนี้ผมต้องมีฉากดราม่าที่ไม่คาดคิดด้วยครับ


 ฉากเลิฟซีนที่ทุกคนจับตามอง

          มาริโอ้ : สำหรับฉากเลิฟซีนกับคุณบุญเลื่อง ก็ค่อนข้างมีหลายอารมณ์มาก ๆ เหมือนกัน คือไม่ใช่แค่มีฉากเลิฟซีน มันมีทั้งหลายอารมณ์ ความต้องการของจัน ซึ่งจันก็มีหลายอารมณ์มากทั้งเรื่องของเซ็กส์ เซ็กส์ที่จันต้องมีกับคุณบุญเลื่องก็คือสลับซับซ้อนมาก ๆ ทั้งเรื่องการอยากจะแก้แค้นด้วย แต่อีกใจจันก็ไม่อยากทำ ถ้าได้ดูซีนนี้ก็จะเห็นว่าจริง ๆ แล้วจันก็ยังคงเป็นเด็กอยู่ เป็นฉากเซ็กส์เพื่อการแก้แค้นด้วยใจหนึ่ง และอีกใจหนึ่งก็คือเขาก็รักคุณบุญเลื่องจริง ๆ ด้วย เพราะว่าด้วยความที่เขาไม่เคยมีแม่ และรู้สึกถึงสิ่งที่เขาได้จากคุณบุญเลื่องคือความเป็นแม่ เขารู้สึกเหมือนมีไออุ่น มีความรู้สึกความเป็นแม่อยู่ในนั้น เป็นอีกหนึ่งซีนอารมณ์ที่หนักอยู่เหมือนกัน เพราะว่าก่อนที่เขาจะมีเซ็กส์กัน มันเป็นสิ่งที่จันตั้งใจมายั่วคุณบุญเลื่อง ซึ่งซีนนั้นถ่ายหลายครั้งด้วย และอารมณ์ก็ค่อนข้างลึก สำหรับการเล่นกับพี่หญิงในฉากนั้น และการกำกับของหม่อม ตอนแรกที่เล่นกับพี่หญิง เราก็ขอโทษพี่หญิงก่อนทุกครั้ง เพราะว่ามันมีการถึงเนื้อถึงตัวกันด้วย แต่เรารู้ว่าเรามาเพื่อการแสดงและนี่คืองานของเรา ก็มองข้ามจุดนั้นไป หม่อมเขาจะมีการเซฟให้ตลอด เพราะว่าทีมงานทุกคนที่เป็นผู้ชายหรือทีมกล้องก็ต้องออกไปไม่อยู่ในฉากนี้ เป็นสิ่งที่หม่อมเขาคอยดูให้นักแสดงหญิงและทุกคนด้วย 


 ฉากคนแก่เล่าเรื่องเป็นอีกหนึ่งสีสันของเรื่องที่ลดความเคร่งเครียดลงไปได้เลย

          มาริโอ้ : สำหรับฉากที่จันกับเคนตอนแก่คุยกัน สำหรับโอ้ชอบมาก เป็นซีนที่น่ารัก ผมชอบไดอาล็อคของคนแก่ เหมือนคนที่ผ่านโลกมาเยอะ สำหรับโอ้มันเหมือนง่าย เป็นคนแก่ แต่มันไม่ง่าย เราเคยเล่นทำเป็นคนแก่ตอนเด็ก ๆ แต่พอเป็นหนังของหม่อม มันต้องละเอียดมาก ๆ ทั้งเรื่องเมคอัพ ทั้งเรื่องอารมณ์การแสดง ทุก ๆ อย่างเลย แล้วก็สิ่งที่คนแก่มาเล่าก็คือมันต้องอยู่ในหัวเราหมด เห็นภาพอยู่ในหัว เพราะเป็นเรื่องที่ผ่านชีวิตของจันมาหมดแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุณหม่อมด้วยที่เรียงหนังให้เราเล่น เพราะว่าตอนเรามาเล่นเป็นคนแก่ เราผ่านมาหมดแล้ว ซึ่งคนแก่เราถ่ายกันวันสุดท้าย ซึ่งทำให้เราเห็นภาพและเหตุการณ์ต่าง ๆ มาหมดแล้ว สิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราทำ คือหนังเรื่องนี้มันเป็นการพูดการเล่าเรื่องของคนแก่ 2 คนนี้ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ มาหมดแล้ว ซึ่งถ้าถ่ายตั้งแต่แรกก็คงไม่เห็นภาพ ก็คงต้องเดาไปต่าง ๆ นานา แต่นี่เราเล่นฉากอื่น ๆ มาหมดแล้ว เห็นภาพจริง ๆ เราได้เล่นมาจริง ๆ ไปแล้ว ซึ่งมันทำให้ง่ายขึ้น ชอบครับ จำได้ตอนที่ไปถ่ายฉากนี้ คนที่ผ่านไปผ่านมาก็นึกว่าเราเป็นคนแก่จริง ๆ ก็เรียกลุง ๆ ตา ๆ แต่ไม่ใช่นะครับ นี่คือโอ้เองครับ

