นิตยสาร Forbes เผยรายชื่อ 10 อันดับหนังขาดทุน ปี 2556 พบ The Fifth Estate ขาดทุนหนักสุด ได้ทุนคืนแค่ 21%
นิตยสาร Forbes ได้เผยรายชื่อ 10 อันดับหนังขาดทุน ปี 2556 โดยพบว่า หนังที่ขาดทุนมากที่สุดในปีนี้ก็คือเรื่อง The Fifth Estate จากค่าย Dream Works ที่แม้ว่าจะดึงเอา เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ (Benedict Cumberbatch) ซึ่งเป็น 1 ในนักแสดงดาวรุ่งที่กำลังเป็นที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้มารับบทเป็น จูเลียน อาสซานจ์ (Julian Assange) เจ้าของเว็บไซต์ WikiLeaks เพื่อเปิดประวัติของเขาให้เราได้เห็นกัน โดยมี บิล คอลดอน (Bill Condon) ที่ชนะรางวัลออสการ์จากการเขียนบท Gods and Monsters และกวาดรายได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐ จาการกำกับ Twilight 2 ภาคสุดท้าย มาเป็นหัวเรือใหญ่ในการผลิต แต่ถึงอย่างนั้น The Fifth Estate กลับขาดทุนย่อยยับ เพราะมันสามารถทำรายได้จากบ็อกซ์ ออฟฟิศทั่วโลกเพียงแค่ 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น เมื่อเทียบกับต้นทุน 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเรียกว่าได้ทุนคืนมาแค่ 21% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ต้นทุน 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐนี้เป็นเพียงต้นทุกสำหรับกระบวนการผลิตเท่านั้น โดยยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายด้านการตลาดของ The Fifth Estate อีกถึง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้ DreamWorks และ Disney ต้องบอบช้ำไปตาม ๆ กัน แต่ยังนับว่าเป็นโชคดีของ Disney ที่หนังฟอร์มยักษ์อย่าง Iron Man 3, Thor : the Dark World และ Monsters University นั้นยังคงทำรายได้งาน ทำให้ไม่ต้องบอบช้ำมากนัก
สำหรับหนังที่ขาดทุนเป็นอันดับ 2 คือ Bullet to the Head ซึ่งหากเราจะไม่เคยได้ยินชื่อของหนังเรื่องนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ Warner Bros ไม่ได้ลงทุนด้านการตลาดกับหนังเรื่องนี้มากนัก และมีงบประมาณในการผลิตเพียงแค่ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่ก็ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกเขาสามารถเรียกทุนกลับมาได้เพียง 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 36% เท่านั้น
สำหรับหนังที่ขาดทุนเป็นอันดับ 3 ก็คือ Paranoia ซึ่งไม่ต่างจาก The Fifth Estate เท่าไรนัก เมื่อ Paranoia เป็นภาพยนตร์ที่ดูเหมือนจะดีในตอนแรก ด้วยการจับดารารุ่นเก๋าอย่าง แฮร์ริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) และ แกรี โอลด์แมน (Gary Oldman) มาประกบคู่กับหนุ่มหล่อรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงอย่าง เลียม เฮมส์เวิร์ธ (Liam Hemsworth) จาก The Hunger Games แต่มันกลับล่มไม่เป็นท่า เมื่อ Paranoia ถูกเปิดตัวมาด้วยรายได้อันดับ 13 ในเดือนสิงหาคม ก่อนจะจบลงแค่นั้น และทำเงินได้เพียงแค่ 13.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากต้นทุก 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือได้คืนมาเพียง 39%
และ Parker ที่ตามมาเป็นอันดับ 4 ก็ได้ทุนคืนมาเพียง 49% เท่านั้น แม้ว่า เจนนิเฟอร์ โลเปซ (Jennifer Lopez) จะเคยเป็นคนดังที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในกลุ่มรายชื่อ 100 เซเล็บก็ตาม แต่นั่นก็ดูจะไม่ได้ช่วยให้หนังเรื่องนี้สามารถทำรายได้เท่าที่ควร รวมถึงอันดับ 5 อย่าง Broken City ที่ แม้ว่า มาร์ค วอห์ลเบิร์ก (Mark Wahlberg) จะเป็น 1 ในนักแสดงระดับแนวหน้าในตอนนี้ แต่ Broken City กลับเรียกทุนคืนได้เพียงแค่ 54% เท่านั้น
สำหรับ 10 อันดับหนังขาดทุน ปี 2556 โดย Forbes มีดังต่อไปนี้
1. The Fifth Estate
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก The Fifth Estate
ทุนสร้าง 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ได้ทุนคืน 21%
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Bullet To The Head
ทุนสร้าง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ได้ทุนคืน 36%
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Paranoia
ทุนสร้าง 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก 13.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ได้ทุนคืน 39%
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Parker
ทุนสร้าง 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ได้ทุนคืน 49%
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Broken City
ทุนสร้าง 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ได้ทุนคืน 54%
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Battle of the Year Movie
ทุนสร้าง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ได้ทุนคืน 55%
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Getaway
ทุนสร้าง 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก 10.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ได้ทุนคืน 58%
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Peeples
ทุนสร้าง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ได้ทุนคืน 60%
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก R.I.P.D.
ทุนสร้าง 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ได้ทุนคืน 60%
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก The Big Wedding
ทุนสร้าง 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ได้ทุนคืน 63%