คริส ไคลน์ สไนเปอร์โคตรพระกาฬ
คริส ไคลน์ หับ ทายา ไคลน์ (ภรรยา)
คริส ไคลน์ หับ ทายา ไคลน์ (ภรรยา)
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Warner Bros. Thailand, เฟซบุ๊ก Chris Kyle, เฟซบุ๊ก American Sniper
หากพูดถึง คริส ไคลน์ ทุกคนอาจจะพอคุ้นหูกันมาบ้าง หากบอกว่าเขาคนนี้คือ สไนเปอร์มือ 1 และอดีตทหารหน่วยซีล ของสหรัฐฯ ที่มีสถิติสังหารผู้ก่อการร้ายมาแล้วถึง 160 คน และด้วยความเก่งกาจไม่เป็นสองรองใครเช่นนี้ ทำให้เขากลายเป็นที่ยกย่องจากคนในกองทัพสหรัฐฯและเป็นที่ยำเกรงของศัตรูด้วยเช่นกัน โดยผู้ก่อการร้ายชาวอิรักถึงกับตั้งฉายาให้เขาว่า Al-Shaitan (มีความหมายว่า "ปีศาจ") และมีการตั้งค่าหัวในราคาสูงอีกด้วย และก่อนที่หนัง American Sniper จะเข้าฉายในวันที่ 22 มกราคมนี้.. เรามาติดตามเรื่องราวชีวิต และความเป็นมาคราว ๆ ของ คริส ไคลน์ กันก่อนดีกว่า
คริส ไคลน์
คริส ไคลน์ ตัวละครสำคัญที่อาจเป็นทหารเกณฑ์คนหนึ่งในหลายล้านที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่เพื่อทางสถิติ เขาปรากฏตัวในสงครามที่อิรักในฐานะสไนเปอร์มือดีในประวัติศาสตร์กองทัพสหรัฐฯ แต่ผู้สร้างฯ American Sniper รู้ถึงความสำคัญในการศึกษาเรื่องราวของผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของคนจำนวนมากด้วยผู้กำกับฯ/ผู้สร้างฯ คลินต์ อีสต์วูด เล่าว่า "ผมเคยเล่นหนังสงครามมาแล้วหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้ทำให้ผมตื่นเต้นเพราะมันมีการเปรียบเทียบระหว่างความกล้าหาญในสงครามกับชีวิตส่วนตัวของคริส ซึ่งยิ่งทำให้เขามีความน่าสนใจมากขึ้น มันทำให้เห็นผลกระทบจากสงครามที่มีต่อคน ๆ หนึ่ง แต่เขาก็มีความกดดันเรื่องครอบครัวด้วย ถือเป็นเรื่องดีที่มีการย้ำเตือนถึงความเสี่ยงเวลาที่มีคนถูกส่งเข้าสงครามและได้เห็นว่าพวกเขาต้องเสียสละอะไรบ้าง ผมคิดว่านั่นทำให้เรื่องราวมีความหมายเป็นพิเศษ"
แบรดลีย์ คูเปอร์ ในบท คริส ไคลน์ ใน หนัง American Sniper
นักแสดงยังสังเกตเรื่อง American Sniper และเรื่องราวของมนุษย์ที่เป็นหัวใจสำคัญตามแนวของอีสต์วูดว่า การศึกษาธรรมชาติของผู้ที่ต้องใช้ความรุนแรงและความถูกต้องกลายเป็นเรื่องที่แยกกันไม่ออก "คริสไม่ใช่คนหัวรุนแรง อันที่จริงห่างจากความรุนแรงมาก แต่เมื่อถูกเรียกตัวเขาก็ไม่เกรงกลัวต่อภารกิจ เพราะเขาเชื่อมั่นว่าเหตุผลสำคัญกว่า ความกล้าหาญของเขาไม่ได้ขึ้นกับจำนวนของผู้ที่ถูกฆ่าในสงคราม มันยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการเผชิญหน้ากับบาดแผลจากสงครามอีกด้วย ไม่ใช่แค่ตัวเขา แต่ครอบครัวของเขาด้วย"
คริส ไคลน์ มีหลักการใช้ชีวิตง่าย ๆ คือ "พระเจ้า ประเทศชาติ ครอบครัว" สำหรับเขาแล้วนั่นไม่ใช่แค่ถ้อยคำ มันเป็นรากฐานของชีวิตในความรับผิดชอบ การช่วยเหลือ และการอุทิศตนให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง สิ่งที่จำเป็นต่อหน่วยรบของกองทัพ รวมถึงภาระต่อคนที่เขารักมากที่สุด โดยเฉพาะ ทายา ภรรยาของเขา ในที่สุดก็บังคับให้เขาประเมินลำดับความคิด 3 อย่าง แต่ไม่ใช่คำมั่นที่เขามีต่อสิ่งเหล่านั้น
