x close

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ พระเอกไอรอนแมน 3 ที่มาแรงที่สุด

ไอรอนแมน3 iron man 3

ไอรอนแมน3 iron man 3

Iron Man 3

iron man

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊กทางการภาพยนตร์ Iron man 3 ประเทศไทย, marvel.com , เฟซบุ๊ก Robert Downey Junior (UK)
 
         โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Junior) พระเอกไอรอนแมน 3 ประวัติ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ก่อนที่จะมาเป็นพระเอกหนัง เคยติดยาเสพติด ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง

         ภาพยนตร์เรื่อง ไอรอนแมน 3 ถือเป็นภาพยนตร์ที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ ทั้งจากกระแสที่มาแรงทั่วโลก เนื้อเรื่องที่ตื่นเต้นเร้าใจ และเอฟเฟกต์อันสุดแสนตระการตา จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ กลายเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจให้กับคนทั่วโลก และทำรายได้มหาศาลได้อย่างไม่ยากเย็น และคนที่เป็นดาวเด่นในเรื่องไอรอนแมน 3 รวมถึงไอรอนแมนภาคอื่น ๆ คงไม่พ้น โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Junior) ผู้รับบท โทนี่ สตาร์ค มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของโปรเจคท์ไอรอนแมน วันนี้ กระปุกดอทคอม จึงมาขอเปิดประวัติ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์  กันจ้า

          โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508) ปัจจุบัน อายุ 48 ปี มีพี่สาว 1 คน โดยเขาเกิดที่ย่านแมนฮัตตัน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ครอบครัวของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เป็นครอบครัวของนักแสดงโดยแท้ คุณพ่อของเขาคือ โรเบิร์ต ดาวนีย์ ซีเนียร์ มีอาชีพนักแสดง นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ และผู้กำกับ ส่วนคุณแม่ของเขานั้น ก็เป็นนักแสดงด้วยเช่นกัน ดังนั้น โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ จึงได้เข้าเรียนบัลเลต์คลาสสิกเมื่อตอนที่เขาอายุเพียง 10 ขวบ และเคยเข้าเรียนที่ศูนย์ฝึกศิลปะการแสดง Stagedoor Manor จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) ที่พ่อและแม่ของเขาหย่ากัน ทำให้โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ต้องย้ายมาอยู่กับคุณพ่อในแคลิฟอร์เนีย และเมื่อปี ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ จึงตัดสินใจเลิกเรียนชั้น ม.ปลาย และย้ายกลับไปอยู่นิวยอร์กเพื่อเริ่มต้นชีวิตนักแสดง

         ชีวิตในวัยเด็กของโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์  ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเท่าไหร่นัก เขาเองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่ยาเสพติด คุณพ่อของเขา โรเบิร์ต ดาวนีย์ ซีเนียร์  เป็นคนติดยา และเคยให้เขาสูบกัญชาเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ ซึ่งเขาบอกว่า นั่นเป็นวิธีการแสดงความรักอย่างเดียว ที่พ่อเขารู้ ทำให้โตขึ้นมา โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์  จึงเคยมีประวัติติดยาเสพติด เขาเคยดื่มเหล้าทุกวัน และโทรศัพท์เป็นพันครั้งเพื่อที่จะได้ซื้อยามาเสพ

         โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เริ่มต้นชีวิตในวงการบันเทิง ด้วยบทแสดงเล็ก ๆ ในละครบรอดเวย์ จนในปี ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528) เขาเป็นหนึ่งในทีมงานพิธีกรตลกของรายการชื่อดัง Saturday Night Live แต่ด้วยเรตติ้งที่ต่ำ และเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ทำให้ทางรายการต้องหาทีมพิธีกรตลกมาเปลี่ยนแทน แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี เพราะในปีเดียวกัน เขาได้เล่นภาพยนตร์เรื่อง Tuff Turf และ Weird Science ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ที่ช่วยปูทางไปสู่เส้นทางฮอลลีวูด และเขาได้รับบทนำเป็นครั้งแรก จากภาพยนตร์เรื่อง The Pick-up Artist พร้อมกันนั้น เขายังได้เล่นในภาพยนตร์เรื่อง  Less Than Zero ในบทของ  Julian Wells หนุ่มน้อยคนรวยติดยาที่ชีวิตดิ่งลงเหว อันเป็นบทที่ค่อนข้างใกล้เคียง กับชีวิตของเขา และบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ส่งให้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว จนทำให้เขามีงานเข้ามาเรื่อย ๆ

        ในปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ได้รับบท Charlie Chaplin จากภาพยนตร์เรื่อง Chaplin ที่เขาเองต้องเรียนไวโอลินและเล่นเทนนิสมือซ้าย รวมทั้งยังต้องจ้างผู้ฝึกสอนมาช่วยฝึกให้เขามีลักษณะท่าทางคล้ายชาร์ลี แชปลิน จริง ๆ และจากการแสดงอันยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม เมื่อปี ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) แต่รางวัลนั้น กลับตกเป็นของ อัล ปาชิโน่ จากภาพยนตร์เรื่อง Scent of a Woman

        อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี ค.ศ. 1996 -2001 (พ.ศ. 2539 - 2544) ชีวิตของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ก็พลิกผันอีกครั้ง อันเนื่องมาจากการติดยาเสพติด เขาถูกจับในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหลายคดี ทั้งการใช้โคเคน เฮโรอีน รวมถึงฝิ่น โดยในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ถูกจับในข้อหายาเสพติด และต้องเข้าถูกกักตัวเอาไว้ในสถานกักกันผู้ป่วยติดยาเสพติดถึง 3 ปี แต่หลังจากที่อยู่ที่นั่นไปได้ 1 ปี ทางศาลก็พิจารณาให้สามารถปล่อยตัว โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ออกมา และเขาก็ได้ประกันตัวออกมาโดยการวางเงินกว่า 5,000  ดอลลาร์ และในปี ค.ศ.  2000  (พ.ศ. 2543) โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ก็ถูกจับอีกครั้งในโรงแรมที่ปาล์มสปริง แคลิฟอร์เนีย ในข้อหามีเสพยาเสพติด และมีโคเคนและยาแวเลียม (ยาแก้ความเครียด) ไว้ในครอบครอง นั่นจึงทำให้เขาต้องเข้ารับการบำบัดยา และถูกภาคทัณฑ์เป็นเวลา 3 ปี เขาไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ในคดีนี้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องติดคุก และต้องเข้ารับการบำบัดยาเสพติดอีกครั้ง

        หลังจากที่ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์  ผ่านช่วงมรสุมของชีวิต ทั้งถูกจับข้อหายาเสพติด เข้ารับการบำบัด และกลับมาใช้ยาเสพติดอีกครั้ง เขาก็สามารถกลับมาทำงานได้อีก โดยงานแรกคือการรับเล่นมิวสิควิดีโอของ เอลตัน จอห์น ที่ชื่อว่า  I Want Love และได้กลับมาเล่นภาพยนตร์เรื่อง The Singing Detective ก่อนที่จะมาประสบความสำเร็จจากเรื่อง  Gothika อันเป็นภาพยนตร์ที่กรุยทางให้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ได้โลดแล่นในวงการฮอลลีวูดอีกครั้ง จนเข้า>>เขาเองได้เล่นภาพยนตร์ที่มีชื่อ เสียงมากมาย ทั้ง Good Night, and Good Luck, Fur, Kiss Kiss Bang Bang, The Shaggy Dog, Zodiac รวมทั้งในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ยังได้ออกอัลบั้ม The Futurist ร่วมกับค่ายโซนี่อีกด้วย

          ในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) ถือเป็นปีทองของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์  ก็ว่าได้ เพราะเขาได้แสดงในภาพยนตร์ 2 เรื่อง ที่ทำรายได้ถล่มทลายอย่าง Iron Man และ Tropic Thunder โดยเฉพาะเรื่องไอรอนแมน ที่ทำรายได้ไปกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และเรื่อง Tropic Thunder  ที่ส่งให้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์  มีชื่อเข้าชิงในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม บนเวทีออสการ์ จนทำให้นิตยสารไทม์ จัดอันดับให้  โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เป็น 100 บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดแห่งปี

       หลังจากนั้น  โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์  ก็มีภาพยนตร์ที่ทำรายได้เข้ามา เรื่อย ๆ ทั้งเรื่อง Sherlock Holmes ทั้ง 2 ภาค , The Avengers,  Iron Man 2 รวมทั้งยังได้ร่วมแสดงในเรื่อง The Incredible Hulk อีกด้วย


         นอกเหนือจากงานภาพยนตร์แล้ว โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ยังมีผลงานเพลงอีก  โดยที่เขาได้ร่วมร้องเพลงในภาพยนตร์เรื่อง Chaplin, Friends and Lovers,  Kiss Kiss Bang Bang และมีอัลบั้มของตัวเองคือ  The Futurist อีกด้วย

         ในด้านชีวิตส่วนตัวนั้น โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เคยแต่งงานกับ เดบอราห์ ฟอลคอนเนอร์ (Deborah Falconer) เมื่อปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) แม้ว่าจะเพิ่งคบหากันได้เพียง 1 เดือนกว่าเท่านั้น ทั้งสองคนมีลูกด้วยกันคือ  อินดิโอ ฟอลคอนเนอร์ ดาวนีย์ (Indio Falconer Downey) แต่หลังจากที่โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์  ติดยาและต้องเข้าสถานบำบัดอยู่หลายครั้ง ทำให้ชีวิตแต่งงานของเขา ต้องยุติลงในปี ค.ศ.  2001 (พ.ศ. 2544) และภรรยาของเขา ก็ได้เอาลูกชายไปด้วย ทั้งสองคนหย่าขาดอย่างเป็นทาง การในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) แต่ในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์  ได้พบกับ ซีซาน เลวิน (Sysan Levin) ในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง Gothika ทั้งสองคนจึงเริ่มออกเดทกัน และแต่งงานในปีวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) และทั้งโรเบิร์ต และซีซานมีลูกด้วยกันคือ เอกซ์ตัน อีเลียต ดาวนีย์ (Exton Elias Downey) โดยโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เอง ให้เครดิตว่า ซูซานคือคนที่ช่วยให้เขาหลุดพ้นจากการติดยาเสพติดมาได้

         เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับประวัติและชีวิตอันโลดโผนของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ซึ่งแม้ว่าเขาจะเคยติดยาเสพติดมาก่อน และเพราะกำลังใจที่ดีจากคนรอบตัว รวมทั้งความแข็งแกร่งของเขา ก็ทำให้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ กลับมามีชื่อเสียงเฉกเช่นเดิม




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ พระเอกไอรอนแมน 3 ที่มาแรงที่สุด อัปเดตล่าสุด 20 ตุลาคม 2564 เวลา 13:24:37 11,795 อ่าน
TOP