          สำหรับโอ้ ฉากคนแก่เล่าเรื่องมันสะท้อนอะไรหลาย ๆ อย่าง เพราะว่าตัวจัน ดาราตอนแก่เอง ก็เหมือนคนแก่ที่ยังห่วงสมบัติ คืออยากให้สมบัติกับคนที่เรารัก แต่สิ่งที่ชอบก็คือคนแก่ 2 คนนี้ เราจะได้เห็นความแตกต่างของทั้งจันและเคนจริง ๆ ปัจฉิมบทก็คือบทสรุป บทสรุปของจัน ดาราจะเป็นยังไง ก็จะได้เห็นในภาคนี้ เราจะได้เห็นความแตกต่างระหว่างเพื่อนซี้ 2 คน ทั้งเคนและจันว่าตอนแก่บทสรุปจะเป็นยังไง


 ความรู้สึกแรกหลังจากที่ได้ชม

         มาริโอ้ : สำหรับโอ้หลังจากได้ดูภาพยนตร์เรื่องจัน ดาราทั้งสองภาคไปแล้ว ความรู้สึกแรกก็คือหายเหนื่อยเลย เพราะเราถ่ายกันมาหนักมาก เป็นหนังที่ยากที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยแสดงมา รู้สึกว่าหลาย ๆ ซีนที่เราอ่าน ทำการบ้าน ที่เราเวิร์คช็อปกับหม่อม เรารู้สึกว่ายากมาก เราคงเล่นไม่ได้ แต่พอเราไปอยู่ตรงนั้น เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เราสามารถสื่อออกมาให้คนดูเชื่อในตัวของจัน ดารา ตามชีวิตของจัน ดาราไปเรื่อย ๆ ทำให้ผมนับถือตัวละครตัวนี้ นับถือจิตใจของเขา หม่อมก็บอกว่าจิตใจของเขาแข็งแกร่งมาก ๆ ต่อให้เจอเรื่องหนักแค่ไหนก็ไม่ย่อท้อต่อชีวิต ทำให้เรากลับมามองตัวเองว่าขนาดจัน ดาราเจอมาหนักขนาดนี้เขายังสู้ได้ ก็เป็นข้อคิดที่ดีมาก ๆ ครับ


 เสน่ห์และความน่าสนใจโดยรวม

          มาริโอ้ : สำหรับความน่าสนใจโดยรวมของ "จันดารา ปัจฉิมบท" นี้ เนื้อหาก็จะเข้มข้นขึ้นกว่าภาคปฐมบทมาก ๆ เพราะว่าปฐมบทก็คือจะเป็นเหตุมากกว่า เล่าว่าทุกคนเป็นมายังไง เป็นประวัติของแต่ละคน พอมาปัจฉิมบท ก็จะเป็นผลสรุป ผลของแต่ละตัวเป็นยังไง ผ่านเวลามากี่ปี ๆ ทุกตัวละครเป็นยังไง จะมีเล่าย้อนกลับไปถึงตอนเด็กด้วย ภาพเก่า ๆ ที่ใครยังไม่ได้ดูก็จะมีแฟลชแบ็คให้ดูด้วย ทำให้ภาคนี้เข้มข้นขึ้นเยอะ ทั้งอารมณ์ ทั้งซีนต่าง ๆ ทั้งเหตุการณ์ ทุกอย่างในตัวละครเรื่องนี้ก็จะเปลี่ยนไป เหมือนผ่านเวลามาแล้วเป็นยังไง ซึ่งเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยทั้งตัวละครและเหตุการณ์ ซึ่งเป็นบทที่หม่อมปรับเพิ่มขึ้นมาใหม่ด้วย ซึ่งจะทำให้คนดูที่เป็นแฟนตั้งแต่ภาคที่แล้ว ก็ควรจะติดตามภาคนี้ด้วยแน่นอน เพราะโอ้เป็นคนเล่นเองยังรู้สึกว่าภาคนี้มันสนุกขึ้นเยอะครับ ทั้งเรื่องของการแสดง และเรื่องของสิ่งที่ตัวละครต้องเจอต้องผ่านอะไรมา เป็นผลพวงจริง ๆ จากภาคที่แล้ว ซึ่งสิ่งที่ได้จากปัจฉิมบทก็คงเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม อย่างที่พระหรือผู้ใหญ่เคยสอนว่า ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ผมว่าเป็นเรื่องจริง ต้องดูได้จากภาคนี้แน่นอน