อีสต์วูดยืนยันว่า "คริสโตมาพร้อมกับถ้อยคำนั้น เขายังซึมซับตั้งแต่เด็กด้วยว่าบางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นผู้ปกป้อง และเขารู้ว่าชะตาชีวิตของเขาต้องเป็นแบบนั้น นั่นคือสิ่งที่ผลักดันให้เขาทำมากกว่าการเดินทาง แม้ว่าเขาต้องพบกับความลังเลในการทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง เขาเป็นคนหนึ่งที่พร้อมยอมทำเกินหน้าที่เสมอ"
คริส ไคลน์
ชื่อเสียงของไคลน์สร้างชื่อให้ตัวเองมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และได้รับความสนใจจากผู้สร้างฯ ปีเตอร์ มอร์แกน และแอนดรูว์ ลาซาร์ รวมถึง ฮัล มอร์แกน เล่าว่า "เราได้ยินเรื่องรางวัลของเขาในฐานะของหน่วยรบของกองทัพ และรู้ว่าเขาเป็นผู้ที่รักชาติมาก แต่ยิ่งเราค้นหาข้อมูลก็ยิ่งเห็นว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นคนดีขนาดไหน… ครอบครัว เพื่อน ๆ และผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เคียงข้างเขารักและชื่นชมเขาขนาดไหน เราอยากสร้างเรื่องราวขึ้นมาจากความรู้สึกที่รายล้อมรอบตัวเขา สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นตัวผลักดันเขา"ก่อนจะเริ่มเขียนบทฯ ฮัลได้เดินทางไปที่เท็กซัสเพื่อพบกับไคลน์ "ตอนแรกเขาพูดไม่ค่อยเก่ง" นักเขียนกล่าว "พอถึงช่วงที่ผมกลับ ผมรู้สึกว่าอยากถ่ายทอดเรื่องราวโดยได้ความวางใจจากเขา ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกนอกประตูเขาบอกว่า "แต่เรากำลังจะเขียนหนังสือขึ้นมานะ" ตอนแรกดูเหมือนหนังสือจะเป็นตัวอุปสรรค แต่สุดท้ายมันกลายเป็นแหล่งข้อมูลอย่างวิเศษมากครับ"
แต่ยังมีอีกด้านหนึ่งของไคลน์ที่ฮัลเห็นเป็นคนแรก และเขาอยากถ่ายทอดลงไปในบทภาพยนตร์ด้วย "มันคงเป็นเรื่องง่ายถ้าสร้างหนังเรื่องนี้ให้มีแต่ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในสงคราม แต่คริสเป็นคนที่มีรายละเอียดซับซ้อนกว่านั้น หนังสือถูกเขียนขึ้นมาหลังจากเขากลับถึงบ้านไม่เกิน 1 ปี ฉะนั้นเท่ากับเขายังสวมเกราะนั้นอยู่ มันไม่ค่อยมีการถ่ายทอดด้านที่อ่อนโยนของคริส การเป็นสามีและคุณพ่อที่น่ารัก และช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังที่เขากับทายาต้องฝ่าฟันกันไปในช่วงที่มีการเดินทาง 4 ครั้ง และในช่วงที่สงครามนี้ดูจะยืดเยื้อออกไป ครอบครัวของเหล่าทหารมีการติดต่อกันมากขึ้นโดยใช้โทรศัพท์ดาวเทียม ทายาได้ยินเรื่องน่ากลัวของการคุยแบบนั้น แต่นั่นเป็นเส้นทางเชื่อมชีวิตถึงเขา และผมเชื่อว่าน้ำเสียงขอเธอช่วยให้เขากลับถึงบ้านได้ ผมคิดว่าตัวเองไม่เคยเข้าใจว่าคริสเป็นคนแบบไหนเลยจนกระทั่งได้พบกับทายา"
"มีเหตุการณ์รุนแรงหลายอย่างเกิดขึ้น" อีสต์วูด กล่าว "แต่จิตวิญญาณของเรื่องและสิ่งที่ผลักดันเรื่องราวคือความสัมพันธ์ระหว่างคริสกับเหล่าพี่น้อง โดยเฉพาะระหว่างคริสกับทายา ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญสุดในหนัง คริสรักเธอมากแต่ขณะเดียวกันเขามีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุความต้องการที่ประเทศชาติของเขามอบภารกิจไว้ให้"
ภาพ เซียนนา มิลเลอร์ และ ทายา ไคลน์ (ภรรยาของ คริส ไคลน์) จาก เฟซบุ๊ก American Sniper
