ในรอบปี 2013 มีภาพยนตร์หลายเรื่อง และนักแสดงหลายคนที่ได้ฝากฝีมือทางการแสดงเอาไว้อย่างมาก บางคนก็เปลี่ยนตัวเองจากบทบาทของหนุ่มหล่อมาดเข้มมาเป็นอันธพาลสุดโหด หรือการรับบทเป็นผู้กล้าในสถานการณ์คับขัน ซึ่ง นิตยสารไทม์ ก็ได้รวบรวม 10 การแสดงยอดเยี่ยมของปี มาฝากกันจ้า
1. เจมส์ ฟรังโก้ จากเรื่อง Spring Breakersขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Spring Breakers
ในปีนี้ดูเหมือนจะเป็นปีทองของพระเอก เจมส์ ฟรังโก้ ทั้งการรับบทเป็นฮิวจ์ เฮฟเนอร์ จากเรื่อง Lovelace, หัวหน้าแก๊งวายร้ายในเรื่อง Homefront คู่หูของหนุ่ม เซธ โรเกน ในหนังตลกสุดป่วน This Is the End และยังรับบทเป็นพ่อมดออซในเรื่อง Oz the Great and Powerful แต่บทบาทที่โดดเด่นในปีนี้ของ เจมส์ ฟรังโก้ นั้น มาจากเรื่อง Spring Breakers ซึ่งเขารับบทเป็นอันธพาลสุดแสบ และคนขายยาเสพติดที่มีชื่อว่า แอล อันย่อมาจาก เอเลี่ยน โดยบทของเอเลี่ยน เป็นบทบาทที่ท้าทายการแสดงของเขาอย่างมาก เขามีสิ่งที่รักไม่กี่อย่าง ได้แก่ ปืน และ เซ็กส์ การพลิกบทบาทมารับบทร้ายในครั้งนี้ ทำให้หลายคนยกย่องให้การแสดงของเจมส์ ฟรังโก้ ในเรื่อง Spring Breakers ถือเป็น 1 ในสุดยอดการแสดงแห่งปีเลยทีเดียว
2. จูเลีย โรเบิร์ต, จูลี่แอนน์ นิโคลสัน และ จูเลียเอต ลิววิส จากเรื่อง August : Osage Countyขอขอบคุณภาพประกอบจาก เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์ August : Osage County
ในภาพยนตร์เรื่อง August : Osage County ถือเป็นภาพยนตร์คุณภาพที่เหล่านักแสดงชั้นยอดได้มารวมตัวกัน และแสดงฝีมือกันออกมาอย่างเต็มที่ นอกเหนือจากเมอรีล สตีพ ที่รับบทเป็น วี คุณแม่ติดยาแล้ว นักวิจารณ์ยังชื่นชมผลงานการแสดงของลูกสาวทั้ง 3 คนของเธออย่าง จูเลียเอต ลิววิส ที่รับบทเป็นลูกสาวคนสุดท้องคือ คาเรน เซลล์ สาวเจ้าเสน่ห์ น้องสาวผู้เป็นที่น่าทะนุถนอมของบ้าน, จูลี่แอนน์ นิโคลสัน ที่มารับบทเป็นลูกสาวคนกลาง คุณแม่จอมวุ่นที่ยุ่งอยู่กับลูก และต้องแสดงความรู้สึกผ่านความเงียบและแววตา และ จูเลีย โรเบิร์ต ที่มารับบทเป็น บาร์บาร่า พี่สาวคนโตของบ้าน สาวที่ต้องกลับบ้านไปด้วยความอึดอัด เพื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และการที่เธอพยายามที่จะไม่รับรู้ว่า เธอเองมีอะไรที่เหมือน ๆ กันกับแม่ที่เธอเกลียดมากแค่ไหน ซึ่งนักแสดงทั้ง 3 คน ได้สวมบทบาทและปล่อยพลังกันออกมาเต็มที่ จนทำให้นี่เป็นหนึ่งในการแสดงแห่งปี
3. ไมเคิล แชนนอน จากเรื่อง The Icemanขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก The Iceman