 
          โอ้ก็อยากฝากไว้ให้แฟนหนังจัน ดาราด้วย ใครที่เป็นแฟนหนังหม่อมหรือว่าใครที่เป็นแฟนหนังโอ้นะครับ ก็อย่าลืมติดตาม "จันดารา ปัจฉิมบท" เพราะว่าโอ้รับรองเลยว่าจะเข้มข้นขึ้นทั้งเนื้อหาและการแสดง ฉากใหญ่ต่าง ๆ ทั้งเลิฟซีนสวยงาม ฉากสงครามอันโหดร้าย ฉากดราม่าที่จะเห็นด้านที่อบอุ่นที่แท้จริงของจัน ความร้ายกาจของจันและคุณหลวงที่เป็นกระจกสะท้อนให้เห็นว่าการแก้แค้นทวงคืนอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายมันก็ไม่ได้ให้ผลดีกับใครเลย ใครทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้นจริง ๆ เป็นหนังที่ดูสนุกแล้วก็มีข้อคิดแฝงอยู่ในนั้นเยอะแยะมากมาย ใครเคยดูภาคที่แล้วต้องดูบทสรุปในภาคนี้เลยครับ ฉากเลิฟซีนที่หลายคนจับตามองนั้นมีแน่นอนครับ มีคนถามว่าแซบหรือเปล่า โอ้ก็บอกได้เลยว่าแซบเวอร์ครับ (หัวเราะ) เลิฟซีนก็เป็นไปตามบทบาทครับ แล้วก็ยังมีอะไรให้ดูอีกเยอะแยะมากมาย สำหรับโอ้ก็เป็นบทที่ท้าทายตัวโอ้เองมาก ๆ ก็อยากฝากให้คนดูได้ดู เพราะว่าเป็นก้าวใหญ่ก้าวหนึ่งสำหรับอาชีพการแสดงของโอ้เลยครับ


 คุณค่าที่ผู้ชมจะได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้

          มาริโอ้ : ผมว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีคุณค่ามากมายให้กับผู้ชมคนดู หลายคนก็อาจจะจับจ้องแต่เรื่องอีโรติก แต่ผมว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องรอง แต่ว่าคุณค่าหลักสำหรับเรื่องนี้ตอนอ่านบทตั้งแต่แรก ๆ เลย ผมว่ามันเป็นหนังธรรมะ และเป็นหนังที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ว่ามนุษย์เรามีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี ทำให้เราเห็นถึงความแค้น ความโกรธ การเกลียดกัน การแก้แค้น หรือการสอนเด็กในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือการที่ผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับเด็ก มันมีหลายแง่มุมมากครับในเรื่องนี้ที่สามารถสอนคนเราได้ และทำให้เราได้เห็นถึงความรักของเพื่อนด้วย ความรักของน้าหลานซึ่งเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก สิ่งที่เด็กขาดแม่แล้วจะเป็นยังไง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน มันมีหลากหลายแง่มุมมากครับสำหรับภาพยนตร์เรื่องจัน ดารา ถ้าคนมองดี ๆ ดูอย่างละเอียด จะได้อะไรเยอะมากจากภาพยนตร์เรื่องนี้เลยครับ











ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดใจ มาริโอ้ กับบทบาทที่เข้มข้นและร้อนแรงขึ้น ใน จันดารา ปัจฉิมบท อัปเดตล่าสุด 21 มกราคม 2556 เวลา 14:53:40 2,474 อ่าน
TOP