เซียนนา มิลเลอร์ ผู้รับบท ทายา ไคลน์ เล่าว่า "หัวใจสำคัญคือนี่เป็นเรื่องราวระหว่างมนุษย์สองคน คนหนึ่งต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และคาดไม่ถึง ต้องห่างไกลจากบ้านและต้องพยายามประคองครอบครัวของเธอไว้ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของคริสมีความยิ่งใหญ่มากเพราะเขามีนิสัยแบบนั้น เขาเชื่อว่าถ้าเขาอยู่กับครอบครัวจะต้องมีคนตายเพิ่มขึ้น และมันเป็นเรื่องที่ต้องอึดอัดกับเรื่องศีลธรรม ซึ่งมันยากสำหรับเธอเช่นกันค่ะ ฉันคิดว่าทายาเข้าใจสถานการณ์ของเขา เธอพยายามใจเย็น ให้กำลังใจสามี แต่มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะจัดการได้เมื่อมีลูกเข้ามาเกี่ยวข้องและลึก ๆ แล้วเราก็แทบจะระเบิด มันทำให้เรื่องราวมีเสน่ห์และเป็นเรื่องสะเทือนใจที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การได้พบกับทายาทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีหน้าที่แสดงให้ถูกต้องค่ะ"
คูเปอร์ต้องแปลงโฉมเพื่อมารับบท ไคล์ ที่มีรูปร่างภูมิฐานได้ร่วมแบ่งปันความรู้สึกนั้นแต่เล่าว่า "ผมไม่เคยรู้สึกว่าความรับผิดชอบเป็นภาระเลย ผมรู้สึกว่าเป็นเกียรติ รู้สึกเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่ได้แสดงความเคารพในปฏิบัติการของเขาและทหารผ่านศึกท่านอื่น ผมชอบทุกช่วงเวลาที่แสดงเป็นเขา ทุกวินาทีเลยครับ"
หลังจากพิธีฝังศพฮัลได้เดินทางไปหาทายา พวกเขาคุยโทรศัพท์กันนานหลายชั่วโมงเมื่อเธอได้ใช้ชีวิตร่วมกับคริส "ภาพยนตร์ได้กลายเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ลูก ๆ ของเธอจะจดจำพ่อของพวกเขา และเธออยากให้มันออกมาถูกต้อง" ฮัลกล่าว "มันไม่ใช่แค่การเยียวยาเธอเท่านั้น มันยังทำให้ผมจับน้ำเสียงของเธอได้จากคำบอกเล่าของเธอด้วย เธอได้แสดงให้เห็นภาพลักษณ์ของเขาที่เป็นก่อนสงคราม ภารกิจที่ไม่บ่งบอกว่าเป็นภาระของเขาและการเยียวยาทั้งหลายที่เขาต้องพบเพื่อฟื้นฟูอีกครั้ง"
ภาพ คริส ไคลน์ จาก เฟซบุ๊ก Chris Kyle
เวลาเกือบ 1 ปีต่อมา คลินต์ อีสต์วูด และแบรดลีย์ คูเปอร์ ได้เดินทางไปที่เทกซัสเพื่อพบ กับครอบครัวของคริส รวมถึงทายา พ่อแม่ของเขา เวย์น เด็บบี้ และน้องชายของเขาที่ชื่อเจฟ ผู้กำกับฯ เล่าว่า "มันเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผมที่ต้องใช้เวลากับพวกเขา เพราะพวกเขามีไอเดียดี ๆ ว่าคริสเป็นใครจากครอบครัวของเขาที่น่าทึ่งมากครับ เราจากมาพร้อมความเศร้าจากการสูญเสียผู้ชายที่น่าทึ่งคนนี้ แต่มีความกระตือรือร้นในการสร้างหนังเรื่องนี้มากกว่า"
"เราให้สัญญากับพวกเขาว่าเราจะสร้างคริสขึ้นมาให้ถูกต้อง" คูเปอร์เล่าต่อว่า "และจริง ๆ แล้วผมรู้สึกว่าเขาอยู่ตรงนั้นด้วย"
คูเปอร์เล่าว่า "ตอนที่คริสพูดในหนังว่า "ผมยอมสละชีวิตเพื่อประเทศชาติของผม" เขาหมายความตามนั้นจริง ๆ จากนั้นจะได้เห็นการเดินทางของเขา… มันไม่ได้ทำให้เขาเป็นผู้ยอมพลีชีพเพื่อความเชื่อ มันไม่ได้ทำให้เขาเป็นอะไรไปมากกว่าคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่นั่นคือตัวตนของเขา"
แบรดลีย์ คูเปอร์ ในบท คริส ไคลน์ ใน หนัง American Sniper
แบรดลีย์ คูเปอร์ ในบท คริส ไคลน์ ใน หนัง American Sniper
แบรดลีย์ คูเปอร์ ในบท คริส ไคลน์ ใน หนัง American Sniper
แบรดลีย์ คูเปอร์ ในบท คริส ไคลน์ ใน หนัง American Sniper
แบรดลีย์ คูเปอร์ ในบท คริส ไคลน์ ใน หนัง American Sniper