แม้ว่าภาพยนตร์เรื่อง The Iceman ของไมเคิล แชนนอน จะเป็นหนังอินดี้ต้นทุนต่ำ และทำรายได้ไม่มากเท่าที่ควร แต่ไมเคิล แชนนอน เองก็สามารถรับบทบาทเป็นมือสังหาร อย่าง ริชาร์ด คุกลินสกี้ ออกมาได้อย่างแนบเนียน โดยที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของสุดยอดมือสังหารอย่าง ริชาร์ด คุกลินสกี้ ที่ในระหว่างปี 1948 - 1986 เขาได้ฆ่าคนไปมากกว่า 100 คน โดยที่ลูกสาวและภรรยาไม่เคยรับรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของเขาเลย ซึ่งในเรื่องนี้ ไมเคิล แชนนอน ยังได้ร่วมงานกับ คริส อีแวน และ วิโนน่า ไรเดอร์ ซึ่งช่วยส่งเสริมให้การแสดงของเขาโดดเด่นขึ้นมาในที่สุด
4. อเดล เอ็กซาร์โคปูโลส จากเรื่อง Blue Is the Warmest Colorขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก La Vie d\'Adèle
ภาพยนตร์เรื่อง Blue Is the Warmest Color ถือเป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่ได้รับ รางวัลปาล์มทองคำ จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ และทำให้ชื่อของ อเดล เอ็กซาร์โคปูโลส นักแสดงสาวชาวฝรั่งเศส กลายเป็นที่รู้จักขึ้นมา เธอรับบทเป็น อเดล สาวน้อยวัยแรกแย้ม ที่ไปมีสัมพันธ์รักกับแบบเลสเบี้ยนกับ เอ็มม่า ที่รับบทโดยลีอา เซย์ดู ซึ่งอเดลเอง สามารถถ่ายทอดพลังทางการแสดงออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งฉากที่ต้องโคลสอัพไปที่ใบหน้า ฉากร่วมรักที่สายตาและจมูกของเธอต้องซุกไซ้ไปตามเรือนร่างของคู่นอน และการแสดงออกทางสีหน้าจนดูเหมือนกับเธอเองไม่ได้แสดง แต่เป็นการกระทำที่ออกมาจากใจ
5. ทอม แฮงค์ จากเรื่อง Captain Phillips และ Saving Mr. Banksขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Captain Phillips, เฟซบุ๊ก Saving Mr. Banks
หากจะบอกว่าปีนี้เป็นปีทองของทอม แฮงค์ ก็คงจะได้ เพราะการที่เขารับบทบาทที่แตกต่างกันสุดขั้วอย่างในเรื่อง Captain Phillips และ Saving Mr. Banks ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงฝีมือการแสดงของนักแสดงรุ่นใหญ่คนนี้เป็นอย่างดี อาทิในเรื่อง Captain Phillips ที่ทอม แฮงค์ ต้องมารับบทเป็น ริชาร์ด ฟิลลิปส์ กัปตันของเรือคาร์โก้ที่ถูกโจรสลัดโซมาเลียปล้น และเขาต้องออกตัวปกป้องลูกเรือทุกคน รวมทั้งแสดงความเข้มแข็งทางด้านจิตใจหลังจากที่ต้องอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ส่วนอีกบทบาทนั้น คือการรับบทเป็น วอล์ท ดิสนีย์ เจ้าพ่อการ์ตูนชื่อดังที่พยายามขอร้องให้ พี.แอล.ทราเวิร์ส อนุญาตให้เขาสร้างภาพยนตร์จากนิยายเรื่องแมรี่ พ็อพพินส์ อันเป็นเหตุให้ดิสนีย์บอกเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตบ้านนอกของเขาในวัยเด็ก ซึ่งการที่ทอม แฮงค์ มารับบทต่างกันสุดขั้วภายในปีเดียวกันแบบนี้ ย่อมแสดงถึงฝีมืออันจัดจ้านของนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ได้เป็นอย่างดี
6. เบเรนิซ บีโย จากเรื่อง The Pastขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก The Past
หลาย ๆ คนอาจจะรู้จัก เบเรนิซ บีโย จากบทบาทของเป็ปปี้ มิลเลอร์ สาวนักเต้นผู้ผันแปรมาเป็นดาราสาวชื่อดังจากผลงานการแสดงนำในเรื่อง The Artist แต่คราวนี้ เบเรนิซ บีโย กลับมากับภาพยนตร์ดราม่าบาดลึก ของผู้กำกับชาวอิหร่าน อาชการ์ ฟาฮาร์ดี ที่เคยฝากผลงานในเรื่อง A Separation จนได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศมาแล้ว ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง The Past เป็นเรื่องราวของ มารี ( เบเรนิซ บีโย) ที่แยกกันอยู่กับสามี และทำให้สามีชาวอิหร่านของเธอ ต้องบินมาจากกรุงเตหะรานมาที่ปารีสเพื่อที่จะเซ็นใบหย่าให้ แต่ในขณะนั้น มารีเอง ก็กำลังครองรักอยู่กับหนุ่มที่ชื่อว่าซาเมียร์ และอยู่กับลูกทั้ง 3 คนในบ้าน ซึ่งลูกสาวของมารี ไม่เห็นด้วยกับการที่แม่จะไปแต่งงานใหม่ จนกลายเป็นความขัดแย้งอย่างหนักภายในบ้าน และจากผลงานการแสดงที่ส่งผ่านความทุกข์ทม ความโกรธแค้น ความเจ็บปวดภายในจิตใจของตัวละครออกมาได้อย่างสวยงาม ก็ทำให้ เบเรนิซ บีโย รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์
7. แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ และ จาเร็ด เลโต้ จากเรื่อง Dallas Buyers Clubขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Dallas Buyers Club
แม้ว่าในปีนี้ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ จะรับบทนำในหนังหลายเรื่องอย่าง Mud และ The Wolf of Wall Street แต่ผลงานที่น่าจดจำและเป็นที่ประทับใจของเขานั้น กลับเป็นเรื่อง Dallas Buyers Club ซึ่งแมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ต้องลดน้ำหนักกว่า 17 กิโลกรัม เพื่อมารับบทเป็น รอน วู้ดรูฟ หนุ่มช่างไฟชาวเท็กซัส โรดิโอขี่วัว และเกย์หนุ่มที่หมอบอกว่าเขาติดเชื้อเอชไอวีและอยู่ไม่ได้เกิน 6 เดือน แต่เขาก็อยู่รอดมาได้กว่า 6 ปีโดยการใช้และขายยาที่ไม่ได้รับการรับรองจากเอฟดีเอ อีกทั้งยังช่วยเหลือเพื่อนเกย์ที่ติดเอดส์ให้มีชีวิตรอดอีกด้วย แต่ในขณะเดียวกัน บทบาทที่โดดเด่นไม่แพ้กันในเรื่องนี้ คือบทบาทของจาเร็ด เลโต้ ที่รับบทเป็นสาวประเภทสองนามว่า เรยอน ซึ่งเลโต้เองสามารถแสดงถึงความหวาน ความตลก ความทุกข์และชีวิตที่ตกต่ำของเธอได้เป็นอย่างดี ทำให้ทั้งสองบทบาทนี้ กลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากในปีนี้
8. จูดี้ เดนช์ จากเรื่อง Philomenaขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Philomena Movie UK
เราอาจจะได้เห็นการแสดงของ จูดี้ เดนช์ เป็นนางพญาสาวผู้เย่อหยิ่ง ราชินีจอมผยอง หรือกระทั่งวายร้ายผู้ไร้ความปรานีในหนังของ เจมส์ บอนด์ รวมทั้งภาคล่าสุดอย่าง Skyfall แต่ในภาพยนตร์เรื่อง Philomena ที่เป็นเรื่องราวตีแผ่ความเป็นจริงของสังคมแบบแสบ ๆ คัน ๆ เกี่ยวกับผู้หญิงชาวไอริชคนหนึ่ง ที่เมื่อสมัยยังสาว เธอถูกแม่ชีนิกายคาทอลิกบังคับให้ยกลูกชายของเธอให้กับคู่รักชาวอเมริกัน ในอีก 50 ปีต่อมา เธอก็ตัดสินใจออกตามหาลูกชายที่สาบสูญของตัวเอง ซึ่งจูดี้ เดนช์เอง สามารถรับส่งบทตลกกับ สตีฟ คูแกน ผู้มารับบท มาร์ติน ซิกซ์สมิธ นักข่าวผู้ออกช่วยเหลือการตามหาลูกชายของเธอ ทั้งการแสดงที่ถึงพริกถึงขิง การแสดงออกถึงความเจ็บปวดจากภายในของเธอที่ถูกพรากลูกไป หรือบางครั้งก็ยังมีมุกตลกแบบน่ารัก ๆ ในสไตล์จูดี้ เดนช์ออกมา เลยทำให้การแสดงของเธอในหนังเรื่องนี้ เป็นที่น่าประทับใจและยกให้เป็นการแสดงแห่งปี
9. เอมี่ อดัมส์ จากเรื่อง American Hustleขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก American Hustle
ไม่ว่าเอมี่ อดัมส์ จะแสดงภาพยนตร์เรื่องไหน ก็ดูเหมือนว่าเธอจะเล่นได้โดดเด่นไปเสียหมด แต่รัศมีความโดดเด่นของเธอในหลาย ๆ เรื่องอาจจะยังไม่ถึงที่สุด อาทิในเรื่อง Julie & Julia ที่ถูกรัศมีของเมอรีล สตีพ บังยับ หรือเรื่อง The Fighter ที่เมลิสซ่า ลีโอ ก็ชิงความเด่นดังไปเช่นกัน แต่ในปีนี้ เอมี่ อดัมส์ กลับมาแรงอย่างมาก ทั้งจากการรับบทลูอิส เลน ในเรื่อง Man of Steel หรือบทเพื่อนสาวคนสนิทของพระเอกในเรื่อง her และบทที่เด่นที่สุดในปีนี้ของเอมี่ อดัมส์ คือการรับบทเป็นซิดนีย์ ในเรื่อง American Hustle ที่เธอจับคนดูอยู่หมัดโดยเฉพาะในตอนครึ่งแรกของหนัง ที่เธอต้องรับบทเป็นสาวเซ็กซี่เจ้าเสน่ห์ ที่มาพร้อมกับเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว และเอมี่ อดัมส์ ก็สามารถจำกัดความของตัวละครตัวนั้นออกมาได้อย่างดี เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงหลงรักตัวละครนี้อย่างแน่นอน
10. โรเบิร์ต เรดฟอร์ด จากเรื่อง All Is Lostขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก All Is Lost
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เราแทบจะไม่ได้เห็นโรเบิร์ต เรดฟอร์ด พูด หรือรู้เรื่องราวในอดีตของเขาเลย เราไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของตัวละคร อันจำเป็นต้องใช้ความสามารถอย่างมากในการแสดง ทั้งภาษากายและอารมณ์ความรู้สึก ภาพยนตร์เรื่อง All Is Lost เผยเบื้องลึกถึงความพยายามของมนุษย์ที่ต้องการจะมีชีวิตรอด ท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจในทะเลอินเดีย และเรือยอร์ชที่กำลังจะจมลงทุกขณะ นั่นจึงทำให้เขาต้องใช้ทุกความสามารถที่ตัวเองมีในการเอาตัวรอดมาให้ได้จากสถานการณ์คับขันนั้น โรเบิร์ต เรดฟอร์ด เคยฝากผลงานที่เป็นที่น่าประทับใจไว้หลายเรื่อง ทั้ง Downhill Racer, Jeremiah Johnson, The Horse Whisperer และภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็เป็นบทพิสูจน์อย่างดีที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางการแสดงของเขา เพราะหนังทั้งเรื่องนั้นมีเขาที่แบกหนังเอาไว้อยู่คนเดียว
